ข่าวสาร อย.

ข่าวสารจาก อย. รู้ทันเหตุการณ์ อัพเดททุกวัน

----
ขึ้นทะเบียน อย. ทั้งนำเข้าและผลิต
อาหาร++
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร++
เครื่องสำอาง++
เครื่องมือแพทย์++
วัตถุอันตราย++
ราคาพิเศษ สอบถามรายละเอียดได้ที่
Tel : 08-05584431, 09-70094800 (คุณเอ๋,คุณอาร์ม)
√สะดวก
√รวดเร็ว
√ราคาไม่แพง
√ยินดีให้คำปรึกษาฟรี

  • อย. ห่วงใย เตรียมพร้อมทุกการเดินทางด้วยผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด

    หลายคนชื่นชอบการเดินทางไปท่องเที่ยว ไปทะเล เล่นน้ำตก หรือมีกิจกรรมกลางแจ้ง แต่เบื่ออากาศร้อนและแสงแดดที่จะมาทำลายผิว และคงไม่มีใครอยากมากังวลเรื่องผิวจนเที่ยวไม่สนุกกันหรอก ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดจึงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น หลายผลิตภัณฑ์ยังเพิ่มสารเพื่อการบำรุงผิวด้วย วันนี้ อย. จะพาทุกคนมาเตรียมความพร้อมของผิวสำหรับทุกการเดินทางด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดกัน

    ก่อนอื่นมารู้จักกับแสงแดดกันก่อน ในแสงแดดจะมีรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่เรียกว่า “รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)” หากได้รับมากเกินจะก่อให้เกิดโทษ ทำลายผิวหนังของเราได้ โดยรังสียูวี สามารถแบ่งได้ ดังนี้

    1. รังสียูวีเอ (UV A, Ultraviolet A) เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดผิวแก่ก่อนวัย จุดด่างดำและฝ้า นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ยูวีเอสามารถทำให้ผิวมีความไวต่อยูวีบีเพิ่มมากขึ้นด้วย ค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอ จะแสดงเป็นค่า PA โดยใช้เครื่องหมาย + แสดงระดับของการป้องกัน มีตั้งแต่ PA + จนถึง PA ++++ ซึ่งค่า PA ยิ่ง + มากยิ่งป้องกันรังสียูวีเอได้ดียิ่งขึ้น

    2. รังสียูวีบี (UV B, Ultraviolet B) เป็นสาเหตุสำคัญของผิวแดง ไหม้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง ค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีบี จะแสดงเป็นค่า SPF โดยการแสดงค่า SPF จะอยู่ระหว่าง 6 ถึง 50 ระดับค่า SPF ยิ่งสูงจะยิ่งป้องกันรังสียูวีบีได้ดียิ่งขึ้น หากผลิตภัณฑ์มีความสามารถปัองกันรังสียูวีบีมากกว่า 50 จะแสดงเป็น SPF50+ แทน

    การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับความเข้มของรังสียูวีในแต่ละสถานที่ ระยะเวลาที่อยู่กลางแจ้ง และความไวต่อแสงแดดของผิวแต่ละคน เช่น โดยทั่วไปสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มี
    ค่า SPF15 ได้ แต่หากจะไปเที่ยวทะเลหรืออยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป กรณีทำกิจกรรมทางน้ำหรือกิจกรรมที่ต้องโดนน้ำ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่สามารถกันน้ำได้ด้วย โดยสังเกตจากคำว่า Water Resistant บนฉลาก

    เคล็ดลับในการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดง่าย ๆ ดังนี้

    "ทาก่อน" ทาก่อนที่จะออกแดด 15-30 นาที

    "ทาหนา" ใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับหน้าและคอ หรือแบ่งทาทีละ 1 ข้อนิ้ว ซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อการป้องกันแสงแดดที่มีประสิทธิภาพ

    "ทาซ้ำ" ควรทาช่วงเช้า เที่ยง หรือทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเวลาที่มีเหงื่อออก หลังจากว่ายน้ำ หรือเช็ดตัว

    เพื่อความปลอดภัยควรอ่านฉลากให้ละเอียด ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด สังเกตเลขจดแจ้ง 10 หรือ 13 หลักและควรทดสอบการแพ้ก่อนการใช้ทุกครั้ง โดยการทาผลิตภัณฑ์บริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 24-48 ชั่วโมง หากพบความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น เช่น เป็นผื่นแดง คัน ให้หยุดใช้ทันทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากอาการยังไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เชือดผลิตภัณฑ์ Pro Up ขายทางออนไลน์ อวดอ้างเพิ่มน้ำหนัก

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยผลการตรวจสอบเฝ้าระวังการโฆษณาทางสื่อออนไลน์ พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ Pro UP ขายทางออนไลน์ ระบุสรรพคุณ “...เพิ่ม 7 กิโลกรัมหลังจาก 6 สัปดาห์ ไม่ให้ร่างกายเก็บกักน้ำหรือบวม เพิ่มน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์ เพิ่มกล้ามเนื้อไม่ใช่ไขมัน

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดชาวเวียดนาม พร้อมทั้งเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด หากพบการกระทำผิดเพิ่มเติมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะนำผู้บริโภคว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และ
    ควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. แนะซื้อดินสอพองให้ปลอดภัย ดูฉลากภาษาไทย มีเลขจดแจ้ง

    อย. แนะเลือกซื้อดินสอพองต้องดูที่มีฉลากภาษาไทย มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง เวลาใช้ต้องระวังอย่าให้เข้าบริเวณดวงตา ผิวหนังที่มีบาดแผลโดยเด็ดขาด เพราะมีคุณสมบัติเป็นด่าง อาจเกิดการระคายเคืองได้ พบผลิตภัณฑ์สงสัยไม่ปลอดภัย ไม่จดแจ้ง อย. แจ้งร้องเรียนที่สายด่วน อย. 1556

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกรณีกรมวิทยาศาสตร์บริการได้สำรวจคุณภาพของดินสอพองโดยพบมีดินสอพองปลอมจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่าดินสอพอง ทำมาจากดินมาร์ลหรือปูนมาร์ลมาบดร่อน ผสมน้ำแล้วกรองให้สะอาด ซึ่งดินมาร์ลมีส่วนประกอบของสารแคลเซียมคาร์บอเนตมากกว่าร้อยละ 80 และมีส่วนประกอบอื่น เช่น แมกนีเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมออกไซต์ ดินสอพองเป็นวัตถุดิบนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ทาผิวกายคลายร้อน แก้ผด ผื่นคัน ผสมน้ำอบเพื่อประพรมพระพุทธรูป พอกไข่เพื่อทำไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า การนำดินสอพองมาใช้ในวัตถุประสงค์ต่างกัน ต้องมีกรรมวิธีการเตรียมที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัย

    สำหรับการนำมาใช้เป็นเครื่องสำอางซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของ อย. ส่วนใหญ่ใช้สารแคลเซียมคาร์บอเนตหรือผสมร่วมกับสมุนไพรหรือสารทำความสะอาด และนำไปฆ่าเชื้อก่อน โดยปัจจุบันมีการรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่มีดินสอพองจำนวน 27 รายการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์พอกผิว ผลิตภัณฑ์สบู่ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว กรณีที่มีการตรวจพบดินสอพองปลอมจำหน่ายในท้องตลาด อย. จะดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดอย่างเข้มงวดต่อไป

    ทั้งนี้ ดินสอพองเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากดินธรรมชาติ จึงมีโอกาสเกิดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ดังนั้น อย. ขอแนะนำการเลือกซื้อเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของดินสอพอง ต้องมีฉลากภาษาไทยแสดงชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ (สำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน) คำเตือน และเลขที่ใบรับจดแจ้ง

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวแนะว่า เนื่องจากดินสอพองมีคุณสมบัติเป็นด่าง หากเข้าตาและผิวหนังที่มีแผล อาจมีผลให้เกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้น ผู้บริโภคต้องระมัดระวังในการใช้ อย่าใช้กับบริเวณที่มีบาดแผลและบริเวณดวงตา และหากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าผิดกฎหมาย ไม่ปลอดภัย ขอให้แจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.thหรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตือนอย่าใช้เซรั่มเถื่อนโฆษณาหลอกลวง อ้างลดเลือนริ้วรอยได้ทันทีหลังใช้ เสี่ยงหน้าพัง

    อย. เตือนอย่าเชื่อ อย่าใช้เซรั่มเถื่อน อ้างช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ทันทีหลังใช้ รีวิวทางTik Tok อาจลักลอบใส่สารห้ามใช้ ผู้ใช้อันตรายเสี่ยงหน้าพัง

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอทาง Tik Tok สาธิตวิธีใช้เซรั่มที่ทาเพียงหยดเดียวตีนกาหายวับทันที นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า เครื่องสำอางในคลิปวิดีโอไม่ปรากฏฉลากภาษาไทย ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชื่อ Brolamen ไม่พบการจดแจ้งในฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และมีข้อสังเกตจากคลิปดังกล่าวว่า ผู้ใช้เครื่องสำอางในคลิปมีการหยีตาขณะทาเซรั่ม จึงมีรอยย่นที่หางตา แต่เมื่อทาเซรั่มเสร็จก็ไม่หยีตา จึงไม่เห็นรอยย่น ดังนั้น การที่รอยย่นหายไปน่าจะเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า

    การโฆษณาเครื่องสำอางในลักษณะดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยภาพว่าใช้ผลิตภัณฑ์นี้ลดริ้วรอยได้ทันที ซึ่งเป็นเท็จหรือเกินความจริงและทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีที่เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ โดย อย. จะตรวจสอบ เฝ้าระวังการโฆษณาและดำเนินคดีผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

    รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อ เลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าได้หลงเชื่โฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ก่อนซื้อให้ตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์ผ่านการจดแจ้งจาก อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ”, Facebook: FDAThai, Line@FDAThai และผลิตภัณฑ์ต้องแสดงฉลากเป็นภาษาไทย ระบุข้อความจำเป็นครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ คำเตือน และเลขที่ใบรับจดแจ้ง หากผู้บริโภคพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือได้รับอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.thหรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. แนะซื้ออาหารนำเข้าต้องมีฉลากภาษาไทย และเลข อย.

    อย. เตือนผู้ประกอบการนำเข้าอาหารให้ขออนุญาตก่อนจำหน่าย และแสดงฉลากอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท พร้อมแนะผู้บริโภคปกป้องตนเองเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าที่มีฉลากภาษาไทย และเลข อย. เพื่อความปลอดภัย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่นำเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตจาก อย. ไม่มีฉลากภาษาไทย และแสดงฉลากไม่ถูกต้อง จึงขอแจ้งให้ผู้ประกอบการอาหารนำเข้าปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยอาหารแปรรูปพร้อมบริโภคทุกชนิดที่บรรจุ หรือถูกห่อหุ้มในภาชนะบรรจุและอยู่ในสภาพพร้อมบริโภคที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ต้องมีฉลากภาษาไทย ที่แสดงชื่ออาหาร เลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า ชื่อและประเทศผู้ผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน น้ำหนักสุทธิหรือปริมาตรสุทธิ และข้อมูลการใช้วัตถุเจือปนอาหาร สารก่อภูมิแพ้ แต่งกลิ่น เป็นต้น ซึ่งผู้จำหน่าย ร้านค้า และตลาดออนไลน์ ควรปฏิบัติตามกฎหมาย โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์นำเข้าที่มีฉลากภาษาไทยและมีการแสดงฉลากอาหารถูกต้องมาจำหน่าย ทั้งนี้ อย. ได้จัดทำหลักเกณฑ์การแสดงฉลากอาหารและตัวอย่างฉลากอาหารเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการในการคัดกรองผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่าย โดยสามารถศึกษาได้ทางคิวอาร์โค้ด ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

    รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผู้บริโภคควรป้องกันตนเองจากผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าผิดกฎหมาย ไม่มีฉลากภาษาไทย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาไทยและมีการแสดงฉลากถูกต้อง ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตของผลิตภัณฑ์ ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัย สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. การันตีนมโรงเรียนมีคุณภาพมาตรฐานและประโยชน์ครบ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับนมโรงเรียนว่ามีคุณภาพมาตรฐานต่ำกว่านมในท้องตลาดทั่วไปนั้น ไม่เป็นความจริง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความสำคัญกับนมโรงเรียนเพื่อให้เด็กไทยได้ดื่มนมที่ดีมีคุณภาพมาตรฐาน พร้อมการันตีว่า นมโรงเรียนมีคุณภาพ คุณประโยชน์ครบถ้วน ที่ผ่านมา อย. ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ กำกับดูแลคุณภาพนมโรงเรียนอย่างเข้มงวด และควบคุมการผลิตเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practice; GMP) มีการตรวจโรงงานอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ควบคุมการเก็บรักษาและการขนส่งถูกสุขลักษณะ ควบคุมอุณหภูมิเพื่อป้องกันการบูดเสีย นอกจากนี้ ยังมีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ทั้งนมพาสเจอไรซ์ และนมยูเอชที ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์ทุกเดือน และตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งหากตรวจพบผลิตภัณฑ์ไม่ผ่านมาตรฐานหรือสถานที่ผลิตไม่ผ่านเกณฑ์ จะมีโทษตามกฎหมาย และถูกตัดสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนด้วย

    รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากการควบคุมการผลิต การเก็บรักษา การขนส่งจากโรงงานถึงโรงเรียนแล้ว โรงเรียนต้องมีควบคุมการการเก็บรักษาก่อนแจกจ่ายให้นักเรียนด้วยเช่นกัน กรณีนมถุง
    (นมพาสเจอไรซ์) ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น หรือ หากใช้ถังแช่ ต้องเป็นถังที่สะอาดและใช้น้ำแข็งบริโภคที่สะอาด ที่มีความเย็นก่อนแจกจ่ายไม่เกิน 8 องศาเซลเซียส กรณีนมกล่อง (นมยูเอชที) มีสถานที่จัดเก็บสะอาด ป้องกันสัตว์พาหะ วางบนชั้นยกสูงจากพื้นอย่างน้อย 10 เซนติเมตร พื้นไม่เปียกชื้น และไม่ถูกแสงแดด กรณีกล่องนมบรรจุลังไม่ซ้อนลังสูงเกิน 8 ชั้น กรณีกล่องนมที่ห่อด้วยฟิล์มพลาสติก ไม่วางซ้อนสูงเกิน 5 ชั้น และไม่ใช้มีดหรือของมีคมกรีดลังกระดาษเพื่อป้องกันการกรีดโดนกล่องนมรั่วซึม

    รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า นมโรงเรียน คือนมโคสดแท้ 100% ที่ไม่แต่งกลิ่น ไม่เติมน้ำตาลให้ประโยชน์อย่างสูงกับเด็ก หากเปรียบเทียบปริมาณสารอาหารที่จำเป็น เช่น แคลเซียม โปรตีน พบว่าในนมโรงเรียน (นมโคสดแท้) มีปริมาณสารอาหารดังกล่าวสูงกว่า นมหวาน และ นมเปรี้ยว นอกจากนี้ การบริโภคนมหวานและนมเปรี้ยวจะทำให้เด็กติดหวานและเกิดภาวะอ้วนได้มากกว่า รวมถึงเสี่ยงเป็นโรคฟันผุมากกว่าเด็กที่ดื่มนมจืด 2 - 3 เท่า ซึ่งต่างจากนมสดธรรมชาติที่สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน ทำให้เด็กเติบโตได้เต็มศักยภาพ และเป็นการสร้างนิสัยการกินที่ถูกต้องโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน หัวใจ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคนไทยในอนาคต

    ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจ และสบายใจว่า นมโรงเรียนที่แจกให้เด็กนักเรียน ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวด และมีคุณประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเด็กนักเรียนอย่างแน่นอน


    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตือน อย่าตกหลุมพราง! ผลิตภัณฑ์ GluOats อ้างลดอาการแทรกซ้อนโรคเบาหวาน

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยผลการตรวจสอบเฝ้าระวังการโฆษณาทางสื่อออนไลน์ พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ GluOats ขายทางออนไลน์ ระบุสรรพคุณ “...ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ลดอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน...”

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดชาวเวียดนาม พร้อมทั้งเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด หากพบการกระทำผิดเพิ่มเติมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะนำผู้บริโภคว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


    ------------------
    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ตรวจสอบพริก หมาล่า นำเข้าและผลิตในประเทศ หาสีซูดานเรด

    กรณีไต้หวันแบนพริกและหมาล่านำเข้าจากจีน พบสีซูดานเรด ซึ่งไม่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้ในอาหารอย. ได้สุ่มเก็บตัวอย่าง พริกป่นละเอียด ผงพริกป่น ผงปรุงรสหมาล่า ทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศ ส่งตรวจวิเคราะห์ หากพบปนเปื้อนสีซูดานเรด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

    จากรณีที่มีการแชร์ ไต้หวันแบนการนำเข้าพริกที่ใช้และหมาล่า มีสีซูดานเรด (Sudan red) ซึ่งเป็นสีย้อมนั้น เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวมาจากเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันได้ตรวจพบสีซูดานเรดปนเปื้อนในพริกที่ผลิตในประเทศซึ่งสีซูดานเรด เป็นสีสังเคราะห์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ที่ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเพียงพอที่จะใช้ในอาหาร หลังจากนั้นองค์การอาหารและยาไต้หวันและหน่วยงานระดับพื้นที่ จึงสอบสวนสาเหตุการปนเปื้อนพบว่ามาจากพริกที่นำเข้าจากประเทศจีน จึงมีการตรวจสอบการนำเข้าจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง สำหรับหมาล่า หรือพริกไทยเสฉวน เป็นเครื่องเทศในอาหารจีน มีกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และทำให้มีอาการชาเล็กน้อยในปาก ทั้งนี้หมาล่ารวมถึงพริกต่าง ๆ อาจลักลอบใส่สีซูดานเรด เพื่อเพิ่มสีสัน ซึ่งสีดังกล่าวมีงานวิจัยพบว่าทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง ถึงแม้ยังไม่พบการเกิดมะเร็งในมนุษย์ แต่ควรเฝ้าระวังเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

    รองเลขาธิการฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค อย. ได้เฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างเช่น พริกป่นละเอียด ผงพริกป่น ผงปรุงรสหมาล่า หมาล่าเจียว ซุปหมาล่ากึ่งสำเร็จรูป มาตั้งแต่ พ.ศ. 2565 ถึงปัจจุบัน โดยได้เก็บตัวอย่าง ณ ด่านอาหารและยา ซึ่งนำเข้าจากจีน อินเดีย ปากีสถาน และสเปน รวม 21 ตัวอย่าง ตรวจไม่พบสีซูดานเรด สำหรับปีงบประมาณ 2567 เก็บตัวอย่างจากจีนที่เดียว 3 ตัวอย่างตรวจไม่พบสีซูดานเรดเช่นเดียวกัน และล่าสุดได้เก็บตัวอย่างจากสถานที่จำหน่ายในประเทศ เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจาก จีน ปากีสถาน และสเปน รวม 13 ตัวอย่าง และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ รวม 17 ตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจหาสีซูดานเรด ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลตรวจวิเคราะห์ หากพบสีซูดานเรดจะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ผู้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย หรือพบการกระทำฝ่าฝืน แจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว

  • อย. ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. ดำเนินคดีร้านมินิมาร์ทจีนชื่อดัง ขายสินค้าผิดกฎหมาย
    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เปิดปฏิบัติการตรวจสอบดำเนินคดีร้านมินิมาร์ทขายสินค้าอุปโภคบริโภคผิดกฎหมายหลายสาขา ดังนี้

    1) ร้านหวังจงหวัง ซอยจุฬาฯ 5

    2) ร้านหวังจงหวัง เยาวราช

    3) ร้านหวังจงหวัง ซีคอนบางแค

    4) ร้านหวังจงหวัง เทียนร่วมมิตร

    5) ร้านหวังจงหวัง ถนนหลวงแพ่ง

    6) ร้านหวังจงหวัง ชั้น 1 ภายในตึก BELLE GRAND RAMA

    7) ร้านหวังจงหวัง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

    8) ร้านโตโต้พรีเมียม สโตร์ ถนนพระราม 9

    9) ร้านเยาวราช ซุปเปอร์มาเก็ตจีน

    ผลการดำเนินการสามารถตรวจยึดอาหารผิดกฎหมายได้ 86 รายการ จำนวน 1,433 ชิ้น อย. ดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ไม่มีเลขสารบบอาหาร ฉลากอาหารเป็นภาษาจีน ไม่มีภาษาไทย ฝ่าฝืนมาตรา 6(10) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522



    รองเลขาธิการฯ กล่าวว่า อย. จะตรวจสอบร้านดังกล่าวโดยเข้มงวดและดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากมีพฤติกรรมการกระทำผิดซ้ำซาก และได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ให้ตรวจสอบเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ อนึ่ง การรับประทานอาหารแปรรูปที่ไม่ขอเลขสารบบอาหารอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่ทราบแหล่งผลิตที่แน่ชัด ไม่มีการรับรองว่าสถานที่ผลิตนั้นถูกสุขลักษณะหรือไม่ ใส่สารใดลงไปในอาหารบ้าง หากผู้บริโภคพบการกระทำผิดแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว

  • อย. จับ 12 นมผงเถื่อน ลักลอบนำเข้า ขายอวดสรรพคุณวิเศษเว่อร์ ใครหลงซื้อ รีบทิ้ง หวั่นได้รับอันตราย

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กวาดล้างเครือข่ายทุนเวียดนาม หลอกขายนมหลากหลายยี่ห้อ โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณแบบโอเวอร์ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาแพง อย่าหลงซื้อ อย่ากิน รีบทิ้ง หวั่นได้รับอันตราย

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยรายชื่อผลิตภัณฑ์นมผงเถื่อน 12 รายการ จากปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายทุนเวียดนามหลอกขายนม อ้างรักษาโรค อย.ได้จับแล้วอย่างน้อย 2 เครือข่ายผู้กระทำผิดสัญชาติเวียดนาม อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ยังพบการโฆษณาขายทางช่องทางออนไลน์อยู่ จึงเน้นย้ำให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ ไม่มีนมที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาต จาก อย. ขายตามสื่อออนไลน์ในราคาแพง มี Call center ชักชวนให้ซื้อ แนะหากซื้อมาแล้วให้รีบทิ้งอย่าเสียดายผลิตภัณฑ์ หวั่นจะได้รับอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีดังนี้

    หากประชาชนพบเห็นหรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว

  • อย. ร่วมมือโกลเด้น เพลซ ผลักดันอาหาร Soft power เพิ่มมูลค่าอาหาร

    เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 อย.หารือร่วมมือโกลเด้น เพลซ เพื่อช่วยสนับสนุนและให้คำปรึกษาการอนุญาตด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชน หรือโครงการพระราชดำริ รวมถึงการผลักดันอาหารให้เป็น Soft Power และให้ข้อมูลแนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ส่งเสริมการประกอบกิจการที่อำนวยความสะดวก รวดเร็ว นอกจากเป็นหน่วยงานควบคุมกำกับดูแล โดยเป็นผู้สนับสนุนให้มีการผลิตอาหารส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะอาหารที่เป็น Soft power เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้จำหน่ายและส่งออก เพื่อให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศษฐกิจ จึงหารือกับภาคธุรกิจต่าง ๆ จับคู่ความร่วมมือ และได้เริ่มจากการหารือร่วมกับโกลเด้น เพลซ ซึ่งตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าจากโครงการในพระราชดำริ และผลิตภัณฑ์จากชุมชน ร่วมหาแนวทางในการวางแผนการส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหาการผลิตเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร ตลอดไปจนถึงการอธิบายทำความเข้าใจกฎหมายอาหารที่เกี่ยวข้อง

    รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การประชุมในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งจะมีการขยายความร่วมมือกับภาคธุรกิจอื่นอีกต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาและส่งเสริม สนับสนุนการผลิตอาหาร Soft power ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และปลอดภัยต่อไป
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว

  • อย. ร่วมกับ บก.ปคบ. เผาทำลายผลิตภัณฑ์สุขภาพของกลางที่มิใช่ยาเสพติดให้โทษ ครั้งที่ 14

    25 มีนาคม 2567 อย. ร่วมกับ บก.ปคบ. เผาทำลายผลิตภัณฑ์สุขภาพของกลางที่มิใช่ยาเสพติดให้โทษ ณ บริษัทอัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ จากปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ 96 คดี น้ำหนักกว่า 34,870 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

    ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ปฏิบัติการเชิงรุกปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างเข้มงวด โดยมีของกลางที่ถูกยึดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2566 คดีถึงที่สุดแล้วรวม 96 คดี เช่น ยาปลอม อาหารปลอม อาหารไม่บริสุทธิ์ เครื่องสำอางปลอม เครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง และเครื่องมือแพทย์ปลอม น้ำหนักรวมกว่า 34,870 กิโลกรัม รวมมูลค่าของกลางที่นำมาทำลายทั้งสิ้นกว่า 200 ล้านบาท โดยเป็นของกลางที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ จึงจัดให้มีการเผาทำลายของกลางดังกล่าว ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง 1,200 องศาเซลเซียส มีระบบควบคุมมลพิษ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 ทั้งนี้หากผู้บริโภคพบการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพจะทำการตรวจสอบการผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในท้องตลาด หากพบว่ามีผู้ประกอบการบางส่วนได้ฉวยโอกาสกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น การลักลอบผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน รวมถึงการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือแสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง บก.ปคบ. จะได้ร่วมกับ อย. ปฏิบัติการเชิงรุกปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายยังคงอยู่ในสังคมไทย และหวังให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานอย่างจริงจังของภาครัฐ ทั้งนี้หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135 เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.


  • อย. เร่งออกประกาศเครื่องมือแพทย์ ตอบโจทย์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ

    อย. เร่งรัดออกประกาศเครื่องมือแพทย์ในการกำหนดผู้ควบคุมการผลิต นำเข้า และขายเครื่องมือแพทย์ และปรับกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ให้มีความสะดวกและรวดเร็วตอบโจทย์การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ โดยยังตระหนักถึงการควบคุมคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครื่องมือแพทย์

    25 มีนาคม2567 นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเครื่องมือแพทย์ ครั้งที่ 3/2567 พร้อมด้วย นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่างกฎหมายเครื่องมือแพทย์ ดังนี้

    1. (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ที่ต้องจัดให้มีผู้ควบคุมการผลิต นำเข้า หรือขาย และคุณสมบัติ จำนวน และหน้าที่ของผู้ควบคุม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ผู้จดทะเบียนสถานประกอบการ ผู้รับอนุญาต ผู้แจ้งรายการละเอียดและผู้จดแจ้งผลิตหรือนำเข้า จัดให้มีผู้ควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ และกำหนดให้ผู้รับอนุญาตขาย จัดให้มีผู้ควบคุมการขายเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนกำหนดคุณสมบัติ จำนวน และหน้าที่ของผู้ควบคุม

    2. (ร่าง) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ลดขั้นตอนในพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับประเมินเอกสารทางวิชาการ และการตรวจสถานประกอบการ มีการนำเทคโนโลยีการตรวจประเมินแบบระยะไกล มาปรับใช้ ยกเว้นกรณีที่มีความเหตุจำเป็นหรือเหตุอันควรสงสัยในคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย

    ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความสำคัญต่อการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ จึงได้เร่งรัดการออกฎหมายเครื่องมือแพทย์เพื่อปรับกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้มีความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในการควบคุมการผลิต นำเข้า และขายเครื่องมือแพทย์ให้มีระบบคุณภาพ ประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย อันเป็นการส่งเสริมการขยายตัวของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์อย่างยั่งยืนต่อไป
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ไทย – ANVISA ประเทศบราซิล ร่วมหารือสร้างมิติใหม่ยกระดับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์รองรับเศรษฐกิจสุขภาพ

    วันนี้ (26 มีนาคม 2567) ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดย เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้การต้อนรับผู้แทนจากหน่วยงาน Brazilian Health Regulatory Agency (ANVISA) สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทย และผู้แทนจาก Brazilian Medical and Dental Devices Manufacturers Association (ABIMO) โดย The Brazilian Health Regulatory Agency หรือ ANVISA (Agência Nacional de Vigilância Sanitária) เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขของบราซิล มีหน้าที่ในการกำกับดูแลก่อนและหลังออกสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องได้แก่ เครื่องมือแพทย์ ยา อาหาร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและกำจัดแมลง

    การประชุมหารือในวันนี้ เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และหน่วยงานกำกับดูแลสุขภาพจากสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ได้อย่างรวดเร็ว
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว

  • อย.เตือนภัยผลิตภัณฑ์ BELLY BUTTON STICKER VINCERE ANCIENT
    อย่าซื้อมาใช้ อ้างเป็นสติกเกอร์ติดสะดือให้ความอบอุ่นบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ตรวจสอบแล้ว พบว่า...ผลิตภัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.ไม่พบข้อมูลเลขทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายไม่แนะนำให้ใช้ เสี่ยงไม่ปลอดภัย

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

    #จดอย #บริการอย #ขึ้นทะเบียนอย #ขออย #ขออยรวดเร็ว


  • อย. เชียร์ผู้บริโภค “ปกป้องสิทธิ์” ร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย

    15 มีนาคม วันสิทธิผู้บริโภคสากล อย. ผลักดันผู้บริโภคให้ตระหนักถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอันพึงมีในการปกป้องตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์สุขภาพไร้คุณภาพและโฆษณาโอ้อวดหลอกลวง เปิดช่องทางทุกแพลตฟอร์มให้แจ้งร้องเรียนได้

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า 15 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” หรือ World Consumer Rights Day เป็นวันที่กระตุ้นเตือนให้ผู้บริโภคทั่วโลกตระหนักถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง และส่งเสริมให้มีการเคารพ ปกป้องสิทธิของตน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะหากผู้บริโภคมีความเข้มแข็ง รู้จักการปกป้องสิทธิ์ จะเป็นกลไกที่ช่วยให้ภาครัฐสามารถดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีความห่วงใยผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน หรือตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดหลอกลวง จึงขอเป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคแสดงจุดยืนและเรียกร้องสิทธิของตนเอง โดย อย. ได้เปิดช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนผ่านสายด่วน อย. 1556 Line @FDAThai Facebook : FDAThai Email: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ทั้งนี้ อย. ให้ความสำคัญกับเสียงของผู้บริโภค โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 อย. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาหาร 2,106 เรื่อง ยา 1,145 เรื่อง เครื่องสำอาง 420 เรื่อง เครื่องมือแพทย์ 189 เรื่อง สมุนไพร 129 เรื่อง วัตถุอันตราย 49 เรื่อง วัตถุเสพติด 31 เรื่อง อื่น ๆ 38 เรื่อง รวม 4,107 เรื่อง



    สำหรับ 10 อันดับเรื่องร้องเรียน ได้แก่ 1. โฆษณาอาหาร 959 เรื่อง 2. โฆษณาขายยาทางเว็บไซต์ 946 เรื่อง 3. ฉลากอาหาร 904 เรื่อง 4. โฆษณาเครื่องสำอาง 207 เรื่อง 5. การขออนุญาตอาหาร 149 เรื่อง 6. การขายยา 145 เรื่อง 7. การขออนุญาตเครื่องสำอาง 110 เรื่อง 8. โฆษณาเครื่องมือแพทย์ 104 เรื่อง 9. โฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร 69 เรื่อง การขออนุญาตเครื่องมือแพทย์ 69 เรื่อง และ 10. สงสัยคุณภาพอาหาร 63 เรื่อง

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. จะตรวจสอบเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย และไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดต่อไป

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เผยวิธีซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เพื่อสุขภาวะที่ดี [วันสุขภาพช่องปากโลก]

    วันสุขภาพช่องปากโลก อย. ชวนดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อสุขภาวะที่ดี เผยวิธีเลือกซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก พร้อมแนะอย่าหลงเชื่อข้อมูลลวงบนสื่อออนไลน์

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก ได้กำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปี เป็นวันสุขภาพช่องปากโลก (World Oral Health Day) เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอแนะวิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก โดยยาสีฟันมีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ผงขัดฟัน สารก่อให้เกิดฟอง สารแต่งสี กลิ่น สารกันเสีย สารให้ความชุ่มชื้น สารเพิ่มความหนืด ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หากใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรใช้ยาสีฟันในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวและมีผู้ใหญ่ดูแลขณะแปรงฟัน สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก ใช้อมกลั้วปาก มีส่วนช่วยลดกลิ่นปาก ให้ลมหายใจหอมสดชื่น ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากทดแทนการแปรงฟัน และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะยังไม่สามารถควบคุมการกลืนให้ดีได้ ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ภาชนะบรรจุปิดสนิทเรียบร้อย มีฉลากภาษาไทยครบถ้วน ระบุเลขที่ใบรับจดแจ้ง และควรปฏิบัติตามคำเตือนบนฉลากอย่างเคร่งครัด

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาพบการโฆษณาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อาทิ ยาสีฟันทำให้ฟันงอก ยาสีฟันรักษาอาการฟันหลวม น้ำยาบ้วนปากสลายหินปูน รักษาฟันโยก ฟันผุ แก้ร้อนใน สเปรย์ระงับกลิ่นปากที่ช่วยฆ่าเชื้อโควิด-19 ขอแจ้งผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อ เป็นโฆษณาหลอกลวง หากมีปัญหาภายในช่องปากควรปรึกษาทันตแพทย์ ทั้งนี้ถ้าพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือได้รับอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ยกย่อง อสม. บุคคลสำคัญขับเคลื่อนชุมชนรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    20 มีนาคม วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ อย. ขอขอบคุณและสนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างพลังสังคมที่เข้มแข็งและสุขภาพดี



    เนื่องในวันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. เป็นจิตอาสาที่เสียสละแรงกายแรงใจ และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยส่งเสริมให้ชุมชนทุกพื้นที่มีสุขภาพที่ดี โดยในงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ เครือข่าย อสม. มีส่วนในการผลักดันให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หน่วยงานหลักในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ขอขอบคุณ อสม. ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้ทุกชุมชนบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างปลอดภัย

    ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อสม. เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายโครงการของ อย. เช่น โครงการเครือข่ายชุมชนร่วมใจ ป้องกันภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพ (บวร.ร.) โครงการพัฒนาชุมชนรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ โครงการสร้างความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกช่วงวัย “คนไทยคิดได้ ใช้เป็น” ปี 2567 โครงการติดอาวุธทางปัญญาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้สูงวัยในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ. ปี 2567 และยังมีอีกหลายโครงการที่ อสม. เข้ามามีส่วนร่วม โดยเป็นเสียงสำคัญในพื้นที่ที่ช่วยกระจายและส่งต่อความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่คนในชุมชน โดยผ่านกิจกรรมสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งการเยี่ยมบ้านให้ความรู้ การช่วยเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตาจากการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่โฆษณาโอ้อวดเกินจริง โดยเฉพาะในรูปแบบขายตรงหรือจากสื่อในชุมชน สามารถให้คำแนะนำหรือรับเรื่องร้องเรียนเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รวมทั้งการตรวจสอบร้านค้าหรือร้านชำร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดทั้งทางด้านร่างกาย ทักษะการอ่านเขียน และการตัดสินใจในข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ แต่มี อสม. ซึ่งเป็นผู้นำส่งข้อมูลที่จำเป็นให้ถึงบ้าน เป็นที่ปรึกษาใกล้บ้าน ใกล้ใจแก่ผู้สูงอายุในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่สามารถดำนินการได้สำเร็จด้วย อย. เพียงองค์กรเดียว ภาคีเครือข่ายเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้การคุ้มครองผู้บริโภคบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ อสม. ทั่วประเทศคือพลังที่เข้มแข็งในการช่วยผลักดันให้สังคมไทยตื่นรู้ เป็นผู้บริโภคที่ฉลาด ไม่ตกเป็นเหยื่อผลิตภัณฑ์สุขภาพหลอกลวง มีสุขภาพที่ดี ทำให้ประเทศชาติสามารถพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เตือนภัยผลิตภัณฑ์ " BAKING SODA Cool & Bright White toothpaste "
    อย่าซื้อมาใช้ Cool & bright white toothpaste BAKING SODA

    อ้างเป็นยาสีฟันช่วยขจัดคราบเหลืองจากชา กาแฟช่วยให้ฟันขาวขึ้นตรวจสอบแล้วพบว่าผลิตภัณฑ์

    ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.ไม่พบข้อมูลการจดแจ้งเครื่องสำอางและไม่แสดงฉลากเป็นภาษาไทย เป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ไม่แนะนำให้ใช้

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ไทย สิงคโปร์ รุกงานกำกับดูแล-ลดเวลาการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

    อย. ไทย จับมือ Health Science Authority (HSA) ประเทศสิงคโปร์ มี Reliance Programเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ลดขั้นตอน ลดเวลา และค่าใช้จ่าย พร้อมพัฒนางานด้านการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์และคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมกับ Health Science Authority (HSA) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ของประเทศสิงคโปร์ ดำเนินโครงการ Thai FDA & Singapore HSA Regulatory Reliance ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนกับ อย. โดยลดขั้นตอน และลดระยะเวลาในการประเมิน รวมถึงค่าธรรมเนียมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์มีการขึ้นทะเบียนกับ HSA แล้วสามารถยื่นคำขอขึ้นทะเบียนได้ตามโครงการดังกล่าวซึ่งยังคงมีความร่วมมือที่ดีต่อ 2 หน่วยงานในการกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์ผ่าน Reliance Program นอกจากนี้ ยังได้หารือเพื่อการขยายความร่วมมืออื่น ๆ เช่น การกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์หลังออกสู่ตลาด เพื่อให้ครอบคลุมการกำกับดูแลตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ จากความร่วมมือระหว่างประเทศกันของทั้ง 2 หน่วยงานนี้ จะเป็นการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เกิดความมั่นใจในผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และเพิ่มมาตรฐานในการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประชาชนไทยปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ร้อนนี้ อย. แนะเลือกบริโภคน้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีม ที่มีเครื่องหมาย อย. เพื่อความปลอดภัย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ทำให้น้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีม กลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของผู้บริโภค เพื่อช่วยดับกระหายและคลายร้อน แต่เพื่อความปลอดภัยและสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการกำกับดูแลและเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากขั้นตอนการผลิตและการเก็บรักษาที่ไม่ดี อาจเกิดการปนเปื้อนและการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์อย่างรวดเร็ว และอาจพบเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษอันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และโรคอุจจาระร่วง ซึ่ง อย. มีความห่วงใยอย่างยิ่ง จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อน้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีม ในช่วงหน้าร้อนเป็นพิเศษ โดยการเลือกซื้อกรณีน้ำดื่ม ควรเลือกภาชนะบรรจุที่สะอาดและปิดสนิท ไม่รั่วซึมหรือมีรอยสกปรก ไม่มีร่องรอยการเปิดใช้ ลักษณะของน้ำที่บรรจุอยู่ต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มีสี กลิ่น รสที่ผิดปกติ โดยร้านค้าที่จำหน่าย ต้องไม่วางน้ำดื่มตากแดดและไม่เก็บน้ำดื่มในที่ร้อน กรณีน้ำแข็ง ควรสังเกตรายละเอียดบนฉลากให้ครบถ้วน และต้องมีข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน โดยถุงที่ใช้บรรจุต้องสะอาด ปิดผนึกแน่นหนาไม่ฉีกขาด และน้ำแข็งต้องใสสะอาด ไม่มีคราบ สี หรือกลิ่นที่ผิดปกติ ไม่มีฝุ่นผงหรือสิ่งแปลกปลอมในก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรสังเกตสถานที่เก็บและภาชนะที่บรรจุน้ำแข็ง ซึ่งต้องถูกสุขลักษณะไม่มีการใส่น้ำแข็งปนกับอาหารประเภทอื่น กรณีไอศกรีม ภาชนะบรรจุต้องสะอาดและปิดสนิท ไม่ฉีกขาด สังเกตได้จากการที่ไม่มีไอศกรีมรั่วซึมออกมา และตัวไอศกรีมต้องไม่มีสี กลิ่น รส ที่ผิดปกติ และไม่เหลวหรือมีลักษณะเหมือนเคยละลายมาแล้ว

    รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ขอให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากแสดงรายละเอียดครบถ้วน ชัดเจน เช่น ชื่อที่ตั้งสถานที่ผลิต เครื่องหมาย อย. พร้อมเลขสารบบอาหาร 13 หลัก วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ Email: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ร่วมกับ สคบ. และ สตม. บุกจับบริษัทขายสินค้าไม่มี อย.

    วันที่ 13 มีนาคม 2567 อย. ร่วมกับ สคบ. และ สตม. บุกจับบริษัทขายสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางนาขณะใช้อินฟลูเอนเซอร์คนจีนไลฟ์ขายสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีฉลากภาษาไทย ยึดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สมุนไพรของกลางผิดกฎหมายหลายรายการ

    เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ร่วมตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งย่านบางนาซึ่งมีการไลฟ์ขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดกฎหมาย อย. จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อนผลิต นำเข้า และจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์ต้องเป็นภาษาไทยและมีเลข อย. กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว สำหรับยา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่สามารถซื้อทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านขายยาหรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายจากแพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น เว้นแต่เป็นยาสามัญประจำบ้าน

    ทั้งนี้ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่ อย ตรวจสอบแล้วพบการฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แก่ เครื่องสำอางจำนวน 19 รายการ เช่น JOVISSE ANGEYI SUNSCREEN SPRAY SPF50 PA+++, JOVISSE Hadabo Fermented Beauty Serum, JOVISSE ฟูลเลอรีนยีสต์เรืองแสงอายครีม, B5 Pro-vitamin B5 sea fennel Soothing Mask พบฉลากไม่แสดงเลขที่ใบรับจดแจ้งหรือแสดงเลขที่ใบรับจดแจ้งที่ยกเลิกแล้ว ไม่แสดงฉลากเป็นภาษาไทย และเครื่องสำอางที่หมดอายุ รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่แสดงเลขทะเบียนตำรับ จำนวน 8 รายการ เช่น BELLY BUTTON STICKER VINCERE ANCIENT สติ๊กเกอร์ท้องนางเงือก, แผ่นแปะเอว VILLUTRA WAIST PATCH, Jimsiga ครีมสมุนไพร, สติ๊กเกอร์หญ้าโปร่งแสง Boneless Herb Patch เบื้องต้นมีความผิดตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 คือขายเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้งมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขายเครื่องสำอางที่ฉลากไม่ใช้ข้อความภาษาไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายเครื่องสำอางที่แสดงข้อความไม่ครบถ้วน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขายเครื่องสำอางที่หมดอายุการใช้ตามที่แสดงไว้ในฉลาก มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 คือ ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ไม่ได้แจ้งรายละเอียดหรือไม่ได้จดแจ้งแล้วแล้วแต่กรณี มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และLine@FDAThai และหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email:1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThaiหรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เผย กำกับดูแลการแสดงฉลากรวมถึงการโฆษณาเนื้อสัตว์สด ไม่แปรรูป

    อย. เผย กำกับดูแลการแสดงฉลากรวมถึงการโฆษณาเนื้อสัตว์สด ไม่แปรรูป
    จากกรณีศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และภาคีเครือข่ายนักวิชาการ ได้จัดแถลงผลการศึกษาการแสดงฉลากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ไม่แปรรูปและการโฆษณา และห่วงใยว่าหน่วยงานใดกำกับดูแลเรื่องฉลากและโฆษณา นั้น

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เนื้อสัตว์สด ไม่แปรรูป เช่น หมู ไก่ เนื้อ เป็นอาหารที่ไม่ต้องยื่นขอเลข อย. โดยมีข้อบังคับการแสดงฉลากและยกเว้น ดังนี้ กรณีได้รับการยกเว้นไม่ต้องแสดงฉลาก เนื่องจากผู้จำหน่ายสามารถให้ข้อมูลผู้ซื้อได้โดยตรง ได้แก่ 1) เนื้อสัตว์สดที่ไม่ได้บรรจุในภาชนะบรรจุ เช่น หมูที่วางบนเขียงเนื้อหมูในตลาดสด หรือเนื้อหมูที่วางในถาดที่จำหน่ายในซูเปอร์มาเก็ต 2) เนื้อสัตว์สดที่ไม่ผ่านการแกะ ชำแหละ ตัดแต่ง หรือวิธีการอื่นใด เช่น ปลาทั้งตัว ไก่ทั้งตัว 3) เนื้อสัตว์สด ที่ผ่านการแกะ ชำแหละ ตัดแต่ง หรือวิธีการอื่นใดเพื่อลดขนาด อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย และผู้ตัดแต่งจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค กรณีต้องแสดงฉลาก 1) เนื้อสัตว์สด ที่ผ่านกรรมวิธีการแกะ ชำแหละ ตัดแต่ง หรือวิธีการอื่นใดเพื่อลดขนาด อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย และส่งไปจำหน่ายสถานที่ต่าง ๆ 2) เนื้อสัตว์สดในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่ายที่ผู้ประกอบการต้องการแสดงฉลาก ทั้งนี้ การแสดงฉลากทั้งสองกรณี อย่างน้อยต้องแสดงข้อความ ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ วันเดือนปีที่หมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน

    รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการโฆษณาคุณประโยชน์ และคุณภาพอาหารสด ต้องขออนุญาตและห้ามไม่ให้ผู้ใดโฆษณาอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ส่วนการใช้คำว่า “ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์” , “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” , “ออร์กานิก” , “ออร์แกนิค” หรือ “organic” อาหารนั้นจะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ หรือหน่วยงานเอกชนที่รัฐรับรอง เช่น เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 (ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งกำกับดูแลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือได้รับการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ IFOAM (The International Federation of Organic Agriculture Movements) และการใช้คำว่า premium /Gold/ Special/ Extra/ Supreme/ Selected หรือข้อความในทำนองเดียวกัน ต้องมีหนังสือชี้แจงเกณฑ์คุณภาพของบริษัทผู้ผลิต รวมถึงการโฆษณาไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ทั้งนี้หากไม่ขออนุญาตโฆษณา มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หากโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีแสดงฉลากไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

    หากสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนเรื่องฉลากและโฆษณาอาหาร แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.จับมือ ห้างค้าปลีก ช่วยคัดกรองอาหารและผักผลไม้ที่ขาย เพื่อผู้บริโภคปลอดภัย

    อย. และห้างค้าปลีก (Modern trade) ร่วมหารือแนวทางความร่วมมือในการช่วยคัดกรองผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย พร้อมให้คำแนะนำเพื่อตรวจสอบการแสดงฉลากอาหารที่ถูกต้อง และร่วมเฝ้าระวังความปลอดภัยของผักและผลไม้ที่วางขาย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ (Modern trade) ประชุมหารือแนวทางความร่วมมือในการช่วยคัดกรองผลิตภัณฑ์อาหารที่จำหน่าย พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อมูลการแสดงฉลากอาหารที่ถูกต้องของอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น การแสดงข้อมูลบนฉลากอาหารตามกฎหมาย การแสดงฉลากโภชนาการและค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน โซเดียม แบบจีดีเอ การแสดงฉลากอาหารที่กล่าวอ้างทางสุขภาพ เป็นต้น รวมทั้งได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการจัดการผักและผลไม้ในห้างค้าปลีกให้มีความปลอดภัย ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่สังคมให้ความกังวลเกี่ยวกับสารตกค้าง เช่น สารเคมีฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

    ความร่วมมือในการประชุมครั้งนี้ ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่วางจำหน่ายในห้างค้าปลีก จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ให้ข้อมูลอาหารที่ถูกต้องเพียงพอในการตัดสินใจเลือกซื้อเลือกบริโภค และเกิดความปลอดภัยจากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เผย USFDA ไฟเขียวโฆษณาโยเกิร์ตอาจลดเสี่ยงเบาหวาน บุคคลทั่วไปบริโภคได้ ผู้ป่วยเบาหวานอย่าเข้าใจผิด

    USFDA อนุญาตให้ผู้ผลิตอาหารสามารถโฆษณาว่าโยเกิร์ตอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน บุคคลทั่วไปบริโภคได้ตามข้อแนะนำกินเป็นประจำอย่างน้อย 2 ถ้วยต่อสัปดาห์ แต่ผู้ป่วยเบาหวานแนะนำให้ใช้ยาตามแพทย์สั่งและเลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสม

    จากกรณีที่ USFDA อนุญาตให้โฆษณาว่าโยเกิร์ตอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้นั้น เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐ หรือ USFDA ได้ทบทวนหลักฐานทางวิชาการและงานวิจัยต่าง ๆ พบว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างจำกัดว่าการรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จึงไม่คัดค้านการทำการตลาด และอนุญาตการแสดงข้อความที่ชัดเจนให้ผู้บริโภคทราบ คือ “การกินโยเกิร์ตเป็นประจำอย่างน้อย 2 ถ้วยต่อสัปดาห์ อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดย USFDA มีข้อสรุปบนหลักฐานการสนับสนุนที่มีอยู่อย่างจำกัด” หรือ “การกินโยเกิร์ตเป็นประจำอย่างน้อย 2 ถ้วยต่อสัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่อย่างจำกัด” ดังนั้นบุคคลทั่วไปสามารถรับประทานโยเกิร์ตได้ตามข้อแนะนำ แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ขอให้ใช้ยาตามแพทย์สั่ง ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากต้องการจะรับประทานโยเกิร์ต แนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไม่เติมผลไม้หรือน้ำตาล

    รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้มีการกล่าวอ้างทางสุขภาพได้ โดยอนุญาตการกล่าวอ้างหน้าที่สารอาหาร 28 รายการ การกล่าวอ้างหน้าที่อื่น 6 รายการ และการกล่าวอ้างการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค 2 รายการ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข(ฉบับที่ 447) พ.ศ. 2566 เรื่อง การกล่าวอ้างทางสุขภาพของอาหารบนฉลาก เช่น วิตามินเค มีส่วนช่วยในการแข็งตัวตามปกติของเลือด เบต้า-กลูแคน จากข้าวโอ๊ต มีส่วนช่วยในการลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล อาหารที่มีโซเดียมต่ำอาจช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้จาก QR code และกรณีผู้ประกอบการต้องการกล่าวอ้างทางสุขภาพนอกเหนือจากที่มีประกาศกำหนดไว้ สามารถยื่นประเมินประสิทธิผลและความเหมาะสมของการกล่าวอ้างทางโภชนาการและสุขภาพ
    กับศูนย์ประเมินด้านโภชนาการและการกล่าวอ้างทางสุขภาพของผลิตภัณฑ์อาหารแห่งประเทศไทยมูลนิธิพัฒนาโภชนาการได้ เพื่อเป็นข้อมูลประสิทธิผลสำหรับ อย. พิจารณาอนุญาตต่อไป

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ความรู้ อย. หน้ากากทางการแพทย์ VS หน้ากากอนามัยชนิดทั่วไป

    จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้หลายคนให้ความสนใจกับหน้ากากอนามัย เพราะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ แต่หน้ากากอนามัยนั้นมีหลายประเภท การใช้งานก็แตกต่างกันไป ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกความแตกต่างระหว่างหน้ากากทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัยชนิดทั่วไป ว่าต่างกันยังไงบ้าง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด มาดูกันเลย

    หน้ากากทางการแพทย์ คือ หน้ากากที่ผู้ผลิต หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์มุ่งหมายสำหรับใช้ในทางการแพทย์ เพื่อป้องกันสารคัดหลั่งเข้าหรือออกสู่ร่างกาย เช่น เสมหะ หรือน้ำมูก เป็นต้น ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส เป็นต้น และสามารถใช้กรองอนุภาคขนาดเล็ก ซึ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ภายใต้การกำกับดูแลของ อย. ผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องมาขออนุญาตกับ อย. ก่อน ดังนั้นก่อนซื้อให้สังเกตที่ฉลากข้างกล่อง จะมีการแสดงเลข 12 หลักในกรอบเครื่องหมาย อย. และมีข้อความเขียนระบุว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือ Medical mask หรือ Surgical mask เป็นต้น

    หน้ากากอนามัยชนิดทั่วไป (Non-medical mask) เป็นหน้ากากที่มีวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น กันฝุ่น กันกลิ่น จะไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่ง อย. ไม่ได้กำกับดูแล แต่ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันตามวัตถุประสงค์การใช้ของหน้ากากนั้น ๆ เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป

    ควรเลือกชนิดหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน หากไม่แน่ใจว่าเป็นหน้ากากทางการแพทย์หรือไม่ สามารถนำชื่อผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ อย. (www.fda.moph.go.th) หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์”

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. สานพลังเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    อย. จับมือคณะทำงานภาคประชาชน 36 องค์กร เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานกับ อย. เพื่อสร้างความรอบรู้และสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังผู้บริโภค ให้รู้จักเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างเหมาะสม ปลอดภัย

    วันนี้ (11 มีนาคม 2567) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดงานเสวนาสื่อสารเตือนภัย ตอบโต้ความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ “คนไทยคิดได้ ใช้เป็น” โดยมีคณะทำงานภาคประชาชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคทั้งหมด 36 องค์กรเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความรอบรู้และสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังผู้บริโภค โดยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. มีภารกิจในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งนอกจากการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทั้งก่อนและหลังออกสู่ตลาดแล้ว อย. ยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรอบรู้ในการเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างปลอดภัย สมประโยชน์ โดย อย. มีการจัดทำองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งแนวราบ เช่น เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th , www.oryor.com Facebook: FDAThai Line @FDAThai คลังความรู้ออนไลน์ FDA Center และแนวดิ่ง โดยผ่านการทำงานร่วมกับเครือข่าย ได้แก่ บวร.ร. (บ้าน วัด โรงเรียน โรงพยาบาล) และภาคประชาชน

    ทั้งนี้ ในปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพมีเพิ่มมากขึ้น มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและการโฆษณาทั้งที่ถูกกฎหมายและอวดอ้างเกินจริง ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจคลาดเคลื่อน และหากผู้บริโภคไม่มีความรู้เท่าทัน อาจส่งผลต่อการเลือกซื้อหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยได้ อย. จึงร่วมกับเครือข่ายคณะทำงานภาคประชาชน 36 องค์กรจัดเสวนาเตือนภัย ตอบโต้ความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์สร้างความรอบรู้ในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ รู้เท่าทันโฆษณาหลอกลวงให้แก่เครือข่ายคณะทำงานภาคประชาชน เพื่อให้เครือข่ายสามารถนำความรู้ไปสื่อสาร เตือนภัย และกระตุ้นให้ผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ เห็นความสำคัญและรู้จักเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้องเหมาะสม ส่งผลให้มีสุขภาพและคุณชีวิตที่ดีต่อไป

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์ยาสีฟันรักษาอาการฟันหลวมนำเข้าจากญี่ปุ่น
    ยาสีฟันตามที่ปรากฏไม่พบข้อมูลการจดแจ้งเครื่องสำอาง ไม่มีฉลากภาษาไทย มีความเสี่ยงที่ จะเกิดอันตราย ทั้งนี้ ยาสีฟันจัดเป็นเครื่องสำอางที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อทำความสะอาดฟันและช่องปาก ไม่สามารถรักษาอาการฟัน หลวม ช่วยให้ฟันไม่หลวมเป็นเวลา 50 ปี ไม่ต้องถอนฟัน ให้ฟันแข็งแกร่งกว่างานเชื่อมได้ การกล่าวอ้างดังกล่าวจึงเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริงและทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. พิชิตโรคขาดสารไอโอดีน เสริมเกลือบริโภคและผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีนได้คุณภาพมาตรฐาน

    อย. จัดอบรมเสริมความรู้ให้ผู้ผลิตเกลือบริโภคและผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีน โดยเน้นการเพิ่มทักษะเพื่อควบคุมคุณภาพมาตรฐาน และการใช้เครื่องมือช่วยคำนวณเพื่อเสริมไอโอดีนในผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้ความรู้เจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

    วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการในการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิตเกลือบริโภคและผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีน ประจำปี 2567 ณ โรงแรม ทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า อย. ร่วมกับกรมอนามัยส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเกลือบริโภคและผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นองค์ประธาน โดยที่ผ่านมา อย. ได้ออกกฎหมายกำหนดให้มีการเสริมไอโอดีนในเกลือบริโภค 20 - 40 ppm น้ำปลาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง และน้ำเกลือปรุงอาหาร 2 - 3 ppm เพื่อแก้ไขปัญหาโรคขาดสารไอโอดีน และได้ตรวจเฝ้าระวัง ณ สถานที่ผลิตและจำหน่าย ลงพื้นที่ให้คำแนะนำผู้ผลิตทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาเครื่องมือช่วยคำนวณปริมาณไอโอดีนในผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตใช้ในการควบคุมคุณภาพ นอกจากนี้ ยังร่วมกับสถาบันการศึกษา พัฒนาเทคนิคในการควบคุมคุณภาพการผลิตและพัฒนาชุดทดสอบอย่างง่าย

    สำหรับการอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ผลิตมีความรู้ และสามารถควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิต รวมถึงฝึกปฏิบัติ การตรวจวิเคราะห์หาปริมาณไอโอดีน การใช้เครื่องมือช่วยคำนวณการเสริมไอโอดีนในผลิตภัณฑ์ การจัดทำเอกสารตามระบบคุณภาพ การจัดทำฉลากอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่ดีในการผลิตอาหาร หรือ GMP และข้อกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อย. เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัยต่อผู้บริโภค

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตือน อย่าซื้อผลิตภัณฑ์แอบอ้างลดความอ้วน

    4 มีนาคม วันอ้วนโลก อย. เตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถลดน้ำหนักได้ในเวลาอันรวดเร็ว เสี่ยงได้รับผลิตภัณฑ์ลักลอบผสมไซบูทรามีน ผลข้างเคียงอันตรายถึงชีวิต พร้อมแนะ 3 ทริค สุขภาพดีและปลอดภัย 2 อ. และ 1 ต. ตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย



    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า วันอ้วนโลก (World obesity day) ตรงกับวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษารูปร่างมากขึ้น บางคนเลือกคุมอาหาร ออกกำลังกาย บางคนเลือกใช้ทางลัดอย่างการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนัก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีความห่วงใยผู้บริโภค จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถลดน้ำหนักได้ เช่น กินแล้วลดน้ำหนัก เห็นผลไว เห็นผลจริง การันตีไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างเหล่านี้ส่วนใหญ่มักพบลักลอบผสมสารไซบูทรามีน

    สารไซบูทรามีน จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีผลข้างเคียง โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคตับ โรคไต โรคต้อหิน หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยจะมีอาการข้างเคียง คือ ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น อย. แนะนำยึดหลัก 2 อ. คือ 1. ควบคุมอาหารโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดอาหารหวาน มัน เค็ม 2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ขอให้ยึดหลักอีก 1 ต. ตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพใด ๆ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ประกาศแผนพัฒนาระบบยา เพิ่มศักยภาพงานวิจัยนวัตกรรม สร้างมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท

    คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ประกาศแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2570 เพิ่มศักยภาพวิจัยนวัตกรรม สร้างมูลค่าให้ประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบยาและสมุนไพรในประเทศ ลดพึ่งพาการนำเข้า เน้นส่งเสริมการส่งออก รวมทั้งเร่งพัฒนาสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล มุ่งสู่ระบบยาที่มั่นคง บนพื้นฐานของการวิจัยและพัฒนายา ประชาชนสามารถเข้าถึงยาคุณภาพอย่างทั่วถึงและปลอดภัย

    วันนี้ (4 มีนาคม 2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯ ได้ประกาศแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาโดยร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยา 2. พัฒนากลไกการเข้าถึงยาถ้วนหน้า ราคายาที่สมเหตุผล ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน 3. พัฒนากลไกสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และ 4. การจัดการสารสนเทศเพื่อจัดการระบบยาแบบบูรณาการ และเห็นชอบแผนส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบยาและสมุนไพรในประเทศระยะสั้น เช่น สารสกัดฟ้าทะลายโจร เป็นต้น รวมทั้งเร่งพัฒนาสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผลภายในปี 2575

    ทั้งนี้ การนำร่างแผนปฏิบัติการด้านยาฯ ไปสู่การปฏิบัติ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมยาในประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการวิจัยยานวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและสร้างมูลค่าให้ประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท อีกทั้งยังเพิ่มการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชนผ่านกลไกปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งมียาสำคัญ เช่น ยาอดเหล้า 2 รายการ ยานาลเทรกโซน และยาอะแคมโพรเสต เพื่อช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสุรา รวมทั้งเพิ่ม “วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์” ให้บริการในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเด็กแรกเกิดทุกราย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มสมุนไพรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ อีกจำนวน 2 รายการ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้ยาจากสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายจากการกำหนดราคากลางของยาที่มีราคาแพง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐได้กว่า 800 ล้านบาทต่อปีในปี 2567 ช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การใช้ยาอย่างสมเหตุผลสอดคล้องตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก

    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2570 อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีแผนงานเร่งรัดขับเคลื่อน (นวัตกรรม) เศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมกับยกร่างกฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างครบวงจร และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้ระบบยามั่นคงด้วยการวิจัยพัฒนา ประเทศมีการจัดหายาจำเป็นไว้ใช้อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • “ทำบุญต้องได้บุญ” วันมาฆบูชานี้ อย. แนะนำวิธีจัดชุดสังฆทานคุณภาพ ยึดหลัก 2 สังเกต 2 เลือก 3 ลด
    24 กุมภาพันธ์ 2567 วันมาฆบูชา อย. แนะชาวพุทธคัดเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพระสงฆ์ เผย 7 ทริคไม่ลับ “2 สังเกต 2 เลือก 3 ลด” ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม สังเกตฉลากอาหาร ต้องไม่มีอาหารหมดอายุมาจัดใส่ในถังสังฆทาน หากพบอาหารหมดอายุในชุดสังฆทาน แจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 นับเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา พบว่าพุทธศาสนิกชนมักจะทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง หรืออาหารที่อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและ (อย.) มีความห่วงใยสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ จึงขอแนะนำให้ชาวพุทธทุกคนคำนึงถึงอาหารที่เป็นประโยชน์ เหมาะสำหรับนำไปถวายพระสงฆ์ โดยก่อนเลือกซื้ออาหารที่อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่ายมาใส่บาตรหรือถวายสังฆทาน ให้ยึดหลัก 2 สังเกต 2 เลือก 3 ลด ดังนี้

    2 สังเกต

    1. สังเกตฉลาก ต้องแสดงข้อความรายละเอียดครบถ้วน ได้แก่ ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร 13 หลัก ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน ส่วนประกอบที่สำคัญ วิธีการเก็บรักษา วิธีการบริโภค และข้อมูลโภชนาการ เป็นต้น

    2. สังเกตอาหารที่วางจำหน่ายต้องไม่มีสินค้าอื่นวางปะปน เช่น ครีมอาบน้ำ สบู่ แชมพูสระผม น้ำยาบ้วนปาก ผงชักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาชักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยากันยุง ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง เป็นต้น เพราะอาหารจะดูดซับสารเคมีและกลิ่นได้ง่าย อาจเกิดการปนเปื้อนเข้าไปในภาชนะบรรจุอาหารและเป็นอันตรายต่อการบริโภคของพระภิกษุสงฆ์ได้

    2 เลือก

    1. เลือกอาหารที่มีวันหมดอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน กรณีอาหารกระป๋อง ควรดูลักษณะกระป๋อง ต้องไม่บุบบี้ หรือโป่งพอง หรือมีรอยรั่ว ดูตะเข็บหรือรอยต่อต้องเรียบร้อย แน่นหนา และกระป๋องไม่เป็นสนิม

    2. เลือกอาหารที่บรรจุในภาชนะบรรจุที่สะอาด อยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยบุบ หรือฉีกขาด

    3 ลด

    ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม เพื่อสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ผู้บริโภคใส่ใจกับการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพระสงฆ์มาใส่บาตรในทุกวันสำคัญทางศาสนา ด้วยการอ่านข้อมูลฉลากอาหาร ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นร้านจำหน่ายใดที่บรรจุอาหารที่หมดอายุในชุดสังฆทาน สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ หากเป็นกรณีที่สงสัยว่ามีการกระทำความผิด ฝ่าฝืน พรบ.อาหาร พ.ศ. 2522 อย. หรือ สสจ. จะได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบการจำหน่ายนั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแด่พระภิกษุสงฆ์ต่อไป

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ไทยต้อนรับคณะผู้แทนจากไนจีเรีย แลกเปลี่ยนแนวคิดและนโยบายด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    อย. ไทย เปิดบ้านให้การต้อนรับผู้แทนจากหน่วยงานราชการของไนจีเรียและสมาคมการค้านักธุรกิจสากล สร้างสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมหารือแนวนโยบายด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ มุ่งขยายโอกาสเส้นทางส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยไปไนจีเรีย

    วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2567) นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากส่วนราชการภายใต้โครงการ Technical Committee on Comprehensive Import Supervision Scheme ของสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารและยา (National Agency for Food and Drug Administration and Control :NAFDAC) หน่วยงานด้านมาตรฐาน ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสมาคมการค้านักธุรกิจสากล เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวคิดและนโยบายด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการฯ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้แนะนำบทบาทหน้าที่และภารกิจของหน่วยงาน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดในการส่งเสริมผู้ประกอบการ การพัฒนาศูนย์ให้คำปรึกษาและบ่มเพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมครบวงจร ซึ่งในระหว่างการประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมถึงกระบวนการในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะการจัดการผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การประชุมหารือในวันนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของ อย. และหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารและยา รวมไปถึงหน่วยงานด้านมาตรฐานของสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย และเป็นการริเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันซึ่งจะนำไปสู่โอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐานจากประเทศไทยไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย เปิดรับฟังเสียงผู้ประกอบการทุกมิติ

    อย.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพร เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรในทุกมิติเพื่อมุ่งสู่การพัฒนากฎระเบียบและแนวทางการกำกับดูแลให้เหมาะสมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน โดยคงไว้ซึ่งความปลอดภัยของผู้บริโภค

    16 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โฮเท็ล นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการประเมินผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพร เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมเป็น co-creator หุ้นส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศและเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค อย. จึงจัดเวทีรับฟังข้อเสนอแนะและจัดการแก้ไขอย่างรอบด้านจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพร สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน สมาคมร้านขายยา สมาคมอาหารเสริมสุขภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มสมุนไพร) ผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนากฎหมายให้เหมาะสม และพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยอีกทั้งเป็นการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับอนุญาตให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพต่อผู้บริโภค

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. ยังร่วมมือกับส่วนภูมิภาคส่งเสริมผู้ประกอบการและสร้างความเข้มแข็งด้านการคุุ้มครองผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตและการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายหลังออกสู่ตลาด ให้มีความเชี่ยวชาญพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการดำเนินงานของ อย. ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และผลักดันภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยของผู้บริโภค

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์นม "Dreamy Sure"

    Dreamy Sure นมช่วยนอนหลับ Dreamy Sure โภชนาการบำบัดเพื่อรักษา อาการนอนไม่หลับจัดการ 17 โรคในวัยชราด้วยนมเพียงวันละ 2 แก้ว

    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ Digiphar Dreamy Sure ซึ่งแสดงข้อความว่า “นมช่วยนอนหลับ Dreamy Sure” และ “โภชนาการบำบัดเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ” “นอนหลับต่อเนื่อง จนถึง 6 โมงเช้าหลังจาก 2 สัปดาห์ หลับไปภายใน 10 นาทีหลังจากนอนบนเตียง จัดการ 17 โรค ชราด้วยนมเพียงวันละ 2 แก้ว” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือ สรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ.อาหาร พ.ศ 2522 ต่อไป

    ข้อมูลจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เตือนภัยผลิตภัณฑ์ " Oz MSW Superoxide "
    ผลิตภัณฑ์ " Oz MSW Superoxide " อ้างลดการอุดต้นในหลอดเลือดดำ ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ ลดความดันโลหิต ลดการเกิดข้ออักเสบ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศตรวจสอบพบว่า MSW Superoxide The Mirach เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ขออนุญาต อย. และโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตกรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ไทย – TGA ออสเตรเลีย ขยายความร่วมมือ เสริมสร้างความเข้มแข็งการกำกับดูแลยาและเครื่องมือแพทย์

    อย. ไทย - TGA ออสเตรเลีย ร่วมลงนามหนังสือขยายขอบเขตและระยะเวลาความร่วมมือในการพัฒนามาตรฐานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องมือแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคนิคประเมินยาหลายตำรับ ทำให้ประชาชนเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยได้ด้วยความรวดเร็ว

    วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2567) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับหน่วยงาน Therapeutic Goods Administration (TGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของออสเตรเลีย นำทีมโดย Mr. Michael Wiseman, Assistant Secretary, International Regulatory Branch, TGA จัดพิธีลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนความร่วมมือ (Exchange of Letter) เพื่อขยายขอบเขตและระยะเวลาการดำเนินการโครงการ Indo-Pacific RSP ออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2570 ทั้งนี้ อย. และ TGA ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อการบำบัดรักษาโรค เมื่อปี พ.ศ. 2564 ผลลัพธ์ของความร่วมมือที่ผ่านมาอาทิเช่น TGA ให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคในการประเมินทะเบียนตำรับยารักษามาลาเรีย (Tafenoquine) ผลิตภัณฑ์ยีนบำบัดที่ใช้รักษากล้ามเนื้ออ่อนแรงในเด็ก (Zolgensma) ยาต้านรีโทไวรัส (Pifeltro) เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ นอกจากนี้ TGA สนับสนุนการพัฒนาระบบการยื่นเอกสารตำรับยาแผนปัจจุบันแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Thai RIMS ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการขึ้นทะเบียนอีกด้วย

    โดยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อย. เปิดเผยว่าความร่วมมือในวันนี้เป็นก้าวที่สำคัญของ อย. และหน่วยงาน TGA ที่จะนำไปสู่มาตรฐานการกำกับดูแลที่สูงที่สุดบนเส้นทางเดินร่วมกัน ความเป็นเลิศทางด้านกฎระเบียบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและเป็นการแสดงถึงความพยายามระดับโลกในการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อีกด้วยซึ่งหน่วยงาน TGA เป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยผลักดัน อย. สู่ความเป็นเลิศทางด้านกฎระเบียบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ของทั้งสองประเทศ ผ่านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการสื่อสารความเสี่ยง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และรวดเร็ว
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.
    บริการ อย.
    ขอ อย. แบบเร่งด่วน

  • อย.ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรีเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้วยระบบการทำงานแบบดิจิทัลลดขั้นตอนและระยะเวลาการพิจารณาอนุญาต 245 กระบวนงาน และปรับลดจำนวนวันให้บริการรวมได้มากกว่าร้อยละ 50 แต่ยังคงประสิทธิภาพโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภค

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปรับระบบลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขออนุญาตตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดย อย. ให้ความสำคัญกับระบบการให้บริการมาโดยตลอด จึงได้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันที่เป็น FDA One Platform ประกอบด้วย e-Service e-Submission e-Payment e-Review e-Tracking และ e-License ตั้งแต่การยื่นขออนุญาตจนได้รับการอนุญาต อีกทั้งยังมีระบบ e-Consult การให้คำปรึกษาออนไลน์ ซึ่งการให้บริการด้วยระบบการทำงานแบบดิจิทัล ทำให้ผู้รับบริการสามารถเข้าใช้งานได้จากทุกที่ ทุกเวลา ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ อย. ได้ทบทวนกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพจำนวน 245 กระบวนงาน โดยได้ลดขั้นตอนและระยะเวลาการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ สามารถปรับลดจำนวนวันให้บริการรวมลงได้มากกว่าร้อยละ 50 เช่น การขออนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ กรณีไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญ คณะทำงาน หรืออนุกรรมการ จากเดิม 215 วัน เหลือ 86 วันทำการ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็ว ภายใต้ขั้นตอนที่กระชับ และเพื่อให้การบริการดีต่อใจ อย. จัดตั้งทีมประสานใจ FDA Care D+ เพื่อช่วยเหลือผู้รับบริการโดยใช้หลัก “ใจเขาใจเรา” ให้เกิดความเข้าใจ ลดช่องว่างการสื่อสาร เพิ่มความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งจะดูแลควบคู่กับการให้บริการในระบบอิเล็กทรอนิกส์

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. คำนึงถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเป็นสำคัญ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าในอนาคต อย. จะยังคงมุ่งมั่นและพัฒนางานเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตรียมความพร้อมเข้าร่วมความตกลง การยอมรับร่วมกันด้านผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของอาเซียน

    อย. จัดติวเข้มเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับการประเมินตามข้อตกลงการยอมรับร่วมด้านผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของอาเซียน ด้านกฎระเบียบ มาตรการ และแนวปฏิบัติเพื่อกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร สถานที่ผลิต ด่านอาหารและยา รวมถึงการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การเข้าร่วมข้อตกลงการยอมรับร่วมด้านผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของอาเซียน (MRA on PF : Mutual Recognition Arrangement on Prepared Foodstuff Product) ทำให้ตลาดและฐานการผลิตอาหารสำเร็จรูปในอาเซียนเป็นหนึ่งเดียวกัน มีระบบการตรวจสอบ และใช้มาตรฐานเดียวกัน สามารถยอมรับได้ทุกที่ในภูมิภาคอาเซียน โดยใช้แนวทางสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ ทำให้เกิดการค้าอย่างเสรี โดยที่แต่ละประเทศยังมีอิสระในการอนุญาตและสามารถกำหนดมาตรฐาน และกฎระเบียบในการนำเข้าได้ ซึ่งการเข้าร่วมข้อตกลงนี้ ทำให้ประเทศไทยสามารถลดอุปสรรคต่อการค้าที่เกิดจากการตรวจสอบและรับรองด้านสุขลักษณะอาหารสำเร็จรูปที่อยู่ในพิกัดศุลกากรที่ 16 – 22 ที่มีการค้าขายระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ สัตว์น้ำ น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล โกโก้และผลิตภัณฑ์จากโกโก้ ธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช แป้ง นม ผักผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม เป็นต้น สามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบซ้ำ เกิดการยอมรับร่วมของระบบตรวจสอบและรับรองสุขลักษณะอาหารที่เกี่ยวข้องกับการผลิต นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าในอาเซียน

    ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมของระบบการควบคุมความปลอดภัยและการตรวจสอบรับรองด้านอาหารตามข้อตกลงอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอย. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจด้านกฎระเบียบ มาตรการ และแนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร สถานที่ผลิต และด่านอาหารและยา ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารมีคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัย ในระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ

    รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การเข้าร่วมข้อตกลงนี้ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจอาหารที่สามารถขยายตลาดส่งสินค้าไปขายได้ทั่วอาเซียนภายใต้ข้อตกลงเดียวกันแล้ว ผู้บริโภคยังสามารถมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ผ่านการตรวจสอบตามข้อกำหนดดังกล่าว มีคุณภาพมาตรฐานในระบบสากล และปลอดภัยต่อผู้บริโภค

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตือน เยลลี่องุ่นเคียวโฮ ไม่มี อย. เสี่ยงอันตราย

    อย. เตือน พบเยลลี่องุ่นเคียวโฮ รีวิวในโซเชียล ไม่มีฉลาก ไม่มีเลข อย. ผู้บริโภคเสี่ยงได้รับอันตราย พบจำหน่ายช่องทางออนไลน์ และวางขายใกล้โรงเรียน

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า พบขนมเลียนแบบเยลลี่องุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งมีการรีวิวผ่านสื่อโซเชียล เป็นเยลลี่ที่บรรจุในถุงคล้ายถุงมือยางหรือลูกโป่งมัดเป็นลูกกลม ใช้ไม้จิ้มฟันปลายแหลมจิ้มถุงแตกออกแล้วรับประทานเยลลี่ที่อยู่ด้านใน เรียกกันทั่วไปว่า เยลลี่องุ่นเคียวโฮ มีหลายรสชาติ ไม่มีฉลาก และเลข อย. พบมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และวางขายใกล้โรงเรียน จึงขอเตือนว่า ไม่ควรซื้อมารับประทาน เนื่องจาก

    1. อาจลักลอบนำเข้า หรือผลิตเพื่อขายในสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีฉลาก ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร เสี่ยงได้รับสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สี วัตถุกันเสีย วัตถุแต่งกลิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด

    2 . ใช้ถุงมือยาง หรือภาชนะที่ไม่ได้มีไว้เพื่อบรรจุอาหาร จะเสี่ยงการปนเปื้อน
    สารเคลือบหรือวัสดุที่อาจหลุดลอกออกมาปนเปื้อนสู่อาหาร

    3. อันตรายต่อเด็กเล็กอาจติดคอจากเศษของบรรจุภัณฑ์ที่หลุด ติดอยู่กับเยลลี่ หรือขนาดของเยลลี่ที่ไม่ได้มาตรฐาน

    ทั้งนี้ กรณีผลิตเพื่อขายต่อผู้ซื้อโดยตรง ผู้ผลิตสามารถให้ข้อมูลส่วนประกอบ กรรมวิธีการผลิต และคำแนะนำในการบริโภคแก่ผู้ซื้อได้จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีฉลาก แต่หากมีการบรรจุอาหารในถุงมือยาง หรือบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อบรรจุอาหาร ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีผลิตหรือนำเข้าเพื่อขายสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีฉลาก มีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท ทั้งนี้ อย. ได้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช) เพื่อขอความร่วมมือเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เยลลี่องุ่นเคียวโฮ ซึ่งกำลังเป็นกระแสแพร่หลายในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยที่อาจจะเกิดกับนักเรียน

    รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ขนมเยลลี่ที่ได้รับอนุญาตนำเข้า/ผลิต ต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้ง ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่หมดอายุ น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ ข้อมูลวัตถุแต่งกลิ่นรส และวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ เช่น สี และวัตถุกันเสีย กรณีเยลลี่ที่ผลิตเพื่อขายต่อผู้ซื้อโดยตรง ควรเลือกซื้อจากร้านที่สะอาด มีการบรรจุในภาชนะบรรจุอาหารเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ควรให้เด็กบริโภคขนมเยลลี่เป็นประจำ เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะอ้วน หรือฟันผุได้ควรรับประทานอาหารหลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ รวมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง

    หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ชี้แจงกฎหมายใหม่ 4 ฉบับ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการอาหาร
    อย. จัดการประชุมชี้แจงผู้ประกอบการอาหาร เพื่อเตรียมความพร้อมการปรับปรุงฉลากโภชนาการให้เป็นไปตามกฎหมายฉบับใหม่ รวม 4 ฉบับ ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ได้แก่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 445) พ.ศ. 2566 เรื่อง ฉลากโภชนาการ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
    (ฉบับที่ 446) พ.ศ. 2566 เรื่อง อาหารที่ต้องแสดงฉลากโภชนาการ และค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม แบบจีดีเอ (ฉบับที่ 2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 447) พ.ศ. 2566 เรื่อง การกล่าวอ้างทางสุขภาพของอาหารบนฉลาก และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 448) พ.ศ. 2566 เรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ฉบับที่ 5) ซึ่งประกาศฯ ทั้ง 4 ฉบับ ลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 และจะมีผลใช้บังคับ ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป โดยผ่อนผันให้ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าอาหารที่มีการแสดงฉลากโภชนาการ หรืออาหารที่แสดงข้อความกล่าวอ้างหน้าที่ของสารอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่ได้รับอนุญาตอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ ยังคงจำหน่ายต่อไปได้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2570

    ในวันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2567) อย. จึงได้ประชุมชี้แจงผู้ประกอบการด้านอาหารและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการผลิต หรือนำเข้าอาหารได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงสูตรและฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จัดทำฉลากโภชนาการ ฉลากแบบจีดีเอ รวมถึงการกล่าวอ้างทางสุขภาพ ให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ได้อย่างถูกต้อง และเปิดโอกาสให้มีการตอบข้อซักถาม เพื่อความชัดเจน และปฏิบัติได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งฉลากที่ปรับแก้ไขตามกฎหมายใหม่จะสามารถสื่อสารผู้บริโภคให้เข้าใจข้อมูลโภชนาการได้ง่ายขึ้น โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://food.fda.moph.go.th/ หรือ QR code

    เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การปรับปรุงฉลากโภชนาการแบบใหม่ จะช่วยให้เกิดความชัดเจนในการแสดงข้อความกล่าวอ้าง และแสดงฉลากโภชนาการ เอื้อต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยบนพื้นฐานของข้อมูลวิชาการที่เป็นปัจจุบัน สามารถคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ปรับปรุงข้อมูลในฉลากโภชนาการให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลคุณค่าทางด้านโภชนาการหรือปริมาณสารอาหารต่าง ๆที่ร่างกายจะได้รับ และสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารอย่างถูกต้องเหมาะสมกับการดูแลสุขภาพของตนเอง

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง กับสตรีวัยทอง
    สตรีวัยทอง คือผู้หญิงในช่วงหมดประจำเดือน ร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ อารมณ์ไม่คงที่ปวดเมื่อย โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการกินฮอร์โมนทดแทน หรือการกินยาบางชนิด แต่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองจึงเป็นทางเลือกสุขภาพที่ได้รับความสนใจ เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองเป็นแหล่งของสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) จากธรรมชาติ จัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช (Phytoestrogen) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน ที่ผู้หญิงวัยทองส่วนใหญ่มักจะประสบอยู่



    ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองชนิดต่างๆ จะมีปริมาณไอโซฟลาโวนแตกต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์อาหารจากถั่วเหลืองที่เป็นรูปแบบของแข็งมักจะมีปริมาณไอโซฟลาโวนสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว ปริมาณไอโซฟลาโวนที่แนะนำ คือ 50-100 มิลลิกรัม/วัน

    ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วเหลืองเป็นองค์ประกอบ

    นมถั่วเหลือง ( โดยนมถั่วเหลืองประมาณ 2- 4 แก้ว จะมีปริมาณไอโซฟลาโวน 50-100มิลลิกรัม)

    เต้าหู้ที่ทำจากถั่วเหลือง

    เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นบดหรือมิโซะ

    ฟองเต้าหู้

    ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองควรสังเกต ฉลากต้องมีข้อความเป็นภาษาไทย แสดงชื่ออาหาร ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือหรือผู้แบ่งบรรจุ เดือนและปีที่ผลิต หรือวันเดือนและปีที่หมดอายุการบริโภค เลขสารบบอาหาร 13 หลัก ปริมาณสุทธิของอาหาร ส่วนประกอบที่สำคัญเป็นร้อยละของน้ำหนักโดยประมาณและก่อนใช้ควรอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ และตรวจสอบวันหมดอายุทุกครั้ง

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. แจง ยาย้อมผมมีความปลอดภัย

    จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อออนไลน์ว่าการใช้ยาย้อมผมบ่อยๆ เป็นอันตรายต่อตับหรือไตนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย. ได้ประสานแพทย์ผู้ให้ข่าวแล้ว ทราบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นรายงานในต่างประเทศ พบผู้ป่วยบางรายมีความผิดปกติของตับและไตสัมพันธ์กับการสัมผัสยาย้อมผม แต่จำนวนเคสไม่มาก ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยชี้ชัดว่าสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบในยาย้อมผมเป็นอันตรายต่อตับหรือไต แต่การสัมผัสสารเคมีบ่อยหรือนานเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งการระคายเคืองหนังศีรษะและการแพ้ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบยาย้อมผมอย่างสม่ำเสมอ พบว่ายาย้อมผมที่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง ใช้ชนิดและปริมาณของสารเคมีเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยในการใช้ ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจ

    ผู้บริโภคควรเลือกซื้อเครื่องสำอางที่มีฉลากภาษาไทย ระบุชื่อ ประเภทเครื่องสำอาง แสดงชื่อสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ (สำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน) คำเตือน ที่สำคัญต้องมีเลขที่ใบรับจดแจ้ง ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือมีหลักแหล่งแน่นอน หรือร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพราะหากใช้แล้วเกิดปัญหาจะได้ติดตามย้อนกลับเพื่อตรวจสอบได้

    รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาย้อมผมอาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ ผู้บริโภคและช่างทำผมควรใช้อย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนอย่างเคร่งครัด และควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นยี่ห้อหรือสีเดียวกับที่เคยใช้ก็ตาม โดยทาบริเวณท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ระคายเคือง ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์นั้น และอย่าย้อมผมบ่อยจนเกินไป ควรทิ้งระยะห่างในการย้อมผม

    หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สงสัยว่าจะไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. แนะเคล็ด (ไม่) ลับ เลือกอาหารไหว้ตรุษจีน เพื่อความปลอดภัย
    อย. แนะ เคล็ด (ไม่) ลับ เลือกซื้ออาหารไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเทศกาลวันตรุษจีน ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ขนมมงคล สำหรับไหว้เจ้า และควรล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน ลดความเสี่ยงจากสารกำจัดศัตรูพืชตกค้าง

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ใกล้ถึงเทศกาล วันสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีนกับเทศกาลวันตรุษจีน โดยทุกปีชาวจีนมักจะเตรียมจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับไหว้เจ้า นำไปบริโภค หรือนำไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารคาว เช่น หมู เป็ด ไก่ เครื่องใน หรือขนมประเภทขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู เป็นต้น อาหารเหล่านี้โดยส่วนมากมักจะปรุงสุกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว หากไม่ระมัดระวังในการเลือกซื้อ อาจได้รับอาหารที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐานและเป็นอันตรายต่อการบริโภคได้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอแนะนำผู้บริโภคในการเลือกซื้อ อาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ กรณีเป็นอาหารสด ประเภทเนื้อสัตว์ (หมู เป็ด ไก่) ต้องมีสภาพสดใหม่ปกติ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นสม่ำเสมอตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด ปราศจากกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่ง อย. ไม่อนุญาตให้ใช้สีในเนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะไก่ต้มที่นิยมนำไปเซ่นไหว้ กรณีเป็นขนมต่าง ๆ ที่จะนำมาเซ่นไหว้ อาทิ ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ควรเลือกขนมที่สีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุที่สะอาดและไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร กรณีเป็นอาหารกระป๋องควรเลือกซื้อที่ลักษณะกระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม ฉลากแสดงรายละเอียด ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ และ กรณีเป็นผักและผลไม้ อาทิ ส้ม ควรเลือกซื้อที่สด สะอาด และควรล้างทำความสะอาดก่อนนำมาบริโภค ซึ่งผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชได้โดยการล้างด้วยผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างน้ำ หรือล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้มีการตรวจสอบ เฝ้าระวัง เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ผักและผลไม้มาโดยตลอด โดยในปี 2567 ได้ลงพื้นที่สุ่มเก็บตัวอย่างตรวจสอบหายาฆ่าแมลงในผักและผลไม้ 30 ตัวอย่าง ไม่พบยาฆ่าแมลง 22 ตัวอย่าง และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 8 ตัวอย่าง ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. และ ก.พ.ร. ร่วมหารือข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์การอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย พร้อมปรับเร็วขึ้น สะดวกขึ้น ลดอุปสรรค

    อย. ร่วมหารือกับ ก.พ.ร. ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ส่งเสริมภาคธุรกิจ ปรับแนวทางอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเน้นให้เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ลดอุปสรรค (Faster, Easier, Less Barrier) และพร้อมพิจารณาอนุญาตได้ภายใน 24 ชั่วโมง

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย จึงได้ร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งนำทีมโดยนางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เพื่อหารือประเด็นข้อกฎหมายและกฎระเบียบที่อาจเป็นข้อจำกัดหรืออุปสรรคต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่ง อย. ให้การสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย จึงได้ปรับข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์บางส่วนที่อาจเป็นข้อจำกัดให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น สะดวกขึ้น และลดอุปสรรค (Faster, Easier, Less Barrier) โดย อย. มีมาตรการให้ยื่นขออนุญาตผ่านระบบ e-Submission เพียงผู้ประกอบธุรกิจเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขออนุญาตให้ครบถ้วน ได้แก่ ข้อมูลฉลากสินค้าและรูปภาพ เอกสารแสดงความปลอดภัย หนังสืออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และหนังสือมอบอำนาจ พร้อมบูรณาการข้อมูลกับกรมศุลกากรและกรมการท่องเที่ยว รวมทั้งส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ติดตามดูแล ทั้งนี้ อย. พร้อมพิจารณาอนุญาตได้ภายใน 24 ชั่วโมง และแจ้งผลการพิจารณาแบบ Real time สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาเข้ามาใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์ในประเทศไทย ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร 1556 หรือ โทร 02- 5907000 ต่อ 79918 หรือ 79935 หรือ @import.fda (กองด่านอาหารและยา) หรือติดต่อด้วยตัวเองที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อาคาร OSSC (ช่อง 72)

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. มุ่งขับเคลื่อนองค์กร โดยสนับสนุนการประกอบธุรกิจ ให้ดำเนินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และร่วมมือกับทุกภาคส่วนเกี่ยวข้อง ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power และนโยบายการกระตุ้นของรัฐบาลพร้อมกันนี้ อย. ยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และคุณภาพของผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ความรู้ อย. การส่องไฟเพื่อรักษาภาวะตัวเหลืองของทารก

    ภาวะตัวเหลืองของทารก เกิดจากสารสีเหลืองที่เรียกว่า บิลิรูบิน (Bilirubin) ในเลือดสูงกว่าปกติ โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างและทำลายสารบิลิรูบิน แต่ในสภาวะบางอย่าง เช่น ร่างกายจะมีการสร้างสารนี้มากขึ้น หรืออวัยวะที่ทำลายหรือขับถ่ายสารนี้ทำงานไม่ปกติ ก็จะทำให้บิลิรูบินค้างอยู่ในร่างกายจำนวนมากจนไปจับตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้มองเห็นผิวหนังและตาขาวของทารกเป็นสีเหลือง ถ้าระดับบิลิรูบินสูงมากอาจทำให้มีอาการทางสมองจากภาวะตัวเหลือง (Kernicterus) ได้ วิธีการหนึ่งที่ใช้เพื่อลดระดับบิลิรูบินในเลือดของทารกที่มีอาการตัวเหลืองผิดปกตินั้น คือ การรักษาโดยการส่องไฟ (Phototherapy)

    เครื่องส่องไฟทารก (Phototherapy) เป็นเครื่องที่ใช้พลังงานจากแสงสว่างโดยเฉพาะแสงสีฟ้าเขียว (blue-green light) ที่มีความถี่ในช่วง 460-490 นาโนเมตร จะช่วยลดระดับของบิลิรูบิน โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโมเลกุลของบิลิรูบิน ให้กลับกลายมาเป็นสารที่ละลายน้ำได้ และถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะและอุจจาระ ทารกที่มีภาวะตัวเหลืองจะถูกปิดตา ถอดเสื้อผ้า และนำไปนอนใต้เครื่องส่องไฟ ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ต้องยื่นคำขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เครื่องนี้มีความปลอดภัยต่อผิวหนังของทารกแรกเกิด แต่อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงเกิดขึ้นได้ เช่น เกิดภาวะขาดน้ำ มีผื่น ตัวคล้ำ ถ่ายบ่อย มีอันตรายต่อสายตาโดยสามารถป้องกันได้ด้วยการ ปิดตาทารกขณะใช้เครื่องภาวะตัวเหลืองเป็นภาวะที่พบได้บ่อย ดังนั้นผู้ปกครองควรสังเกตอาการของทารกอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติควรรีบพาทารกมาพบแพทย์ทันที

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำตบ "ว่านตาลเดี่ยวสกัด"
    ผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำตบว่านตาลเดี่ยวสกัด ช่วยให้ผิวหน้านุ่มและรอยคล้ำรอบดวงตาลดลง ข้อเท็จจริง : การโฆษณาด้วยข้อความว่า “น้ำตบว่านตาลเดี่ยวใช้แล้วหน้านุ่ม รอยคล้ำรอบดวงตาลดลง” เข้าข่ายเป็นการโฆษณาเครื่องสำอาง แต่เมื่อตรวจสอบในฐานข้อมูลด้านเครื่องสำอางแล้ว ไม่พบใบรับจดแจ้งของผลิตภัณฑ์นี้ จึงมีความ เสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะมิได้จดแจ้งสูตรส่วนผสมให้ อย.ตรวจสอบก่อนผลิต



    ข้อมูลจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ทลายโรงงานผลิตยาแก้ไอปลอมรายใหญ่ มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ร่วมกันแถลงผลงานจับกุมกวาดล้างผู้ผลิตและขายยาแก้ไอปลอมรายใหญ่ ตรวจยึดและอายัดเครื่องจักร อุปกรณ์การผลิต และยาแก้ไอปลอมกว่า 10,000 ขวด มูลค่ากว่า 1,500,000 บาท

    สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ระดมกวาดล้างผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำต้มกระท่อมในพื้นที่ต่างๆ และพบว่ามีการขายน้ำกระท่อมบรรจุขวด คู่กับยาแก้แพ้หรือยาแก้ไอ เพื่อนำไปผสมดื่มสร้างความมึนเมาหรือที่เรียกกันว่า “4x100” กก.4 บก.ปคบ. จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังการจำหน่ายยาแก้ไอที่ผิดกฎหมายควบคู่ไปกับการจับกุมกลุ่มผู้จำหน่ายน้ำกระท่อมเพื่อตัดตอนการเข้าถึงสารเสพติดชนิด 4x100 เรื่อยมา

    ต่อมาได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ว่ามีการลักลอบผลิตยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ IWADIL โดยยาแก้ไอยี่ห้อดังกล่าวจัดว่าเป็นยาปลอมเนื่องจากทะเบียน 2A 41/48 ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนเลขทะเบียนเป็น 2A 81/65 ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2565 แต่จากการตรวจร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ขายยาอันตรายกลุ่มเสี่ยง พบมีการขายยา IWADIL เลขทะเบียน 2A 41/48 ระบุวันที่ผลิตภายหลังวันที่ดังกล่าว จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า บริษัท ฟีฮาแล็บ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาแก้ไอยี่ห้อดังกล่าว

    เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ใช้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา 91 แห่ง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันเข้าตรวจสอบ บริษัท ฟีฮาแล็บ จำกัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ. นนทบุรี ซึ่งสถานที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตให้เป็นสถานที่
    ผลิตยา ขณะตรวจสอบพบนางสาว นุชจรี (สงวนนามสกุล) แจ้งว่า ตนมีหน้าที่ควบคุมดูแลการผลิตยาน้ำและเป็นผู้สั่งทำฉลากยาปลอมดังกล่าว โดยนางสาวนุชจรีเป็นพนักงานของบริษัทฯ และไม่ใช่เภสัชกรผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ ทั้งนี้ นางสาวนุชจรีให้การยอมรับว่าในวันที่เจ้าหน้าที่ อย. และ จนท ตำรวจเข้าตรวจสอบสถานที่นั้น ภายในโรงงานอยู่ระหว่างการผลิตยาน้ำยี่ห้อ IWADIL เลขทะเบียน 2A 41/48 รุ่นการผลิต IWL6605 ซึ่งฉลากแสดงวันที่ผลิต 22.11.23 วันหมดอายุ 22.11.25 ซึ่งมิใช่ความจริง ทั้งนี้บริษัทฯได้รายงานการผลิตยารุ่นดังกล่าวในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2566 จำนวน 10,000 ขวด โดยใช้เลขทะเบียน 2A 81/65 ในการรายงาน อย.

    เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดและอายัด ของกลางรายละเอียดดังนี้

    1. ยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ IWADIL เลขทะเบียน 2A 41/48 รุ่นการผลิต IWL6605 จำนวน 10,000 ขวด

    2. ฉลากยายี่ห้อ IWADIL เลขทะเบียน 2A 41/48 รุ่นการผลิต IWL6605 จำนวน 20,000 ดวง

    3. เครื่องติดฉลาก จำนวน 1 เครื่อง

    4. ถังสีขาวบรรจุยาน้ำ จำนวน 150 ถัง (ภายในถังบรรจุยาน้ำจำนวนรวม 10,000 ขวด)

    5. เครื่องบรรจุยาน้ำพร้อมเครื่องปิดฝาเกลียว จำนวน 1 เครื่อง

    6. เครื่องล้างขวด จำนวน 1 เครื่อง

    7. ขวดเปล่าสำหรับบรรจุยาแก้ไอ จำนวน 2,112 ขวด

    8. ถังพักยา ขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 1 ถัง

    9. อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิต

    10. เอกสารบันทึกการผลิต และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    รวมตรวจยึดและอายัดของกลางเป็นยาแก้ไอปลอม จำนวน 10,000 ขวด เครื่องจักร อุปกรณ์การผลิต รวมทั้งฉลากและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ มูลค่าของกลางกว่า 1,500,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทำการลักลอบผลิตยาปลอมโดยใช้ฉลากระบุเลขทะเบียน 2A 41/48 และรายงานการผลิตแจ้ง อย.ในปริมาณที่น้อยกว่าที่ผลิตขายจริงเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ฐาน “ผลิตยาปลอม” ระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 50,000 บาท


    ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศรป. กล่าวว่า อย. ได้เฝ้าระวังกลุ่มยาน้ำแก้ไอ ซึ่งเป็นยาอันตรายที่ต้องควบคุมการผลิตและขายให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยกำหนดให้ผู้ผลิตขายยาดังกล่าว ได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่สามารถขายโดยตรงไปยังประชาชนทั่วไป และผู้ผลิตต้องรายงานการผลิตและขายยาให้แก่ อย. ทุก 4 เดือน หากพบมีการขายยาอันตรายไปยังผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ.2510 มาตรา 19 (1) นอกจากนี้ จากปัญหาการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด อย.ได้มีประกาศให้ผู้รับอนุญาตผลิตและขายยาดังกล่าวไปยังร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตไม่เกินเดือนละ 300 ขวด ต่อแห่ง และดำเนินการเฝ้าระวังการขายยาอันตรายกลุ่มเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง ผลการตรวจพบยาปลอมในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการตรวจเฝ้าระวังร้านขายยาที่มีพฤติการณ์การขายยาแก้ไอ โดย อย. ได้ร่วมกับกองกำกับการ 4 บก.ปคบ. ในการกวาดล้างร้านขายยาแก้ไอเครือข่ายที่มีการขอใบอนุญาตขายยาเพื่อบังหน้า และพบว่ายายี่ห้อ IWADIL เป็นหนึ่งในยาแก้ไอที่นิยมนำมาใช้ในทางที่ผิด เป็นที่รู้จักในชื่อ “ไอวา” การที่บริษัท ฟีฮาแล็บ จำกัด ผลิตยาโดยใช้ฉลากยาเลขทะเบียน 2A 41/48 ซึ่งได้มีการเปลี่ยนทะเบียนไปเป็น 2A 81/65 ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2565 และรายงานการผลิตและขายยา IWADIL 2A 81/65 รุ่นการผลิต IWL6605 จำนวนเพียง 10,000 ขวด แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานการใช้ฉลากยาแสดงเลขทะเบียน 2A 41/48 รุ่นการผลิต IWL6605 จำนวนมากกว่าที่รายงาน อย.หลายหมื่นขวดนั้น อาจแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการผลิตยาดังกล่าว โดยจัดทำรายงานการผลิตและขายไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบนั้น บริษัทกำลังผลิตยาน้ำแก้ไอ IWADIL และใช้ฉลากที่ระบุรุ่นการผลิต IWL6605 วันที่ผลิต 22.11.23 วันหมดอายุ 22.11.25 โดยไม่มีการลงบันทึกการผลิต ไม่ล้างภาชนะบรรจุก่อนบรรจุยา ไม่มีการเก็บส่งตรวจห้องปฏิบัติการและควบคุมคุณภาพก่อนปล่อยผ่าน ลักษณะเช่นนี้ถือว่าสถานที่ผลิตยาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการผลิตยาที่ดี (GMP) และไม่สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพ ความปลอดภัยของยาดังกล่าวที่จะใช้ในการรักษาโรค สำหรับการดำเนินคดีอาญากับผู้รับอนุญาตผลิตยา บริษัท ฟีฮาแล็บ จำกัด ทาง บก.ปคบ.จะเป็นผู้ดำเนินคดี ในส่วนของมาตรการทางปกครอง อย. ได้มีคำสั่งให้เรียกเก็บคืนยา IWADIL เลขทะเบียน 2A 41/48 รุ่นการผลิต IWL6605 ออกจากท้องตลาดภายใน 30 วัน ซึ่ง อย.จะเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการยาในการสั่งพักใช้ใบอนุญาตผลิตยา และพักใช้หนังสือรับรองมาตรฐานสถานที่ผลิตยา (GMP Certification) ต่อไป

    ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย.ได้ที่www.fda.moph.go.th และ Line: @FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ยาเป็นปัจจัย 4 ที่ประชาชนจะใช้รักษาเยียวยาเมื่อป่วยไข้อันดับแรก และส่งผลโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน หากรับประทานยาปลอมที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล ไม่หาย และอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ผู้ผลิตและขายยาจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง เพื่อเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่ายาที่ผลิตมาสู่ท้องตลาดมีมาตรฐาน และรักษาโรคได้จริงบก.ปคบ.จะดำเนินกวดขันจับกุมผู้ผลิตและขายยาปลอม รวมถึงกวาดล้างผู้ที่ผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถึงที่สุด โดยประชาชนทั่วไปหากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เตือนอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโฆษณาโอ้อวดรักษาโรคมะเร็ง

    วันมะเร็งโลก อย. แนะผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่อวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคร้ายแรงต่างๆ ย้ำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรักษาโรคไม่ได้ อีกทั้งยังเสี่ยงได้รับสารอันตรายหรือสารต้องห้าม แนะตรวจสอบการขออนุญาตผลิตภัณฑ์และโฆษณาก่อนซื้อ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้พบว่าผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งมีอัตราที่สูงเพิ่มขึ้นและประชาคมโลกให้ความสำคัญกับโรคมะเร็ง โดยถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรทำความรู้จัก เนื่องจากในแต่ละปีมะเร็งได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกในอัตราที่สูงมากขึ้น สำหรับในประเทศไทยข้อมูลในปี 2566 กรมการแพทย์ได้เผยสถิติว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ 140,000 คน/ปี ที่สำคัญยังพบว่ามีอัตราการเกิดมะเร็งในคนอายุน้อยเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยมักแสวงหาวิธีการหรือผลิตภัณฑ์มาดูแลรักษาโรค จึงเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการบางรายฉวยโอกาสโฆษณาอวดอ้างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรักษาโรคมะเร็ง โดยมักจะโอ้อวดสรรพคุณหรือนำรูปผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่อ้างว่าหายจากการเป็นโรคมะเร็งแล้วมาประกอบการโฆษณา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ เนื่องในวันมะเร็งโลกซึ่งตรงกับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี อย.จึงขอเตือนผู้บริโภคว่าอย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่อวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคร้ายแรงต่างๆ และรู้เท่าทันว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ และ อย. ไม่อนุญาตให้ผลิตภัณฑ์อาหารทุกประเภททำการโฆษณาสรรพคุณ คุณภาพ มาตรฐาน หรือคุณประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ทำให้เข้าใจว่ามีผลต่อการบำบัด บรรเทาและรักษาโรค ซึ่งเป็นการโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ถือเป็นการสื่อข้อความที่เป็นเท็จและหากหลงเชื่อจะทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสในการรักษาอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ถ้าพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวลักลอบใส่สารอันตรายหรือสารต้องห้าม อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นผู้ป่วยโรคมะเร็งควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขอแนะผู้บริโภคว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.


  • อย. ย้ำ วัคซีนโควิด-19 มีความปลอดภัย

    อย. ย้ำ วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ทั้งในด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผลจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ มีการควบคุมคุณภาพวัคซีนทั้งก่อนขึ้นทะเบียนและภายหลังการขึ้นทะเบียน รวมถึงติดตามประเมินความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ขอประชาชนมั่นใจวัคซีน-19 ที่ได้รับอนุญาตจะช่วยลดความสูญเสียจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อสังเกตจากกลุ่มบุคคลในเรื่องการอนุญาตวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรค แต่เพื่อให้ประชาชนมีวัคซีนใช้โดยเร็วและทันการณ์ อย. จึงกำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนยาแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยกำหนดแนวทางให้บริษัทที่ประสงค์จะขึ้นทะเบียนแสดงข้อมูลที่เพียงพอในการสนับสนุนถึงคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีน รวมทั้งต้องติดตามความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ดังนั้น แม้จะใช้เวลในการประเมินที่สั้นลง อย. ก็ยังคงให้ความสำคัญกับหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผลของวัคซีน

    ในประเด็นการอนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทั้งจาก อย. และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก ที่อ้างอิงตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกในด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล พิจารณาผลการศึกษาในสัตว์ทดลองและความปลอดภัยในคน รวมถึงการติดตามผลข้างเคียงและการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งข้อมูลในขณะนั้นเพียงพอต่อการอนุญาตให้ใช้วัคซีนในผู้สูงอายุและเด็กได้ สำหรับในสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร เนื่องจากประเด็นด้านจริยธรรมการวิจัย จึงใช้ข้อมูลอ้างอิงจากการศึกษาในสัตว์ทดลองเพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาตัดสินใจใช้ยา ในด้านความเสี่ยงของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ พบอุบัติการณ์การเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กที่ได้รับวัคซีนประมาณ 1.25 รายในล้านโดส ซึ่งต่ำกว่าในประชากรเด็กปกติ และต่ำกว่าผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 จึงไม่แตกต่างจากที่พบโดยทั่วไป

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. มีการควบคุมคุณภาพวัคซีนของประเทศไทย โดยก่อนขึ้นทะเบียนมีการประเมินทั้งข้อมูลด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีนแล้ว ภายหลังการขึ้นทะเบียนก็ยังคงมีการตรวจวิเคราะห์เพื่อรับรองรุ่นการผลิตก่อนออกจำหน่ายของวัคซีนทุกล็อต เพื่อควบคุมคุณภาพวัคซีนก่อนที่วัคซีนจะถึงผู้บริโภค รวมถึงการติดตามอาการไม่พึงประสงค์และความปลอดภัยภายหลังการใช้วัคซีน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าวัคซีนที่ อย. อนุญาตมีความปลอดภัย มีคุณภาพ และประสิทธิผลที่จะช่วยลดความสูญเสียจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. คัดเลือกยาอดบุหรี่เข้าบัญชียาหลัก ช่วยลดความเสี่ยงเกิดมะเร็งปอด
    วันมะเร็งโลก 4 กุมภาพันธ์ อย. ช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้มีความตั้งใจอดบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปอด มะเร็งหลอดลม โดยคัดเลือกยาเม็ดไซทิซีน (cytisine) เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ สำหรับรักษาภาวะติดนิโคติน เนื่องจากเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย และราคาไม่แพง

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า มะเร็งปอดเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการสูบบุหรี่ โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 20-30 เท่า ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งที่ค่อนข้างสูงและเป็นภาระของทั้งผู้ป่วยและภาครัฐ ดังนั้น การเพิ่มการเข้าถึงยาอดบุหรี่ให้สามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพผ่านบัญชียาหลักแห่งชาติ จะเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอดสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้พิจารณาทบทวนรายการยากลุ่มรักษาภาวะติดนิโคตินหรือยาอดบุหรี่ พบว่า ยาแผนปัจจุบันที่ใช้อยู่บางรายการมีราคาแพง มีอาการข้างเคียงสูง ทำให้เกิดปัญหาในการเข้าถึงยาของผู้ป่วย ดังนั้น จึงได้คัดเลือกยาเม็ดไซทิซีน (cytisine) เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ในบัญชียาพื้นฐาน (บัญชี ก) สำหรับรักษาภาวะติดนิโคติน เนื่องจากเป็นยาที่มีข้อมูลการใช้ในต่างประเทศมานาน มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย และราคาไม่แพง นอกจากนี้ อย.ยังได้อนุมัติทะเบียนตำรับยา เลขทะเบียน 1A 15006/66 (NC) (ชื่อการค้า Cytisine GPO) รูปแบบยาเม็ดสำหรับกิน ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม พร้อมปลดจากยาควบคุมพิเศษเป็นยาอันตราย ส่งผลให้สามารถจำหน่ายยาได้ในร้านยาและสามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเอง ขอให้ประชาชนมั่นใจ อย. มุ่งมั่นในการดำเนินงานให้ประชาชนเข้าถึงยาป้องกันและรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ข่าวประกาศ อย. เรื่อง ผลการตรวจสอบหรือวิเคราะห์เครื่องสำอางที่พบสารห้ามใช้ 5 รายการ

    สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา ได้ตรวจสอบและสั่งซื้อตัวอย่างเครื่องสำอางจากร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ (1) “ครีมหมอยันฮี ของเเท้100% หน้าขาวใสไร้สิว ใช้เองขายเอง”, (2) “ครีมหมอยันฮี ของแท้100%”, (3) “ครีมหมอยันฮีของแท้ราคาส่ง 110 บาท”, (4) “ครีมหมอยันฮี ปลีก-ส่ง ของแท้” และ (5) “ครีมหมอยันฮี เพจจริง ของแท้100%” โดยได้ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างเครื่องสำอาง 5 รายการ พบสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จึงขอประกาศผลการตรวจสอบหรือผลวิเคราะห์เครื่องสำอางให้ประชาชนทราบ ดังนี้

    อันตรายของเครื่องสำอางดังกล่าว ได้แก่

    1. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารประกอบของปรอท (Mercury compounds) อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ

    2. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ คือ Betamethasone 17-valerate (Glucocorticoids) อาจทำให้ผิวบาง เกิดรอยแตก เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติ หน้าแดงตลอดเวลา เกิดผื่นแพ้ เกิดสิวผด ผิวหนังมีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดด่างขาว

    3. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) อาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง อักเสบหน้าแดง อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่ได้รับสารนี้เกินขนาด สารนี้จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้

    4. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดเรทิโนอิก (Retinoic acid) อาจทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์



    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนให้ประชาชนเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วยความระมัดระวัง ซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน ฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทเครื่องสำอาง ชื่อของสารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตหรือปีเดือนที่ผลิต คำเตือน (ถ้ามี) และเลขที่ใบรับจดแจ้ง สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางเพื่อจำหน่าย จะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ และมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน


    กรณีที่พบผลิตภัณฑ์ ที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ข่าวประกาศ อย. เรื่อง ผลการตรวจสอบหรือวิเคราะห์เครื่องสำอางที่พบสารห้ามใช้ 16 รายการ

    สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา ได้ตรวจสอบและสั่งซื้อตัวอย่างเครื่องสำอางจาก (1) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Bonny Princess” (2-3) ร้านค้าออนไลน์ชื่อ“belovedestiny.beauty.shop” (4) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “ครีมวุฒิศักดิ์ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ”(5) ร้านค้าออนไลน์ชื่อ “Pimmycool” (6) ร้านค้าออนไลน์ร้านค้าชื่อ “tonson shop” (7-8) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Aphichaya Thanasri” (9-10) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Vanida Phetkoed (สูตรลับ หัวเชื้อคลีนิค)”(11) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟชบุ๊กชื่อ “เจ๊เก๋กันตัง รายใหญ่ภาคใต้” (12) ร้านค้าออนไลน์ชื่อ “NJ2019cosmetics” (13-16) ร้านค้าออนไลน์ชื่อ “ST Wealthy” ผลการตรวจสอบทั้ง 16 รายการพบสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางจึงขอประกาศผลการตรวจสอบหรือ ผลวิเคราะห์เครื่องสำอางให้ประชาชนทราบ ดังนี้

    อันตรายของเครื่องสำอางดังกล่าว ได้แก่

    1. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ คือ Betamethasone 17-valerate (Glucocorticoids) อาจทำให้ผิวบาง เกิดรอยแตก เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติ หน้าแดงตลอดเวลา เกิดผื่นแพ้ เกิดสิวผด ผิวหนัง
    มีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดด่างขาว

    2. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารประกอบของปรอท (Mercury compounds) อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ

    3. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง อักเสบหน้าแดง อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ได้รับสารนี้เกินขนาด สารนี้จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้

    4. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดเรทิโนอิก (Retinoic acid) อาจทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนให้ประชาชนเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วยความระมัดระวัง ซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน ฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทเครื่องสำอาง ชื่อของสารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตหรือปีเดือนที่ผลิต คำเตือน (ถ้ามี) และเลขที่ใบรับจดแจ้ง สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางเพื่อจำหน่ายจะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือและมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน


    กรณีที่พบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายโกดังทุนจีนปลอมเครื่องสำอางแบรนด์ดังและเครื่องสำอางเถื่อน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

    วันที่ 29 มกราคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้วพ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ
    ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงผลการปฏิบัติกรณี ทลายโกดังทุนจีนขายเครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางเถื่อน โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 36 รายการ จำนวนกว่า 14,000 ชิ้น พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ “ครีมทารักแร้ ยี่ห้อ ELA RAE” ให้ทำการตรวจสอบการจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมผ่านแพลตฟอร์ม Tiktok ชื่อร้าน LUNA-TH เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าที่ซื้อกับทางร้านว่าเนื้อครีมมีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ดังกล่าวพบว่า ผลิตภัณฑ์ครีมทารักแร้ยี่ห้อ ELA RAE ที่จำหน่ายเป็นสินค้าปลอมจริง โดยมีจุดสังเกตหลายจุด เช่น เนื้อครีมมีลักษณะข้น เหนียว สีคล้ำกว่าของแท้ ฉลากพิมพ์ข้อความภาษาไทยไม่ถูกต้อง เช่น เนียนบุ๋ม กลี่น สะอาต เป็นต้น และยังพบว่าร้านค้าดังกล่าวมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดอีกหลายรายการ จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บสินค้าและกระจายสินค้าดังกล่าว


    ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี เข้าทำการตรวจค้นโกดังซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยขณะตรวจค้นมี น.ส.ชไมพร (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ดูแลโกดังดังกล่าว ตรวจยึดของกลางรวม 36 รายการ รวม 14,720 ชิ้น มูลค่ากว่า 3,600,000 บาท โดยเป็นเครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางต้องสงสัยว่าปลอม จำนวน 16 รายการ และเป็นเครื่องสำอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้งและเครื่องสำอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จำนวน 20 รายการ ดังนี้

    1. ครีม ยี่ห้อ ELA RAE ปลอม จำนวน 48 ชิ้น

    2. ยาสีฟัน Amway Glister ปลอม จำนวน 160 ชิ้น

    3. เจเค เอกซ์แลป EX-A เอ็กซ์เอ บอดีครีม (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 3,200 ชิ้น

    4. โลชั่น PWB Prink White Bumm (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 1,584 ชิ้น

    5. เซรั่ม Neo Hair นีโอแฮร์ แฮร์ทรีทเมนต์ (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 80 ชิ้น

    6. นาดิส ไลฟลี่ บัตครีม (NAKIZ LIVELY BUTT) (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 95 ชิ้น

    7. KOSE Softymo Speedy Cleansing Oil (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 600 ขวด

    8. CERAVE Foaming Cleanser (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 60 ขวด

    9. CERAVE SA Smoothing Cleanser (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 190 ขวด

    10. CERAVE Moisturising Lotion (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 62 ขวด

    11. CERAVE Hydrating Hyaluronic Acid Serum (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 48 ขวด

    12. CERAVE Resurfacing Retinol Serum (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 82 ขวด

    13. CERAVE AM Facial Moisturizing Lotion (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 92 ขวด

    14. CERAVE PM Facial Moisturizing Lotion (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 92 ขวด

    15. CERAVE Skin Renewing Retinol Serum (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 48 ขวด

    16. ครีมกันแดด Biore UV 50+PA+++ (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 92 ขวด

    17. เครื่องสำอาง Restoria Discreet colour restong cream จำนวน 80 ขวด

    18. น้ำหอม victoria S fleur ROSe จำนวน 10 ขวด

    19. น้ำหอม VICTORIA S fleur VIOLET PLUM จำนวน 10 ขวด

    20. ครีมทามือตราม้า HORSE OIL จำนวน 120 ขวด

    21. ครีม RtopR MANGO EXFOLIATING GEL ขนาด 40 กรัม จำนวน 6,048 หลอด

    22. ครีม Aichum Beauty Whitening cream จำนวน 124 ขวด

    23. ผลิตภัณฑ์ XOERMIOY ๑๐๐g จำนวน 48 หลอด

    24. กระดาษทิชชู่เปียก จำนวน 80 ห่อ

    25. ผลิตภัณฑ์ MEIDIAN LOT 23E20A จำนวน 30 กล่อง

    26. ผลิตภัณฑ์ YAQINUO AVOCADO MOISTURZING EYE CREAM จำนวน 390 กล่อง

    27. ผลิตภัณฑ์ lessxcoco charming frarance solid balm จำนวน 340 กล่อง

    28. ผลิตภัณฑ์ PSORIASIS CREAM จำนวน 36 หลอด

    29. ผลิตภัณฑ์ Candy bella จำนวน 55 กล่อง

    30. ผลิตภัณฑ์ KILO .COTE จำนวน 90 หลอด

    31. ผลิตภัณฑ์ GENITAL WART REMOVER CREAM จำนวน 130 หลอด

    32. ผลิตภัณฑ์ ADVANCED BEAUTIFUL CURVE จำนวน 40 หลอด

    33. ผลิตภัณฑ์ LIPOMA CREAM จำนวน 48 หลอด

    34. ผลิตภัณฑ์ SEOMOU DEEP HYDRATION SERIRS จำนวน 200 ซอง

    35. ผลิตภัณฑ์ MSYAHO VIVID BAKED TERRACOTTA จำนวน 30 ตลับ

    36. ผลิตภัณฑ์ SUMIFUN WART REMOVER OINTMENT จำนวน 280 หลอด

    จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” หรือ Fulfillment โดย น.ส.ชไมพรฯ พนักงาน แจ้งว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของ Mr. Shanke (สงวนนามสกุล) นายทุนสัญชาติจีน ซึ่งจะเป็นผู้สั่งสินค้าเครื่องสำอางที่เป็นกระแส และกำลังเป็นที่นิยมในสื่อออนไลน์มาจากประเทศจีน จากนั้นจะนำมาฝากไว้ที่โกดังเก็บสินค้าย่านลาดกระบังเพื่อรอแพ็คส่งให้ลูกค้าชาวไทย โดยกลุ่มนายทุนชาวจีนดังกล่าวจะเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อใช้โฆษณาสินค้าเป็นจำนวนมาก รวม 9 ร้าน เพื่อกระจายการโฆษณาหากถูกปิดกั้นเพจ จากนั้นจะส่งออเดอร์-ที่อยู่การจัดส่ง ให้ น.ส.ชไมพรฯ ทำการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย โดยจะได้ค่าส่งชิ้นละประมาณ 10 บาท และทำมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยมียอดการส่งสินค้าสูงถึง 5,000 – 10,000 ชิ้น/วัน

    ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอมอื่น ๆ อยู่ระหว่างติดต่อให้ บริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์ตรวจสอบและยืนยันเพิ่มเติม และในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด พนักงานสอบสวนจะส่งตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากผลการตรวจวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

    1. ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือ
    ทั้งจำทั้งปรับ

    2. ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

    3. ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย” ระวางจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    4. หากผลการตรวจวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลสืบหาโกดังจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม จนสามารถตรวจยึดเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก

    การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการจับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง ไม่แสดงฉลากภาษาไทย จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีราคาถูกเกินกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ

    ขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่ายโดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line: @FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตรวจสอบฉลากบรรจุภัณฑ์ สี กลิ่น อย่างถี่ถ้วน และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ที่ถูกเกินกว่าราคาปกติ หรือโฆษณาอวดอ้างผลที่เกินจริง ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมาย
    มาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย.ตรวจพบผลิตภัณฑ์โปรเท็น พลัส โฆษณาโอ้อวดเกินจริง

    พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์โปรเท็น พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรไบโอติก 11 ชนิด) (ตรา เนเจอร์ไบโอเทค) เลขสารบบอาหาร 10-3-25952-5-0011 ขายทางออนไลน์ ระบุสรรพคุณ “...PRO10+ (โปรเท็นพลัส) PROBIOTICS จุลินทรีย์ดี 11 สายพันธุ์ 11,000 ล้าน CFU/ซอง...ช่วยให้น้ำหนักและปริมาณไขมันสะสมในร่างกายลดลง และช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น...ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น...ช่วยลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ...”

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควรและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งขณะนี้ อย. ได้ดำเนินคดีผู้กระทำผิดแล้ว และจะเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด หากพบการกระทำผิดเพิ่มเติมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะผู้บริโภคว่าก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย. ไม่อนุญาตให้โฆษณาในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ข่าวสาร อย. สธ. ปล่อยขบวนรถขนย้ายยาเสพติดของกลาง ช่วงที่ 2 ตามปฏิบัติการ Set Zero เดินหน้ากำจัดให้สิ้นยาเสพติด

    สธ. ปล่อยขบวนรถขนย้ายยาเสพติดของกลาง ตามปฏิบัติการ Set Zero เดินหน้ากำจัดให้สิ้นยาเสพติด ครั้งที่ 57 ช่วงที่ 2 (ระหว่างวันที่ 19 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2567) จำนวน 230 ตัน จากของกลางยาเสพติดทั้งสิ้น 340 ตัน ตามปฏิบัติการ Set Zero เดินหน้ากำจัดให้สิ้นยาเสพติด ไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ

    วันนี้ (19 มกราคม 2567) ที่บริเวณถนนหน้าอาคาร OSSC สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รองศาสตราจารย์ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนรถขนย้ายยาเสพติดของกลาง ในการทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 57 ช่วงที่ 2 โดยกล่าวว่าการจัดงานในวันนี้เป็นการตอกย้ำนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เป็นรูปธรรม และแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนต่อสาธารณชนในการต่อสู้กับยาเสพติดไม่ให้หวนคืนสู่สังคมอีก โดยคงหลักการความโปร่งใสและการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้จัดโครงการ set zero เดินหน้ากำจัดให้สิ้นยาเสพติด มีการทำลายยาเสพติดของกลางช่วงที่ 1 ไปแล้วกว่า 110 ตัน และจะดำเนินการทำลายอย่างต่อเนื่องทุก 1 ถึง 2 เดือน สำหรับในวันนี้ เป็นช่วงที่ 2 ที่มีการทำลายยาเสพติดของกลางรวมกว่า 230 ตัน โดยขบวนรถขนย้ายยาเสพติดของกลางจะลำเลียงยาเสพติดของกลางไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อทำลายให้หมดสิ้นไป โดยใช้วิธีการเผาทำลายด้วยเตาอุณหภูมิสูง ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ

    กระทรวงสาธารณสุขขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันเดินหน้ากำจัดยาเสพติดให้หมดสิ้นจากสังคมไทย อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมว่ายาเสพติดดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาหมุนเวียน
    สร้างปัญหาให้กับสังคมได้อีกต่อไป
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. ออกประกาศใหม่ เพิ่มมาตรการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ให้มีมาตรฐานสากล

    อย. เพิ่มมาตรการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ให้มีระบบคุณภาพอันเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ให้ยั่งยืน โดยออกประกาศฯ ใหม่ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยให้มีมาตรฐานสากล

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ ได้แก่ ระบบคุณภาพการผลิต ระบบคุณภาพการนำเข้าหรือขาย ระบบคุณภาพที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือแพทย์ในการศึกษาวิจัยทางคลินิก และเพิ่มด่านตรวจสอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ให้ครอบคลุม โดย อย. ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๕ ฉบับ ดังนี้

    1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบบคุณภาพของการผลิตเครื่องมือแพทย์ พ .ศ.2566 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566

    2. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบบคุณภาพการนำเข้าหรือขายเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566

    3. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดด่านตรวจสอบเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2566

    4. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการผลิต หรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 27 (5) (6) และ (7) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2566

    5. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้เครื่องมือแพทย์ในการศึกษาวิจัยทางคลินิก พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2566

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มมาตรการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ให้มีระบบคุณภาพเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ทำให้ประชาชนได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่มีความปลอดภัยมีคุณภาพมาตรฐานและประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ให้มีมาตรฐานตามหลักสากล เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค อันจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ครบวงจรและยั่งยืน

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. จับมือสภาองค์กรของผู้บริโภค พัฒนากลไกเฝ้าระวังเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    อย. ร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคจัดประชุมเชิงปฏิบัติการบูรณาการความร่วมมือเพื่อพัฒนาแผนการดำเนินงานเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน ลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงาน ลดระยะเวลาลดงบประมาณของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนระบบคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทยให้มั่นคงและยั่งยืน

    วันที่ 23 มกราคม 2567 นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทในการเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศ และเพื่อให้การกำกับดูแลเฝ้าระวังเตือนภัยมีประสิทธิภาพ อย. จึงได้บูรณาการความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ด้วยการร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคจัดประชุมเชิงปฏิบัติการบูรณาการความร่วมมือเพื่อพัฒนาแผนการดำเนินงานเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน ซึ่งทั้ง อย. และสภาองค์กรของผู้บริโภคมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือผู้บริโภคได้รับการปกป้อง คุ้มครองให้ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    การบูรณาการในครั้งนี้ เป็นการจัดทำแนวทางและแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่หน่วยงานในพื้นที่ เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยงานระดับท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นต้น และสร้างระบบการให้ความรู้และสื่อสารแจ้งเตือนภัยแก่ผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนข้อมูลกรณีมีเรื่องร้องเรียนที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย ตลอดจนแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งนับเป็นการบูรณาการการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคในเชิงรุกระหว่างหน่วยงาน

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อพัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และยังช่วยขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • ข่าวประกาศ อย. เรื่อง ผลการตรวจสอบหรือวิเคราะห์เครื่องสำอางที่พบสารห้ามใช้ 7 รายการ

    สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา ได้ตรวจสอบและสั่งซื้อตัวอย่างเครื่องสำอางจาก (1) ร้านค้าออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “ครีมเหมยหยงเกรด a ของแท้ 100% รายใหญ่พร้อมส่ง” (2) ร้านค้าออนไลน์ “thongp999” (3) ร้านค้าออนไลน์ “prawit2531” (4) ร้านค้าออนไลน์ “lamoo.beauty” (5) ร้านค้าออนไลน์ “lindy.Skinmate” (6) ร้านค้าออนไลน์ “pimmycool_shopping” และ (7) ร้านค้าออนไลน์ชื่อ “gym.cosmetics” ผลการตรวจสอบทั้ง 7 รายการ พบสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางจึงขอประกาศผลการตรวจสอบหรือผลวิเคราะห์เครื่องสำอางให้ประชาชนทราบ ดังนี้

    อันตรายของเครื่องสำอางดังกล่าว ได้แก่

    1. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ คือ Betamethasone 17-valerate (Glucocorticoids) อาจทำให้ผิวบาง เกิดรอยแตก เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติ หน้าแดงตลอดเวลา เกิดผื่นแพ้ เกิดสิวผด ผิวหนังมีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดด่างขาว

    2. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารประกอบของปรอท (Mercury compounds) อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ

    3. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง อักเสบหน้าแดง อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ได้รับสารนี้เกินขนาด สารนี้จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้

    4. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดเรทิโนอิก (Retinoic acid) อาจทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการ ระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนให้ประชาชนเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วยความระมัดระวัง ซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน ฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทเครื่องสำอาง ชื่อของสารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตหรือปีเดือนที่ผลิต คำเตือน (ถ้ามี) และเลขที่ใบรับจดแจ้ง สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางเพื่อจำหน่าย จะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ และมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน

    กรณีที่พบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขออย.
    ขอ อย.
    บริการอย.

  • อย. เชิญชวนประกวดคลิปสั้น ลุ้นรางวัลรวมกว่า 2 แสนบาท
    อย. ชวนประกวดคลิปสั้น ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท ด่วน! 200 ท่านแรกรับ 500 บาท ทันทีตามเกณฑ์ที่กำหนด เปิดรับสมัครและส่งผลงาน 15 มกราคม - 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเชิญชวนผู้สนใจประกวดสื่อสร้างสรรค์ คลิปสั้น ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร โดย 200 ท่านแรก ที่ส่งผลงานตามเกณฑ์ที่กำหนด รับรางวัล 500 บาท ทันที โดยคุณสมบัติผู้เข้าประกวด แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ (1) ประเภทนักเรียน/นักศึกษา ภายใต้หัวข้อ “วัยรุ่นยุคใหม่ ใส่ใจผลิตภัณฑ์สุขภาพ” (2) ประเภทบุคคลทั่วไป ภายใต้หัวข้อ “สูงวัย สุขภาพดี กับ อย.” (3) ประเภทบุคลากรสาธารณสุข ภายใต้หัวข้อ “อย. ขอไม่ยาก” หรือ “สูงวัย สุขภาพดี กับ อย.” โดยเปิดรับสมัครและส่งผลงานตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดที่ QR Code เกณฑ์การประกวด และ QR Code ใบสมัคร หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook: FDA Thai โทร 0 2590 7113 โดยส่งผลงานประกวดได้ที่ pcamedia66@gmail.com ประกาศผล 30 เมษายน 2567 และมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดในเดือนมิถุนายน 2567

    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. ติวเข้มเสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ ขับเคลื่อนสู่ “หน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ”

    อย. จัดอบรมเจ้าหน้าที่ส่วนกลางและภูมิภาค เสริมสมรรถนะในการจัดการเรื่องร้องเรียน โดยเน้นเพิ่มทักษะจัดการปัญหาการโฆษณาและการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ พุ่งทะยานสู่หน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาและส่งเสริม “หน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 18 มกราคม 2567 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยเพิ่มทักษะในการทำงานเชิงรุก เสริมสร้างความรู้ ทักษะเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการโฆษณาและการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการจัดการเรื่องร้องเรียน (Good Complaint Handling Practice: GCHP) และข้อกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อย. เพื่อให้งานด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับภูมิภาคมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ สร้างหน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับภูมิภาค

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีการประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการจัดการเรื่องร้องเรียน (Good Complaint Handling Practice: GCHP) เป็น หน่วยงานแรกของประเทศไทย และส่งเสริมให้หน่วยงานในระดับภูมิภาคนำหลักเกณฑ์ฯ นี้ไปใช้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนให้สามารถดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ เป็นหน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับบริการ นำไปสู่กลไกที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาโฆษณาและการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายผ่านช่องทางพาณิชย์ สามารถลดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทย ตามเป้าหมาย “ผู้บริโภคปลอดภัย ผู้ประกอบการพัฒนาไกล ระบบคุ้มครองสุขภาพไทยยั่งยืน”

    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. ไทย จับมือ อย. ญี่ปุ่น ผสานความร่วมมือระดับทวิภาคี เพื่อพัฒนาการกำกับดูแลยาและเครื่องมือแพทย์

    อย. ไทย - PMDA ญี่ปุ่น ร่วมประชุมทวิภาคี พัฒนาระบบกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องมือแพทย์ หวังให้ประชาชนเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงช่วยให้ประเทศไทยเข้าถึงเครื่องมือแพทย์นวัตกรรมใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

    วันนี้ (17 มกราคม 2567) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงาน Pharmaceutical Medical Products Agency (PMDA) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลยาและเครื่องมือแพทย์ ของประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันจัดการประชุมทวิภาคีไทย - ญี่ปุ่น (Thailand-Japan Bilateral Meeting) ณ โรงแรม Hotel Nikko Bangkok กรุงเทพฯ โดยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การประชุมความร่วมมือระดับทวิภาคีนี้มุ่งเน้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลในเชิงลึก และประสบการณ์จากบุคลากร อย. ประเทศไทย และ PMDA ประเทศญี่ปุ่น ในหลายด้าน อาทิ กฎระเบียบและการวิจัยยาทางคลินิก การกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ที่นำกลับไปทำใหม่ และการนำมาใช้ซ้ำของเครื่องมือแพทย์ การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์กึ่งยา (Quasi-Drug) การขึ้นทะเบียนยา โดยใช้ผลการตรวจประเมินของ PMDA มาประกอบการพิจารณา การขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์ โดยอ้างอิงหลักฐานการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานที่ อย. ให้การยอมรับ ระบบการให้คำปรึกษา เป็นต้น ซึ่งข้อสรุปจากการประชุมความร่วมมือด้านยาและเครื่องมือแพทย์ของทั้งสองประเทศ จะนำมาใช้ในการพัฒนาระบบการดำเนินงาน และการพัฒนาบุคลากร ในการประเมินผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องมือแพทย์ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงช่วยให้ประเทศไทยเข้าถึงเครื่องมือแพทย์นวัตกรรมใหม่ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและไม่ล้าสมัย ตอบสนอง ต่อความท้าทายด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการฯ อย. กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างไทยและญี่ปุ่น รวมถึงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจากการหารือในวันนี้ว่า เป็นโอกาสอันดีในการต่อยอดความร่วมมือทางวิชาการที่จะร่วมกันพัฒนาการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องมือแพทย์ให้มีการอนุญาตที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติต่อไป

    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายเครือข่ายผลิตและจำหน่าย เครื่องสำอางต้องห้าม มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

    วันที่ 17 มกราคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม ตรวจยึดของกลาง 90 รายการ มูลค่ากว่า 3,000,000 บาท

    พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบัน พฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีความหลากหลาย และเป็นช่องทางอันดับต้นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของเครื่องสำอางปลอม ไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง และไม่ได้มาตรฐานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

    กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับ อย. จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย. ให้ตรวจสอบการลักลอบผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมผ่านแพลตฟอร์ม shopee ชื่อ “Kunying Beauty Shop” ซึ่งหากเป็นเครื่องสำอางปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรืออาจเกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวได้

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่ผลิต และสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว

    ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ปทุมธานีจำนวน 2 จุด ดังนี้

    จุดที่ 1 สถานที่จัดเก็บ และส่งสินค้า ในพื้นที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้นพบนางบุญมี (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ตรวจยึด

    1. เครื่องสำอางที่ อย. เคยออกประกาศเป็นเครื่องสำอางกำหนดชื่อเครื่องสำอางที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย จำนวน 4 รายการ รวม 2,740 ชิ้น ได้แก่ 1.) kim ครีมสมุนไพรขมิ้นผสมบัวหิมะ, 2.) LENAO COSMETIC WHITENING CREAM, 3.) kim ครีมไข่มุกผสมบัวหิมะ, 4.) ครีมบำรุงผิวสูตรกลางคืน ยี่ห้อ LAYNOW

    2. เครื่องสำอางที่เคยประกาศผลวิเคราะห์ว่าพบสารต้องห้าม จำนวน 8 รายการ รวม 2,360 ชิ้น ได้แก่ 1.) แพรวาครีมสมุนไพรมะขามป้อม vs น้ำมันมะพร้าว, 2.) MEYYONG RA, 3.) MEYYONG ฝาสีน้ำเงินกระปุกพลาสติกสีขาว, 4.) MEYYONG ฝาสีชมพูกระปุกพลาสติกสีขาว, 5.) Chili day cream, 6.) Chili night cream, 7.) KT night cream 8.) เลดี้ โกลด์ ครีมสาหร่ายทองคำ ผสมกลูต้า

    3. เครื่องสำอางที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.เครื่องสำอาง จำนวน 65 รายการ รวม 14,567 ชิ้น เช่น เครื่องสำอางปลอม ไม่มีเลขที่จดแจ้ง ฉลากแสดงข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วนไม่ถูกต้อง เช่น happy ครีมสมุนไพรไข่มุกผสมบัวหิมะ, แพรวา ครีมน้ำผึ้งป่า, ไวท์โรส ครีมรกแกะ, KIM สบู่ไข่มุกผสมบัวหิมะ, KT gold plus cream

    รวมของกลางทั้งหมด 77 รายการ จำนวน 19,667 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท จากการสอบถามนางบุญมีฯ แจ้งว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นของนางสาวศิริลักษณ์ (สงวนนามสกุล)

    จุดที่ 2 สถานที่ผลิตในพื้นที่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้นพบนายอิทธิพล (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ตรวจยึดเครื่อจักร, วัตถุดิบในการผลิตครีม, ภาชนะบรรจุ และยาทาภายนอก (กลุ่มสเตียรอยด์) จำนวน 73 กระปุก รวมทั้งหมด 13 รายการ มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท

    รวมตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด ตรวจยึดของกลาง จำนวน 90 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี โดยเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ อย.เคยออกประกาศเป็นเครื่องสำอางกำหนดชื่อเครื่องสำอางที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย จำนวน 4 รายการ, เครื่องสำอางที่เคยประกาศผลวิเคราะห์ว่าพบสารต้องห้าม จำนวน 8 รายการ, เครื่องสำอางที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.เครื่องสำอาง เช่น เครื่องสำอางปลอม ไม่มีเลขที่จดแจ้ง ฉลากแสดงข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วนไม่ถูกต้อง จำนวน 65 รายการ เครื่องจักร วัตถุดิบ, ภาชนะบรรจุ และยาทาภายนอก (กลุ่มสเตียรอยด์) จำนวน 13 รายการ มูลค่ากว่า 3,000,000 บาท

    จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า สถานที่ตรวจค้นทั้ง 2 จุด มีนาย อิทธิพลฯ (สามีของ น.ส.ศิริลักษณ์ฯ)เป็นผู้ดูแลการผลิตโดยใช้บ้านพักในพื้นที่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นสถานที่ในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จากนั้นส่งมาจัดเก็บที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อรอการบรรจุ และจำหน่ายให้กับลูกค้า โดย น.ส.ศิริลักษณ์ฯ เป็นผู้ดูแลการจำหน่ายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ และทำมาแล้วประมาณ 5 ปี

    อนึ่ง การตรวจค้นครั้งนี้พบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลอม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งไม่แสดงฉลากภาษาไทย ส่งขายให้กับประชาชนซึ่งจะทำให้ได้รับผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด พนักงานสอบสวนจะส่งตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และหากผลการตรวจวิเคราะห์ทั้ง 2 จุด ตรวจพบสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ฐาน “ผลิตและขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ผู้ผลิตระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและผู้ขายระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

    -สถานที่จัดเก็บและส่งสินค้าจำหน่าย มีความผิดฐาน

    1. “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2 . “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

    3. “ขายเครื่องสำอางที่ฉลากไม่ตรงต่อความจริง อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    4. “ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    5. “ขายเครื่องสำอางที่ฉลากภาษาไทย ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    -สถานที่ลักลอบผลิต มีความผิดฐาน

    1. “ผลิตเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. หากตรวจพบสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ฐาน “ผลิตและขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ผู้ผลิตระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ขายระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถหาแหล่งผลิตและจำหน่ายรวมถึงตรวจยึดเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก โดยการปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ได้มีการเฝ้าระวังการขายเครื่องสำอางที่ตรวจพบสารห้ามใช้ ได้แก่ ไฮโดรควิโนน ปรอท และกรดเรทิโนอิก ประกอบกับได้รับเรื่องร้องเรียนการขายผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ (shopee/lazada/tiktok) เป็นกรณีพิเศษ โดยร่วมกับตำรวจ บก. ปคบ. สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดจนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่ได้

    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางที่ทาง อย.ได้ประกาศชื่อเป็นเครื่องสำอางที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย เช่น KIM ครีมไข่มุกผสมบัวหิมะ (KIM WHITENING PEARL AND SNOWLOTUS CREAM), KIM ครีมสมุนไพรขมิ้นผสมบัวหิมะ (KIM WHITENING TURMERIC AND SNOWLOTUS CREAM)” เลนาว ครีมบํารุงผิวหน้ากลางคืน พบเครื่องสำอางปลอมและเครื่องสำอางที่พบสารห้ามใช้ เช่น แพรวาครีมสมุนไพรมะขามป้อม vs น้ำมันมะพร้าว, Chili day cream, Chili night cream, KT night cream, เลดี้โกลด์ ครีมสาหร่ายทองคำผสมกลูต้า, MEYYONG RA, MEYYONG ฝาสีน้ำเงินกระปุกพลาสติกสีขาว, MEYYONG ฝาสีชมพูกระปุกพลาสติกสีขาว และเครื่องสำอางที่ไม่จดแจ้งและฉลากแสดงข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญจำนวนมาก ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ปรอท สารไฮโดรควิโนน

    กรดเรทิโนอิก ที่ อย. สั่งห้ามใช้ และแจ้งเตือนประชาชนหลายครั้ง (รายละเอียดตาม QR code ด้านล่าง) เพราะสารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แม้จะส่งผลเร็วแต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจากผิวที่ดูขาวจะกลายเป็นดำคล้ำ มีภาวะผิวบาง เกิดฝ้าถาวร หากเป็นสิวก็เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งหากเป็นรอยแผลถาวรก็จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงขอเตือนประชาชนอย่าซื้อครีมลักษณะนี้มาใช้ แต่ให้ซื้อครีมยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการจดแจ้งถูกต้องจากทาง อย. เท่านั้น

    ขอย้ำเตือนประชาชนว่าการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทางสื่อออนไลน์ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สิวฝ้าหน้าขาวขึ้นภายใน 7 วัน ซึ่ง อย.ไม่อนุญาตการโฆษณาที่อวดอ้าง เป็นเท็จ หลอกลวงและเกินจริง หากพบจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการโฆษณาเกินจริงทุกกรณี ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พ.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อย่าหลงซื้อ เพียงเพราะเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาด หรือการอวดอ้างสรรพคุณที่ให้ผลเกินจริง เช่น ขาวไว ผอมเร็ว เป็นต้น ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยา ที่ถูกเกินกว่าปกติ ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • ความรู้ อย. ลูกน้อยเป็นผื่นผ้าอ้อม ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรทาดี

    หลายครั้งที่ลูกน้อยใส่ผ้าอ้อมหรือแพมเพิสตลอดทั้งวันทั้งคืนอาจทำให้เกิดผดผื่นขึ้นที่ผิวหนังได้ ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อ คุณแม่ได้เช่นกัน ในบทความนี้จะมาแนะนำยาที่ใช้ทาเมื่อลูกน้อยเป็นผื่นผ้าอ้อมกัน

    ก่อนอื่นอยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจก่อนว่าผื่นผ้าอ้อมในเด็ก (Nappy rash) ที่เกิดขึ้นได้เกิดได้จาก
    หลายสาเหตุ เช่น ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ผิวหนังมีความอับชื้น ผิวหนังเกิดการเสียดสีจากการสวมใส่ผ้าอ้อม ข้อสังเกตของผื่นผ้าอ้อม คือ ผื่นจะเป็นสีแดง มีลักษณะเป็นปื้น ขอบเขตของผื่นชัด พบผื่นตามบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อมหรือแพมเพิส และผื่นอาจมีการกระจายไปที่ท้องและขาได้ แต่มักไม่พบบริเวณข้อพับ อาจพบการติดเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้

    ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรทาแก้อาการผื่นผ้าอ้อมดี ?

    - หากมีผื่นเล็กน้อย

    ควรทาโลชันหรือครีมที่มีส่วนประกอบของ Zinc oxide, Titanium dioxide, Dexpanthenol หรือ Petrolatum ทาทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือแพมเพิส เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสปัสสาวะหรืออุจจาระโดยตรง หากผื่นแย่ลงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

    - หากผื่นอักเสบปานกลางและรุนแรง

    ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนพิจารณาใช้ยาทาสเตียรอยด์ชนิดอ่อน โดยให้ทาบาง ๆ บริเวณที่เป็น และควรใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ หากผื่นแย่ลงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

    การป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม

    1. เปลี่ยนผ้าอ้อมหรือแพมเพิสบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการอับชื้น

    2. ทำความสะอาดอวัยวะเพศ ก้น และบริเวณรอบ ๆ ให้สะอาด จากนั้นเช็ดและทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนใส่ผ้าอ้อมหรือแพมเพิส

    3. ทาผลิตภัณฑ์เคลือบผิวเพื่อป้องกันภาวะผิวแห้ง เช่น ทาปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly)
    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • ความรู้ อย. 5 วิธีบอกลาปัญหาผิว..หน้าหนาว

    เมื่อถึงฤดูหนาว เรามักจะพบปัญหาผิวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวแตกเป็นขุย ทำให้เกิดอาการแสบคันอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากผิวขาดความขุ่มชื้น ในบทความนี้จะนำเสนอ 5 วิธีการดูแลผิวง่าย ๆ ในช่วงหน้าหนาว ไปดูกันเลย

    1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นที่นานเกิน หรือถี่เกินไปในช่วงหน้าหนาว อาจทำให้ผิวแห้ง เป็นขุยได้

    2. หลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิว การขัดหรือสครับผิวจะยิ่งทำให้ผิวชั้นนอกเกิดการเสียดสี และบอบบางลง เป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งง่ายมากขึ้น

    3. ดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นขึ้นได้

    4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพแข็งแรงและทำให้ผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี

    5. ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ เรตินอยด์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น

    ที่สำคัญคือ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีเลขที่ใบรับจดแจ้งเครื่องสำอาง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” หรือตรวจสอบได้ที่ Line: @FDATHAI
    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. แนะผู้ปกครองและเด็ก อ่านฉลากก่อนรับประทานขนม
    วันเด็กแห่งชาติ อย. แนะพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลเด็กชอบกินขนม พร้อมแนะนำอ่านฉลาก ตรวจสอบข้อมูลสารอาหารก่อนรับประทาน เพื่อโภชนาการที่เหมาะสม ลดเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกปี ถือเป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยในปีนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2567 ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” ซึ่งในวันดังกล่าวมักมีกิจกรรมมากมาย เช่น การแจกของขวัญ อาหารและขนมให้เด็กที่เข้ามาร่วมงาน หรือพ่อแม่ผู้ปกครองมักซื้อขนมให้แก่บุตรหลาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยเนื่องจากปัจจุบันมีขนมที่มีลักษณะแปลกใหม่ ทั้งรสชาติ กลิ่น และมักใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีสีสันสดใสเพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งบางผลิตภัณฑ์ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาต จึงขอให้ผู้ปกครองเลือกขนมให้บุตรหลานเฉพาะที่มีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตและผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิตหรือควรบริโภคก่อนหรือหมดอายุ และแนะนำบุตรหลานให้อ่านฉลากก่อนรับประทาน โดยที่ผ่านมา อย. ได้รณรงค์ให้ประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งนี้ อย.ยังได้ดำเนินโครงการ อย.น้อย อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี เพื่อให้นักเรียนมีความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ รู้เท่าทันโฆษณาหลอกลวงเกินจริง เพื่อให้นักเรียนนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันและช่วยเหลือเพื่อน ๆ ครอบครัว และชุมชนได้อย่างเหมาะสม โดยปัจจุบันมีโรงเรียนที่เป็นสมาชิก อย. น้อย จำนวน 17,776 โรงเรียน มีตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตอนปลาย – มัธยมศึกษาตอนปลาย

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. พัฒนาศักยภาพครู มุ่งขยายเครือข่าย อย. น้อย ในเขตกรุงเทพมหานคร
    อย. สานพลังครู อย. น้อย ในเขตกรุงเทพมหานคร จัดอบรมพัฒนาทักษะด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพคุณครู เพื่อดำเนินงานตามเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียน อย. น้อย หวังให้เด็กนักเรียนรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างปลอดภัยและสมประโยชน์สูงสุด

    วันนี้ (12 มกราคม 2567) นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาทักษะด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพคุณครูโรงเรียน อย. น้อย เขตกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินงานตามเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียน อย. น้อย ว่า หนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข คือ การวางรากฐานการแพทย์ปฐมภูมิ ที่ตั้งเป้างานอนามัยโรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มุ่งผลักดันให้โรงเรียนมีการดำเนินงานตามมาตรฐานโรงเรียน อย. น้อย โดยการวางรากฐานให้เยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของชาติมีศักยภาพ กระตือรือร้นในการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ และมีความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังเพื่อน ครอบครัว และชุมชน ทำให้เกิดเกราะป้องกันอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมีทั้งนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษาทั่วประเทศ

    สำหรับการอบรมพัฒนาทักษะด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพคุณครูโรงเรียน อย. น้อย เพื่อให้คุณครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ และยกระดับงานคุ้มครองผู้บริโภคในสถานศึกษา ซึ่งการอบรมประกอบด้วยการบรรยายการรับรองเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียน อย. น้อย การบรรยายความรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพครอบคลุมเรื่อง เครื่องสำอาง ยา และอาหาร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยเครือข่ายครูจากโรงเรียนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)

    เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การประชุมในครั้งนี้ อย. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายครูจากทั้ง 3 สังกัด (สพฐ., กทม., สช.) ในการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับ อย. น้อย อย่างจริงจัง เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กเหล่านั้น เจริญเติบโตเป็นอนาคตของชาติที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ต่อไป
    ------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

    #จดอย. #ขออย. #บริการอย. #บริการจดทะเบียน อย #ขออย

  • อย. หลักเกณฑ์การนำตราสัญลักษณ์รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ไปใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์

    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้มอบรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ให้แก่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพด้านต่าง ๆ ได้แก่ อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชนนั้น

    เพื่อให้การนำตราสัญลักษณ์รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ไปใช้สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน สำนักงานฯ จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังนี้

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุญาตให้นำตราสัญลักษณ์ รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ไปแสดงบนฉลาก และประชาสัมพันธ์ในสื่อรูปแบบต่าง ๆ โดยต้องระบุประเภทรางวัลที่ได้ และปีที่ได้รับรางวัลกำกับไว้
    การใช้ชื่อรางวัลให้ใช้คำเรียก " อย. Quality Award " " ThaiFDA Quality Award " หรือทับศัพท์ " อย. ควอลิตี้ อวอร์ด " ในการประชาสัมพันธ์
    หากมีการนำตราสัญลักษณ์รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ไปใช้บนฉลาก และทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของการได้รับรางวัล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสิทธิ์การใช้ ตราสัญลักษณ์รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด และอาจถูกดำเนินการตามกฎหมาย หากการกระทำผิดเข้าข่ายตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้น
    หลักเกณฑ์นี้มีผลบังคับใช้สำหรับผู้ได้รับรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย.เตือน ผลิตภัณฑ์ Wiberty ช่วยฟื้นฟูการมองเห็น

    ผลิตภัณฑ์ Wiberty ช่วยฟื้นฟูผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ WIBERTY DIETARY SUPPLEMENT ซึ่งแสดงข้อความว่า “Wiberty ได้รับการอนุญาตครบถ้วนและมีหมายเลขทะเบียนของ FDA เรียบร้อยแล้ว” แต่ตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และข้อความ “ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูการมองเห็น” รวมทั้ง ข้อความรีวิว เช่น “เริ่มมองเห็นได้ดีขึ้น หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์นี้ไปได้ 2 เดือน” และ “การใช้ Wiberty ช่วยให้หายจากต้อกระจกในระยะแรก” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมาย กับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ อาหาร พ.ศ 2522 ต่อไป
    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. แนะก่อนยืดผม ศึกษาวิธีใช้บนฉลากเพื่อความปลอดภัย
    อย. เผยเร่งสืบหาข้อเท็จจริงกรณีหญิงใช้น้ำยายืดผม แต่ผมขาดร่วงเป็นกระจุก ย้ำก่อนซื้อมาใช้ให้ดูว่ามีฉลากภาษาไทยพร้อมเลขที่ใบรับจดแจ้ง ปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนบนฉลากอย่างเคร่งครัด ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ หากพบอาการผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที

    กรณีมีการแชร์ข้อมูลทางเพจเพื่อเป็นอุทาหรณ์ของหญิงสาวที่ซื้อผลิตภัณฑ์ยืดผมตามกระแสยี่ห้อหนึ่งมาใช้เองที่บ้าน แต่ผมขาดร่วงเป็นกระจุกนั้น นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เร่งสืบหาข้อเท็จจริง และจะขยายผลการตรวจสอบสถานที่ผลิตหรือนำเข้า และเก็บตัวอย่างเครื่องสำอางส่งตรวจวิเคราะห์อย่างเร่งด่วนต่อไป

    สำหรับผลิตภัณฑ์ยืดผมจัดเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสาร เช่น กรดไทโอไกลโคลิก (thioglycolic acid) ความเข้มข้นในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต้องไม่เกินร้อยละ 11 ความเป็นกรด-ด่างของเครื่องสําอางต้องอยู่ในช่วง pH 7 - 9.5 สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้ เช่น การระคายเคือง หรืออาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้หากใช้ไม่ถูกวิธี หรืออาจก่อให้เกิดการแพ้ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ดังนั้น จึงควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้แม้จะเป็นยี่ห้อที่เคยใช้แล้วก็ตาม โดยการทาที่บริเวณท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 -48 ชั่วโมง หากเกิดผื่นคัน ระคายเคือง ห้ามใช้ต่อ รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด กรณีพบอาการผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรโดยเร็วที่สุด

    สำหรับผู้บริโภค การซื้อผลิตภัณฑ์ยืดผมมาใช้เองควรตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีฉลากภาษาไทยมีรายละเอียดที่สำคัญครบถ้วน เช่น ประเภทเครื่องสำอาง เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ เลขที่ใบรับจดแจ้ง และควรซื้อจากร้านค้าทั่วไปหรือร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ หากใช้แล้วเกิดปัญหาจะได้ติดตามย้อนกลับได้ที่สำคัญก่อนใช้ต้องอ่านฉลาก ศึกษาวิธีใช้และข้อควรระวังให้ละเอียด ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย และควรใช้ผลิตภัณฑ์ยืดผมด้วยความระมัดระวัง สวมถุงมือที่เหมาะสมขณะใช้ เพราะหากผลิตภัณฑ์สัมผัสเส้นผมและหนังศีรษะนานเกินไป หรือล้างออกไม่หมด มีโอกาสเกิดอันตรายได้เช่นกัน หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 Line@FDAThai Facebook: FDAThai E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. เสริมแกร่งพนักงานเจ้าหน้าที่อาหารทั่วประเทศ อบรมชิงปฏิบัติเข้มเพื่อตรวจสถานที่ผลิตอาหาร
    อย. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการพื่อตรวจสถานที่ผลิตอาหารให้เป็นตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ในระหว่างวันที่ 8 - 12 มกราคม 2567 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ท กรุงเทพฯ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 จึงได้จัดให้มีมีโครงการอบรมฐานความรู้ (Knowledge base) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นมาตรฐานและทิศทางเดียวกัน สามารถนำไปถ่ายทอดสร้างความเข้มแข็งและรอบรู้ให้กับภาคีเครือข่ายร่วมดำเนินงานกำกับดูแลความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยการอบรมครั้งนี้ เป็นหลักสูตรที่ 1 เรื่อง ประเด็นปัญหาและแนวทางการแก้ไขในการตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหารตามหลักเกณฑ์ GMP ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 420 ผู้เข้าอบรมประกอบด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. อาหาร ที่ทำหน้าที่
    ในการตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหารจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจำนวนรวม 213 คน ประกอบด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจาก 67 จังหวัด รวม 175 คน และเจ้าหน้าที่กองอาหาร จำนวน 38 คน

    รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากจะทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีความรู้ ความเข้าใจแนวทางการตรวจสถานที่ผลิตอาหารตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร หรือ GMP เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันแล้ว ยังเปิดโอกาสให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การตรวจสถานที่ผลิตอาหาร ตลอดจนการแก้ไขปัญหาขณะตรวจ ทำให้เกิดการเรียนรู้ และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น อันจะส่งผลให้การควบคุมกำกับดูแลอาหารเข้มแข็ง และคุ้มครองให้ประชาชนหรือผู้บริโภคได้รับอาหารที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อไป

    ---------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. รับลูก แก้กฎหมายปลดล็อกเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ

    อย. แก้กฎหมายปลดล็อกเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจออกจากเครื่องมือแพทย์หวังเปิดกว้างให้สถานบันเทิงใช้คัดกรองลูกค้าก่อนกลับที่พัก เพื่อความปลอดภัย โดยเครื่องมือยังมีประสิทธิภาพในการตรวจวัด ขอประชาชนวางใจ

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการแก้กฎหมายให้เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจออกจากการเป็นเครื่องมือแพทย์ โดยจัดให้เป็นเครื่องมือทั่วไป หวังให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เข้าถึงและใช้ประโยชน์เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะสถานบันเทิงสามารถมีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจไว้ใช้คัดกรองผู้ใช้บริการก่อนกลับที่พัก เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากสิ่งส่งตรวจที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เช่น เลือด น้ำลาย ปัสสาวะ
    ที่ใช้ในสถานพยาบาลยังคงถูกกำกับดูแลตามกฎหมายเครื่องมือแพทย์โดย อย. เช่นเดิม

    เบื้องต้น อย. เตรียมเสนอร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจออกจากการเป็นเครื่องมือแพทย์แล้ว และขอให้ประชาชนวางใจ เครื่องมือดังกล่าวยังมีประสิทธิภาพในการตรวจวัด โดยมีการควบคุมคุณภาพจากภาครัฐเช่นเดิม
    ---------------------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตัดตอนเครื่องสำอางเถื่อนเร่งขาว ตรวจยึดครีมถุงหลากสีกว่า 145 กิโลกรัม
    วันที่ 20 ธันวาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมปฏิบัติการตรวจค้นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางไม่มีเลขจดแจ้ง โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 9 รายการ รวม 241 ชิ้น

    พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปรากฏข่าวโรงงานแห่งหนึ่งที่มีการผลิตครีมเถื่อนที่ไม่ได้มาตราฐานโดยพบซากหนูตายในภาชนะที่ผลิต โดยผู้ผลิตเครื่องสำอางได้ถูกดำเนินคดีไปแล้วนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงมีมาตรการเชิงรุกโดยการติดตามเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งผู้บริโภคอาจซื้อมาใช้จนได้รับอันตรายแก่ร่างกาย

    โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ตรวจสอบการโฆษณาผ่านเฟสบุ๊คชื่อ “ครีมกิโลเร่งผิวขาว ครีมตัวขาวราคาส่ง” ซึ่งเฟสบุ๊คดังกล่าวมียอดผู้ติดตามกว่า 1,000 ราย และพบว่ามีการรับผลิตเครื่องสำอางโดยใช้สีและกลิ่นตามสั่ง อีกทั้งมีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวบรรจุถุงพลาสติก ถุงละ 1 กิโลกรัม โดยอวดอ้างสรรพคุณการเร่งผิวขาว อาทิเช่น ใช้แล้วจะทำให้ผิวขาวไวภายใน 3 วัน, รักษากระแดดตามผิวกาย, รักษารอยแผลเป็นให้จางลง, ลดจุดด่างดำ ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาจมีส่วนผสมของสารอันตรายที่เป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ สเตียรอยด์ ซึ่งหากใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าดำ ผิวบางลง แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย ผิวแตกลายถาวร เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับสารปรอทในปริมาณมาก อาจเกิดพิษสะสม ส่งผลให้ไตอักเสบ ซึ่งเคยมีผู้แพ้สารปรอทในเครื่องสำอางจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

    ต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นำหมายค้นของศาลแขวงชลบุรี เข้าทำการตรวจค้นสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ในพื้นที่ ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ผลการตรวจค้นพบ น.ส.มนทิกานต์ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการรับฝาก และจัดส่งสินค้าตรวจยึด 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอมเนื้อครีมคละสีบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม (เลขที่ใบรับจดแจ้งสิ้นอายุ) จำนวน 7 ถุง, 2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เนื้อครีมคละสี บรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 138 ถุง, 3. ฉลากและบรรจุภัณฑ์อื่นๆ รวมตรวจยึดของกลาง 9 รายการ รวมทั้งสิ้นจำนวน 241 ชิ้น โดยเป็นเครื่องสำอางเนื้อครีมหลากสีบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 145 ถุง ( 145 กิโลกรัม ) ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

    จากการสืบสวนขยายผลทราบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเถื่อนดังกล่าว น.ส.ณัฐถาวรีย์ฯ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำมาฝากจัดเก็บในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” ที่อาคารดังกล่าวเพื่อรอการจำหน่าย โดยมีค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า น.ส.ณัฐถาวรีย์ฯ จะส่งข้อมูลการสั่งซื้อให้ผู้ให้เช่าทำการแพ็ค และส่งให้กับลูกค้า โดยทำมาแล้วประมาณ 1 ปี

    อนึ่ง การตรวจค้นครั้งนี้พบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลอม และไม่มีเลขจดแจ้ง ส่งขายให้กับประชาชนซึ่งจะทำให้ได้รับผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด พนักงานสอบสวนจะส่งผลิตภัณฑ์ตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากพบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ฐาน “จำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง” ต้องระวางโทษปรับ
    ไม่เกิน 20,000 บาท

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตรวจสอบฉลากบรรจุภัณฑ์ สี กลิ่น อย่างถี่ถ้วน และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยา ที่ถูกเกินกว่าปกติ หรือโฆษณาอวดอ้างผลที่เกินจริง ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถตรวจยึดเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก ในครั้งนี้พบเครื่องสำอางปลอม ที่นำเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางที่มิใช่ของตนเองมาแสดงและเลขที่จดแจ้งดังกล่าวมีสถานะสิ้นอายุแล้ว

    ในส่วนของพี่น้องประชาชนขอย้ำเตือนว่า ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์ หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว และอย่าหลงเชื่อโฆษณา “รักษาสิว รอยแผลเป็น ฝ้า กระ” “ช่วยให้ผิวขาว” เพื่อจูงใจในการสั่งซื้อสินค้า

    ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    ------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ข่าวสาร “นายกฯ เศรษฐา” มอบ “หมอชลน่าน” เดินเครื่องเผาทำลายยาเสพติดล็อตใหญ่ 340 ตัน Set Zero ยาเสพติดของกลางตามนโยบายรัฐบาล

    นายกรัฐมนตรี มอบนายแพทย์ชลน่านเผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 57 รวมกว่า 340 ตัน เพื่อ Set Zero ยาเสพติดของกลางทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นยาบ้าถึง 156 ตัน ตั้งเป้าเผาทำลายให้แล้วเสร็จภายใน ม.ค.นี้ จากนั้นวางแผนเผาทำลายทุก 2 เดือน สร้างความมั่นใจการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พร้อมเดินหน้าบำบัดรักษาฟื้นฟูตามหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย คืนลูกสู่อ้อมกอดพ่อแม่”

    วันนี้ (26 ธันวาคม 2566) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องผ่านระบบประชุมทางไกล และมอบหมายให้ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 57 โดยมีการสุ่มตัวอย่างยาเสพติดของกลาง ก่อนเดินเครื่องเผาทำลายยาเสพติดตามลำดับ

    โดยนายแพทย์ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้ประสานความร่วมมือในการเผาทำลายยาเสพติดของกลางล็อตใหญ่ เพื่อ Set Zero ยาเสพติดของกลางทั้งหมด ตามนโยบายของรัฐบาล และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี โดยครั้งนี้มีการขนย้ายยาเสพติดของกลางจากกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ไปยังบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ภายใต้การดำเนินการอย่างเข้มงวดของคณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง ด้านขนย้าย และด้านรักษาความปลอดภัยและทำลาย ซึ่งจะมีการเผาทำลายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2567

    นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า การเผาทำลายยาเสพติดของกลาง เป็นส่วนของการปราบปรามที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากนี้ได้วางแผนที่จะเผาทำลายยาเสพติดในคลังทุก 2 เดือน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประมวลให้ใช้กฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 กำหนดไว้ว่า เมื่อจับได้และพิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติด ถือเป็นของกลางที่จะถูกทำลายได้เลย ไม่ต้องรอพิสูจน์คดีให้จบก่อน ส่วนเรื่องของการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย Quick Win ด้านยาเสพติดและจิตเวช โดยการตั้งมินิธัญญารักษ์เพื่อบำบัดรักษาให้ครบทุกจังหวัด ตามหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย คืนลูกสู่อ้อมกอดพ่อแม่”

    สำหรับการเผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 57 มีน้ำหนักมากถึง 340 ตัน จาก 836,081 คดี โดยเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) มีน้ำหนักมากสุดกว่า 156,399 กิโลกรัม รองลงมา ได้แก่ เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) เฮโรอีน เอ็มดีเอ็มเอ โคคาอีน ไดเมทิลแอมเฟตามีน และยาเสพติดอื่น ๆ
    -----------------
    จด อย.
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • เริ่มแล้ว! อย. เปิดสมัครรับรางวัล “อย. ควอลิตี้ อวอร์ด” ปี 2567

    เปิดรับสมัครแล้ว “รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด” ตั้งแต่บัดนี้ - 15 มกราคม 2567 นี้ โดยมีทั้งรางวัลผลิตภัณฑ์สุขภาพดีเด่น และรางวัลสถานประกอบการดีเด่น สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะจัดให้มีการมอบรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2567 ให้แก่ผู้ประกอบการผลิต อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สถานประกอบการรายอื่น โดยมีรางวัล 2 ประเภท คือ (1) รางวัลผลิตภัณฑ์สุขภาพดีเด่น แบ่งออกเป็น 4 ประเภทรางวัล ได้แก่ 1. ประเภทนวัตกรรม 2. ประเภทส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ 3. ประเภทส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก 4. ประเภทสร้างสรรค์ (2) รางวัลสถานประกอบการดีเด่น ด้านอาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน นอกจากนี้ ยังมีรางวัล Best of the Best สำหรับสถานประกอบการที่รักษาคุณภาพมาตรฐานเป็นเลิศด้วยดีมาโดยตลอด และรางวัล 3 ปีติดต่อกันด้วย

    รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า สถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพรายใดสนใจเข้าร่วมการคัดเลือก สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.fda.moph.go.th คลิกที่แบนเนอร์ สมัครรับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด 2567 โดยสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ – 15 มกราคม 2567

  • อย. เตือนสูดดมลูกโป่งก๊าซหัวเราะ อันตรายถึงเสียชีวิต ผู้ขายมีความผิด

    กรณีพบการจำหน่ายก๊าซหัวเราะบรรจุในลูกโป่งที่จังหวัดชลบุรี อย. ประสานหน่วยงานในพื้นที่เข้าตรวจสอบพบมีการจำหน่ายจริง ทำการตรวจยึดของกลาง แจ้งความดำเนินคดีผู้จำหน่ายแล้ว เตือนประชาชนอย่าสูดดม ทำร่างกายขาดออกซิเจน อันตรายถึงเสียชีวิต

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวพบการจำหน่ายก๊าซหัวเราะบรรจุในลูกโป่งที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีและหน่วยงานในพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบมีการจำหน่ายจริง ก๊าซไนตรัสออกไซด์มีฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของร่างกายมนุษย์ จัดเป็นยาตามมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีและหน่วยงานในพื้นที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้จำหน่าย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย

    ก๊าซไนตรัสออกไซด์ ทางการแพทย์ใช้เป็นก๊าซดมสลบก่อนการผ่าตัด หรือถอนฟัน ลดอาการปวด ออกฤทธิ์รวดเร็วและหมดฤทธิ์เร็วเช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยใช้บรรจุในถุงลมนิรภัยในรถยนต์ เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่ติดไฟ ในอุตสาหกรรมอาหาร ไนตรัสออกไซด์ถูกนำมาใช้เป็นสารขับดันในกระป๋องสำหรับฉีดพ่นวิปครีม สเปรย์น้ำมันกันอาหารติดกระทะ สารป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น สารช่วยให้เกิดฟองและเป็นก๊าซช่วยในการบรรจุ กรณีนำไปใช้ในทางที่ผิด สูดดมเพื่อให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและเพลิดเพลิน หากสูดดมในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หมดสติ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิต

    รองเลขาธิการฯ กล่าวว่า อย. เคยจับกุมผู้ขายลูกโป่งก๊าซหัวเราะและออกข่าวเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสูดดม ผู้ผลิตหรือผู้ขายลูกโป่งบรรจุก๊าซไนตรัสออกไซด์มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ข้อหาผลิตหรือขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่นำมาใช้เป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ผู้ผลิตหรือผู้ขายจะมีความผิดในข้อหาผลิตหรือขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นการขายลูกโป่งก๊าซหัวเราะสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่
    สายด่วน อย. 1556
    ---------------------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ลงพื้นที่ด่านอาหารและยาสงขลา พัฒนาระบบตรวจผลิตภัณฑ์สุขภาพนำเข้า

    เมื่อวันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำเข้า ณ ด่านตามมาตรการ Hold Test Release ของประเทศไทย ที่โรงแรมเดอะ คริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีเภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธาน

    การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบกลไกการเฝ้าระวังและการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพนำเข้าให้มีความเข้มแข็ง โดยศึกษามาตรการ Hold Test Release ของประเทศมาเลเซีย และนำมาปรับใช้กับการตรวจสอบผักและผลไม้นำเข้า ณ ด่านอาหารและยา มาตรการดังกล่าวจะมุ่งเน้นให้ผักและผลไม้ที่ผลการตรวจวิเคราะห์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดสามารถนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในประเทศได้

    การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก Dr.Ahmad Hanis หัวหน้าด่าน Bukit Kayu Hitam International Border Health Office และ Mr.Thorairaj Shanmugam จาก Pharmacy Enforcement Branch (Import Division), Kedah State Health Department รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการ และยินดีเข้าร่วมประชุมในครั้งต่อไป ณ ประเทศไทย นอกจากนี้ คณะผู้เข้าร่วมประชุมได้เดินทางไปยัง Bukit Kayu Hitam International Border Health Office เพื่อศึกษาการดำเนินมาตรการในพื้นที่จริงด้วย
    ---------------------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ตรวจพบไซบูทรามีน ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดี เอส DS DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT วันที่ผลิต MFD : 15/09/2023 วันหมดอายุ EXP : 15/09/2025

    ตามที่ปรากฏเป็นข่าวผู้บริโภคสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร DS รุ่นวันที่ผลิต 15/09/2023 วันหมดอายุ 15/09/2025 จากอินเทอร์เน็ตมารับประทานแล้วเสียชีวิต

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารที่วางจำหน่ายออนไลน์ ฉลากระบุ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดี เอส DS DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT อย. 74-1-17165-5-0002 ผลิตโดย : บริษัท แอลเอช อินโนเวชั่น จำกัด 189/802 หมู่ 5 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000 จัดจำหน่ายโดย : DS THAILAND 98/589 หมู่ 6 ตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130 วันที่ผลิต MFD : 15/09/2023 วันหมดอายุ EXP : 15/09/2025” ซึ่งได้ประสานพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตแล้วพบว่าปิดทำการไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ สอบถามบริเวณข้างเคียงทราบว่าไม่ผู้ใดเข้าออกมากกว่า 1 ปี มาแล้ว และพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการได้ตรวจสอบสถานที่จำหน่าย ไม่พบว่ามีสถานที่จำหน่ายตามที่ระบุไว้บนฉลากอยู่จริงจึงสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่ามีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตรวจวิเคราะห์
    ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการตรวจวิเคราะห์พบไซบูทรามีน ซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ผลิตภัณฑ์นี้จึงจัดเป็นอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน เป็นการกระทำฝ่าฝืนประมวลกฎหมายยาเสพติด ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ประสานตำรวจ บก.ปคบ.ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีแล้ว

    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดี เอส DS DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT” ที่ฉลากระบุวันผลิตและวันหมดอายุดังกล่าวมารับประทาน เนื่องจากสารไซบูทรามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่มีผลข้างเคียง โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคตับ โรคไต โรคต้อหิน หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยจะมีอาการข้างเคียง คือ ปากแห้งปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

    ---------------------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ชี้ น้ำดื่มพรรคก้าวไกล ใช้เลข อย. ที่ยกเลิกแล้ว
    อย. เผย กรณีน้ำดื่มพรรคก้าวไกลใช้เลข อย. ที่แจ้งยกเลิกแล้ว มีความผิด จึงได้สั่งให้ระงับการจำหน่าย จ่าย แจก จนกว่าจะมีการแก้ไขฉลากน้ำดื่มให้ถูกต้อง พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีพบน้ำดื่มพรรคก้าวไกล มีการใช้เลข อย. ที่ยกเลิกไปแล้วนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีเพื่อดำเนินการตรวจสอบ โดยพบว่าผู้ผลิตน้ำดื่มดังกล่าว ได้แจ้งยกเลิกเลข อย.เดิมแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2557 เนื่องจากย้ายสถานที่ผลิต ปัจจุบันย้ายมาอยู่เลขที่ 154 หมู่ที่ 9 ต. บางกร่าง อ. เมือง จ. นนทบุรี โดยสถานที่แห่งนี้ มีผลิตภัณฑ์น้ำดื่มที่ได้รับอนุญาต 2 รายการ คือ น้ำดื่มตราราชา เลข อย. 12-2-00858-2-0001 และน้ำดื่มตราคิงลิส เลข อย. 12-2-00858-2-0002 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีได้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2558-ปัจจุบัน โดยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบน้ำดื่มพรรคก้าวไกล แต่พบน้ำดื่มคิงลิส จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำดื่มคิงลิสตรวจวิเคราะห์คุณภาพ พบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานส่วนการตรวจสถานที่ได้ให้ผู้รับอนุญาตแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานสถานที่ผลิตแล้้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ได้ตรวจสอบสถานที่ผลิตดังกล่าวอีกครั้ง พบการผลิตน้ำดื่มพรรคก้าวไกลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบฉลากแล้วพบว่าแสดงเลข อย. เดิมที่ยกเลิกไปแล้ว ซึ่งผู้รับอนุญาตยอมรับว่าใช้ฉลากไม่ถูกต้อง และจากการตรวจบริเวณสถานที่ผลิตและโกดังเก็บสินค้า พบน้ำดื่มพรรคก้าวไกล ขนาดบรรจุ 350 ml จำนวน 723 แพ็ค ๆ ละ 1 โหล และน้ำดื่มคิงลิส ขนาดบรรจุ 350 ml จำนวน 798 แพ็ค ๆ ละ 1 โหล ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมด แสดงฉลากเลขสารบบอาหารไม่ถูกต้อง จึงได้สั่งให้ระงับการจำหน่าย จ่ายแจก จนกว่าจะมีการแก้ไขฉลากน้ำดื่มให้ถูกต้องและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    ---------------------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ชวนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีตราทางเลือกสุขภาพเป็นของขวัญปีใหม่ มีให้เลือกเกือบ 3,000 รายการ
    อย. ลงพื้นที่ห้างท็อปส์ สาขาเซ็นทรัล เวสเกต จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีให้เลือกเกือบ 3,000 รายการ

    วันนี้ (12 ธันวาคม 2566) เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานการจัดกิจกรรม แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ใกล้เทศกาลส่งความสุข อย. ขอให้เทศกาลปีใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการให้ของขวัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงได้จัดกิจกรรมลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าท็อปส์ สาขาเซ็นทรัล เวสเกต เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนที่ต้องการซื้อกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่หันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก ให้ความร่วมมือในการจำหน่ายกระเช้าผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพดังกล่าว

    สำหรับการเลือกซื้อกระเช้าของขวัญ ควรเลือกกระเช้าที่มีลักษณะห่อหุ้มอยู่ในสภาพดีและมีฉลากที่แสดงรายการผลิตภัณฑ์อาหาร รายละเอียดของอาหารที่จัดรวมไว้ ได้แก่ ชื่อหรือประเภทหรือชนิดของอาหาร วันเดือนปีที่หมดอายุหรือควรบริโภคก่อนของอาหารแต่ละรายการที่บรรจุในกระเช้า ทั้งนี้ เมื่อนำกระเช้าไปมอบให้แก่ผู้รับ ไม่ควรแกะฉลากออก เพื่อให้ผู้รับสามารถตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์อาหารและวันหมดอายุว่าตรงกับฉลากหรือไม่ หากจัดกระเช้าด้วยตนเอง อย. ขอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ

    ทางด้าน Tops ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้บริโภค โดยทุกสาขาจะมีผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) ให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภท House Brand ได้แก่ เครื่องดื่มยี่ห้อ My Choice จำนวน 2 รายการ ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้ออีกด้วย

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการรับรองให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมากถึง 14 กลุ่มอาหาร ได้แก่ อาหารมื้อหลัก เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์นม อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม น้ำมันและไขมัน ขนมปัง อาหารเช้าธัญพืช ผลิตภัณฑ์ขนมอบ ผลิตภัณฑ์อาหารว่าง ผลิตภัณฑ์จากปลาและอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ รวม 2,915 ผลิตภัณฑ์
    -----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.
  • อย. เตือน 11 ผลิตภัณฑ์สุขภาพเถื่อน อ้างสรรพคุณรักษาโรคเพียบ!
    อย. เตือน 11 ผลิตภัณฑ์สุขภาพเถื่อน อ้างสรรพคุณรักษาโรคเพียบ!

    อย. เตือน 11 ผลิตภัณฑ์สุขภาพเถื่อน อ้างสรรพคุณรักษาโรคเพียบ!

    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หลอกขายประชาชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาแพง

    เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยรายชื่อผลิตภัณฑ์ทั้ง 11 รายการ จากปฏิบัติการกวาดล้าง เพื่อเน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนทราบว่า “ไม่มีอาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้” ขอให้ระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. หากซื้อไปรับประทานอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ อย.อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด จึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ ดังนี้

    1.OVISURE Gold อ้างว่า รักษาอาการปวดข้อ ปวดเข่า ป้องกันโรคกระดูกพรุน ฟื้นฟูเสริมสร้างข้อต่อของกระดูกอ่อน
    2.HEVISURE Gold อ้างว่า ช่วยให้น้ำตาลในเลือดคงที่โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ปกป้องหลอดเลือดให้แข็งแรง
    3.HIUP อ้างว่า เพิ่มความสูงให้ลูกน้อยของคุณมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นถึง 10 เท่า ช่วยให้เด็กสูงขึ้น 3-5 เซนติเมตร ภายใน 3 เดือน
    4.Zextra Sure อ้างว่า รักษาโรคกระดูกสันหลังเสื่อม บรรเทาอาการอัมพาตครึ่งซีก บรรเทาอาการปวดข้อเข่าและแขนขา สามารถสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนขึ้นมาใหม่ เพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและข้อ
    5.Via Sure Canxi รักษาโรคกระดูกเสื่อม ลดอาการปวดกระดูก อาการชาตามแขนขา อ้างว่า ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการแทรกซ้อนของกระดูกและข้อ
    6.GluOats อ้างว่า ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ลดอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
    7.Sica SURE canxi wemee อ้างว่า ช่วยให้เด็กสูงขึ้น 3-5 เซนติเมตร ภายใน 3 เดือน เสริมสมอง เพิ่มความต้านทาน
    8.Gluzextra Gold อ้างว่า ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด 5-6 mol ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ สนับสนุนการฟื้นตัวของตับอ่อนเพื่อให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินเพื่อกำจัดเบาหวานได้
    9.Digo Sure อ้างว่า รักษาอาการปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหลัง ช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น สามารถรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใน 14 วัน
    10.Hevifood Body Fit อ้างว่า ลาก่อนไขมันท้อง ลาก่อนรูปร่างที่อ้วนเกิน ลดน้ำหนักโดยไม่ขาดน้ำ เพิ่มกล้ามเนื้อลดไขมัน ลดน้ำหนักโดยไม่เมื่อยล้า
    11.Pro UP อ้างว่า เพิ่ม 7 กิโลกรัม หลังจาก 6 สัปดาห์ ไม่ให้ร่างกายเก็บกักน้ำหรือบวม เพิ่มน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์ เพิ่มกล้ามเนื้อไม่ใช่ไขมัน

    -----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ชวนเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ เป็นของขวัญปีใหม่ สุขใจผู้ให้ ห่วงใยผู้รับ
    อย. ลงพื้นที่ร้านโกลเด้น เพลซ สาขากรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้รับ

    วันนี้ (13 ธันวาคม 2566) เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานจัดกิจกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี เริ่มต้นด้วยการให้ของขวัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในเทศกาลปีใหม่ จึงได้ร่วมกับร้านโกลเด้น เพลซ สาขากรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ รณรงค์ให้ประชาชนเลือกซื้อกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก ให้ความร่วมมือในการจำหน่ายกระเช้าผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพดังกล่าว

    สำหรับการเลือกซื้อกระเช้าของขวัญ ควรเลือกกระเช้าที่มีลักษณะห่อหุ้มอยู่ในสภาพดีและมีฉลากที่แสดงรายการผลิตภัณฑ์อาหาร รายละเอียดของอาหารที่จัดรวมไว้ ได้แก่ ชื่อหรือประเภทหรือชนิดของอาหาร วันเดือนปีที่หมดอายุหรือควรบริโภคก่อนของอาหารแต่ละรายการที่บรรจุในกระเช้า และเมื่อนำกระเช้าไปมอบให้แก่ผู้รับ ไม่ควรแกะฉลากออก เพื่อให้ผู้รับสามารถตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์อาหารและวันหมดอายุว่าตรงกับฉลากหรือไม่ หากจัดกระเช้าด้วยตนเอง อย. ขอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ

    นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการ บริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า โกลเด้น เพลซ ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้บริโภค โดยโกลเด้น เพลซ ทุกสาขามีการจัดจำหน่ายกระเช้าปีใหม่ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพให้ผู้บริโภคเลือก ทั้งนี้ ในโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริ มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพจำนวนมากให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อเป็นของขวัญอีกด้วย โดยบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ตราดอยคำ 19 รายการ และเครื่องปรุงรส 1 รายการ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา มีผลิตภัณฑ์นม 1 รายการ อาหารกึ่งสำเร็จรูป ตราจิตรลดา 2 รายการ และโครงการพัฒนาดอยตุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีขนมขบเคี้ยว 1 รายการ ทั้งนี้ โกลเด้น เพลซ อยากให้ทุกคนได้รับประทานสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ตาม concept ของร้าน “นึกถึงสุขภาพ นึกถึงโกลเด้น เพลซ”

    รองเลขาธิการ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการรับรองให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมากถึง 14 กลุ่มอาหาร ได้แก่ อาหารมื้อหลัก เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์นม อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม น้ำมันและไขมัน ขนมปัง อาหารเช้าธัญพืช ผลิตภัณฑ์ขนมอบ ผลิตภัณฑ์อาหารว่าง ผลิตภัณฑ์จากปลาและอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ รวม 2,915 ผลิตภัณฑ์

    ----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.
  • อย.เตือน 8 เครื่องสำอางอันตรายขายออนไลน์ ตรวจพบใช้สารต้องห้ามทำหน้าแหก
    อย.เตือน 8 เครื่องสำอางอันตรายขายออนไลน์ ตรวจพบใช้สารต้องห้ามทำหน้าแหก

    อย. เตือน 8 เครื่องสำอางอันตรายขายออนไลน์ ตรวจพบสารปรอท สเตียรอยด์ ในเครื่องสำอาง จำหน่ายผ่าน เฟสบุ๊ก และติ๊กต๊อก ใช้ไปหน้าดำ-ด่าง ไตพัง

    สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา ได้ตรวจสอบและสั่งซื้อตัวอย่างเครื่องสำอางจากร้านค้าออนไลน์ บัญชีติ๊กต๊อกชื่อ “nuttee079” (ลำดับที่ 1-2) บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “ครีม Dr.วุฒิศักดิ์ ของแท้ 100%”(ลำดับที่ 3-5), “ครีมมะขามป้อมน้ำมันมะพร้าวแพรวา เพจหลัก”(ลำดับที่ 6), “SC หน้าใส ทานาคาน้ำนมข้าว Thailand” (ลำดับที่ 7) และ “Wannapa Pukosee” (ลำดับที่ 8) โดยได้ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างเครื่องสำอาง 8 รายการ พบสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จึงขอประกาศผลการตรวจสอบหรือผลวิเคราะห์เครื่องสำอางให้ประชาชนทราบ ดังนี้


    เลิฟลี่ ไวท์ ออร่า ครีม เลขจดแจ้ง 13-1-6400035429 บริษัทชาร์ เมาร่า แล็บอินโนเวชั่น จำกัด เลขที่ 101/82 หมู่ 6 ตำบลหลักหก อำเภอปทุมธานี จ.ปทุมธานี ผลิตเมื่อ 11/04/65 หมดอายุ 10/04/67 พบ สารสเตียรอยด์
    เลิฟลี่ ไวท์ ออร่า บอดี้ ครีม เลขจดแจ้ง 13-1-6400035430 บริษัทชาร์ เมาร่า แล็บอินโนเวชั่น จำกัด เลขที่ 101/82 หมู่ 6 ตำบลหลักหก อำเภอปทุมธานี จ.ปทุมธานี ผลิตเมื่อ 11/04/65 หมดอายุ 10/04/67 พบ สารประกอบของปรอท
    ครีมข้นสีเหลืองอ่อน บรรจุในตลับพลาสติกสีฟ้าคาดม่วง ฉลากระบุ ครีม Dr.วุฒิศักดิ์ 2พบสารประกอบของปรอท
    ครีมข้นสีส้มรรจุในตลับพลาสติกสีฟ้าคาดม่วง ฉลากระบุ ครีม Dr.วุฒิศักดิ์ 3 อ้างรักษาฝ้า กระ สิว พบสารประกอบของปรอท
    ครีมข้นเหนียวสีเหลืองอ่อน บรรจุตลับพลาสติก สีฟ้าคาดม่วง ฉลากระบุ ครีม Dr.วุฒิศักดิ์ 4 อ้างรักษาฝ้า กระ สิว ผลัดเซลล์ผิว พบสารประกอบของปรอท สารสเตียรอยด์ กรดเรทิโนอิก
    Paewa แพรวา ครีมสมุนไพรมะขามป้อม g]-0fc0h' 10-1-601004822 บริษัท บี.ที.สกินแคร์ แอนด์ บิ้วตี้ จำกัด พบ สารประกอบของปรอท สารสเตียรอยด์
    SUNATCHA BRAND สมุนไพรทานาคาน้ำนมข้าว สารประกอบของปรอท สารสเตียรอยด์
    โสมกลูต้า WHITE SMOOTH AURA สารประกอบของปรอท


    อันตรายของเครื่องสำอางดังกล่าว ได้แก่

    1. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารประกอบของปรอท อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ

    2. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ อาจทำให้ผิวบาง เกิดรอยแตก เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติ หน้าแดงตลอดเวลา เกิดผื่นแพ้ เกิดสิวผด ผิวหนังมีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดด่างขาว

    3. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารไฮโดรควิโนน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง อักเสบหน้าแดง อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่ได้รับสารนี้เกินขนาด สารนี้จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้


    4. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดเรทิโนอิก อาจทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

    ข้อแนะนำ ขอเตือนให้ประชาชนเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วยความระมัดระวัง ซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน ฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทเครื่องสำอาง ชื่อของสารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตหรือปีเดือนที่ผลิต คำเตือน (ถ้ามี) และเลขที่ใบรับจดแจ้ง สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางเพื่อจำหน่าย จะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ และมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน

    กรณีที่พบผลิตภัณฑ์ ที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • ความรู้ อย. ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่วางตากแดดไว้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นมะเร็ง จริงหรือ ?
    นื่องจากมีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ว่าห้ามดื่มน้ำจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เก็บในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือที่ถูกวางตากแดดไว้เป็นระยะเวลานาน เพราะความร้อนจะทำให้สารเคมีอันตรายที่อยู่ในขวดพลาสติก เช่น สารไดออกซิน (Dioxin) สารบีสฟีนอลเอ (Bisphenol A หรือ BPA) และสารทาเลต (Phthalate) ละลายออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่มเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ส่งผลต่อความผิดปกติของพันธุกรรม ทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ จะจริงหรือไม่ วันนี้มาติดตามกัน

    ในความเป็นจริงแล้วในการผลิตขวดน้ำดื่มพลาสติกทั้งชนิดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate; PET) พอลิพรอพิลีน (Polypropylene; PP) และพอลิคาร์บอเนต (Polycarbonate; PC) ไม่ได้มีการใช้สารไดออกซินและสารทาเลต ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ สำหรับสารบีสฟีนอลเอ ถึงแม้ว่าจะมีการใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกชนิดพอลิคาร์บอเนต (polycarbonate; PC) แต่ อย. มีการกำหนดคุณภาพมาตรฐานของภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากพลาสติกชนิดต่าง ๆ ไว้แล้ว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435) พ.ศ. 2565 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติก ที่จำเป็นต้องตรวจวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย เช่น ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร ควบคุมปริมาณการแพร่กระจายของโลหะหนัก ควบคุมปริมาณการแพร่กระจายของสารตั้งต้นและสารที่ใช้ในการผลิตพลาสติก เป็นต้น ซึ่งผู้ผลิตน้ำบริโภคบรรจุขวด ต้องใช้ภาชนะบรรจุที่มีคุณภาพหรือมาตรฐานเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด

    อีกทั้ง ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการตรวจพบสารไดออกซินในพลาสติก และยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนว่าในที่อุณหภูมิสูงนั้นสารเคมีต่าง ๆ ที่ละลายออกมาจากขวดพลาสติกจะทำปฏิกิริยาจนเกิดเป็นสารไดออกซินได้ ที่ผ่านมาพบเพียงบางงานวิจัยเท่านั้นที่พบว่าขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ตั้งไว้ในที่อุณหภูมิสูงเกิน 60 องศาเซลเซียส นานเป็นเวลาเกิน 11 เดือน จะทำให้สารทาเลต ละลายออกมาเกินมาตรฐานที่อียู(EU) กำหนดไว้ สรุปดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่วางตากแดดไว้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นมะเร็ง ไม่เป็นความจริง ดังนั้นผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าการดื่มน้ำจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เก็บในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือที่ถูกวางตากแดดไว้เป็นระยะเวลานานนั้นไม่ส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ต่อร่างกาย
    -----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ชวนส่งความสุขเพื่อสุขภาพ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพเป็นของขวัญปีใหม่

    อย. ลงพื้นที่ห้างกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้รับ

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานการจัดกิจกรรม เปิดเผยว่า อย. ขอให้เทศกาลปีใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการให้ของขวัญปีใหม่ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงได้จัดกิจกรรมลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้ากูร์เมต์มาร์เก็ต สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วานเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนที่ต้องการซื้อกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่หันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยภาคอุตสาหกรรมมีการปรับสูตรให้มีปริมาณน้ำตาล โซเดียม และไขมันลดลง ตามเกณฑ์ ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก ให้ความร่วมมือในการจำหน่ายกระเช้าผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพดังกล่าว

    สำหรับการเลือกซื้อกระเช้าของขวัญ ควรเลือกกระเช้าที่มีลักษณะห่อหุ้มอยู่ในสภาพดีและมีฉลากที่แสดงรายการผลิตภัณฑ์อาหาร รายละเอียดของอาหารที่จัดรวมไว้ ได้แก่ ชื่อหรือประเภทหรือชนิดของอาหาร วันเดือนปีที่หมดอายุหรือควรบริโภคก่อนของอาหารแต่ละรายการที่บรรจุในกระเช้า และเมื่อนำกระเช้าไปมอบให้แก่ผู้รับ ไม่ควรแกะฉลากออก เพื่อให้ผู้รับสามารถตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์อาหารและวันหมดอายุได้ หากจัดกระเช้าด้วยตนเอง อย. ขอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ

    คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน จำกัด กล่าวว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้บริโภค โดยห้างเดอะมอลล์ทุกสาขาจะมีจำหน่ายกระเช้าปีใหม่ ซึ่งภายในมีผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อเป็นของขวัญปีใหม่แก่คนที่ท่านรัก

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการรับรองให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมากถึง 14 กลุ่มอาหาร ได้แก่ อาหารมื้อหลัก เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์นม อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม น้ำมันและไขมัน ขนมปัง อาหารเช้าธัญพืช ผลิตภัณฑ์ขนมอบ ผลิตภัณฑ์อาหารว่าง ผลิตภัณฑ์จากปลาและอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ รวม 2,915 ผลิตภัณฑ์
    -----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก เรื่อง คุมเข้มและกำจัดไขมันทรานส์

    องค์การอนามัยโลก รับรองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมอาหาร เป็น 1 ใน 5 ประเทศแรกที่ได้รับการรับรองสอดคล้องตามหลักเกณฑ์ ทั้งด้านการออกกฎหมายควบคุม รวมถึงมีการเฝ้าระวังเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ไขมันทรานส์เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในน้ำมันเพื่อเปลี่ยนสภาพน้ำมันให้เป็นไขมันที่มีสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว เช่น เนยเทียม เนยขาว และทำให้มีคุณสมบัติ หืนช้า มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น นิยมนำไปใช้ในกลุ่มขนมอบหรือ เบเกอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่าไขมันทรานส์เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ อย. จึงได้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อกำจัดไขมันทรานส์ ตั้งแต่ปี 2560 และได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 388 พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เพื่อห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมัน หรืออาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (ไขมันทรานส์) เป็นส่วนประกอบ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา เป็นการควบคุมตั้งแต่สถานที่ผลิต นำเข้าน้ำมันหรือไขมันที่ปราศจากไขมันทรานส์ และตรวจสอบวิเคราะห์อาหารที่อาจมีการใช้น้ำมันหรือไขมันทรานส์อย่างเข้มงวด ณ สถานที่จำหน่าย โดยอาหารที่เก็บ เป็นอาหารกลุ่มเบเกอรี่ เนยเทียม และครีมเทียม เพื่อกำกับดูแลไม่ให้มีวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานส์ นอกจากนี้ ในส่วนของผู้บริโภค อย. มีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องไขมันทรานส์อย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง และเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 องค์การอนามัยโลกจึงออกประกาศนียบัตรรับรองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมอาหาร โดยเป็น 1 ใน 5 ประเทศแรก ได้แก่ ไทย เดนมาร์ก ลิทัวเนีย ซาอุดิอาระเบีย และโปแลนด์ ที่ได้รับประกาศนียบัตรดังกล่าวจากการสมัครเข้าร่วมโครงการรับรองการกำจัดไขมันทรานส์ขององค์การอนามัยโลก ทั้งนี้ ในการประเมินการกำจัดไขมันทรานส์ องค์การอนามัยโลกได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินมาตรการกำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมายในการกำจัดไขมันทรานส์ของไทย และให้การยอมรับว่าประเทศไทยเป็นผู้นำในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมอาหารอย่างจริงจัง

    นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อไปว่าการกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร เป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ และการดำเนินการที่ผ่านมา จึงถือได้ว่าประเทศไทยได้ยอมรับจากสากลในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมอาหารอย่างเข้มงวด และต่อเนื่องตลอดมา
    ทั้งนี้ อย. ยังคงมุ่งมั่นและดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยต่อไป
    ----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. เตือน ขนมไขขี้ผึ้งสุดฮิต ไม่มี อย. เสี่ยงอันตราย

    อย. เตือน ไม่ควรซื้อขนมไขขี้ผึ้งที่กำลังฮิตมารับประทาน เป็นของลักลอบนำเข้า ผู้บริโภคเสี่ยงได้รับอันตราย ทั้งผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายมีความผิดตามกฎหมาย

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผย ขนมไขขี้ผึ้ง หรือ wax candy ที่เป็นเทรนด์ฮิตในหมู่เด็ก และวัยรุ่น ซึ่งข้างในเป็นน้ำหวานรสผลไม้เคลือบด้วยขี้ผึ้ง เนื่องจากมีลักษณะแปลกใหม่ และมีการเผยแพร่รีวิวรสชาติและเนื้อสัมผัสของขนมผ่านสื่อโซเชียลจำนวนมาก พบขายเกลื่อนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีเลข อย. จุดสังเกต ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่ทราบสูตรหรือส่วนผสม ไม่แสดงชื่อและที่ตั้งผู้นำเข้า อย.ได้เฝ้าระวังและแจ้ง อี- มาร์เก็ตเพลส ทั้งลาซาด้า และช็อปปี้ บล็อคการค้นหาผลิตภัณฑ์และกวาดออกจากระบบ เพื่อไม่ให้ร้านค้าออนไลน์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และขอเตือนผู้บริโภคอีกทางด้วยว่าไม่ควรซื้อมารับประทาน เสี่ยงได้รับสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารปนเปื้อนจากการผลิต หรือใช้วัตถุเจือปนอาหาร เช่น สี วัตถุกันเสีย วัตถุแต่งกลิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ หากให้เด็กเล็กรับประทานทั้งชิ้น เสี่ยงติดคอ

    ทั้งนี้ขนมที่ได้รับอนุญาต ต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้ง ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต และควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ ข้อมูลวัตถุแต่งกลิ่นรส และวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ เช่น สี และวัตถุกันเสีย หากพบขนมไขขี้ผึ้งวางขายโดยไม่ขออนุญาตนำเข้า ทั้งผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายจะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และเมื่อตรวจวิเคราะห์แล้วพบใช้วัตถุเจือปนอาหารไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

    หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.
  • ข่าว อย. ดำเนินการตรวจสถานที่ผลิตนม ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร
    ข่าว อย. ดำเนินการตรวจสถานที่ผลิตนม ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร

    วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นายแพทย์วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบหมายให้กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข ดำเนินการตรวจสถานที่ผลิตนม ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เพื่อเฝ้าระวังสถานที่ผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน และประกอบการขออนุญาตเพิ่มประเภทอาหาร ประเภท อาหารวัตถุประสงค์พิเศษ พร้อมเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมโค ตามโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2566 ขององค์การส่งเสริมกิจการโคนม แห่งประเทศไทย อำเภอปราณบุรี ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 อำเภอปราณบุรี
    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.
  • อย. ร่วมกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ประจำปีพุทธศักราช 2566
    อย. ร่วมกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ประจำปีพุทธศักราช 2566

    อย. ร่วมกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ประจำปีพุทธศักราช 2566
    วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อย. เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมสาธารณสุขพระองค์แรก เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ประจำปีพุทธศักราช 2566 และเยี่ยมชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พร้อมร่วมพิธีสดัปกรณ์ โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธี รวมทั้งนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหาร สธ. เข้าร่วมงาน ด้วยระลึกถึงความสำคัญของงานสาธารณสุขที่ได้พัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนข้าราชการ และบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขได้ยึดถือเป็นคติในการปฏิบัติงานตลอดมา
    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • ความรู้ อย. ขวดพลาสติกเพท (PET) ใช้ซ้ำ เสี่ยงได้รับสารเคมีปนเปื้อน จริงหรือ ?

    จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับขวดพลาสติกเพท (PET) หรือ โพลีเอธิลีน เทเรฟทาลเลต (Polyethylene terephthalate) ที่นิยมนำมาใช้ใส่น้ำดื่มหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ว่า หากนำขวดพลาสติกเพทมาใช้ซ้ำจะทำให้มีสารเคมีปนเปื้อนออกมา เสี่ยงเป็นอันตรายได้ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรามีคำตอบ มาดูกันเลย

    ขวดพลาสติกบรรจุน้ำดื่ม สามารถจำแนกได้ 2 ชนิดตามรูปแบบการใช้ ดังนี้

    1. ขวดบรรจุน้ำแบบใช้ครั้งเดียว (One-way packaging) นิยมผลิตจากพลาสติก 2 ชนิด ได้แก่

    1.1 Polyethylene terephthalate (PET) ลักษณะขวดขาวใส

    1.2 Polyethylene (PE) ลักษณะขวดขาวขุ่น

    2. ขวดบรรจุน้ำแบบเติม (Refillable bottle) นิยมผลิตจากพลาสติก 5 ชนิด คือ

    2.1 Polypropylene (PE) ลักษณะขวดขาวขุ่น

    2.2 High density polyethylene (HDPE) ลักษณะขวดขาวขุ่น

    2.3 Polyethylene terephthalate (PET) ลักษณะขวดขาวใส

    2.4 Polycarbonate (PC) ขวดใส สีฟ้าอ่อน หรือสีเขียวอ่อน

    2.5 Polypropylene (PP) ขวดสีขาวขุ่น

    จะเห็นว่าพลาสติกชนิดเพท (PET) นิยมนำมาผลิตเป็นขวดบรรจุน้ำดื่ม เพราะขวดจะมีลักษณะใส มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกการกดอัด ทนต่อความเป็นกรดและความเย็นได้ดี และสามารถนำมากลับมาใช้ซ้ำผ่านกระบวนการรีไซเคิลได้ โดยสามารถสังเกตได้ที่ก้นขวดมักจะเห็นเครื่องหมายลูกศรวนเป็นสามเหลี่ยมและมีเลข 1 อยู่ตรงกลาง ซึ่งปัญหาของการนำขวดพลาสติกเพทกลับมาใช้จะไม่ใช่เรื่องสารเคมีที่ปนออกมา แต่เป็นความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในขวด หากทำความสะอาดไม่ดีพอ ดังนั้นข้อความเตือนภัยที่แชร์กันว่า ขวดพลาสติกเพท (PET) ใช้ซ้ำ เสี่ยงได้รับสารเคมีปนเปื้อน ไม่เป็นความจริง

    ถึงแม้ว่าขวดพลาสติกเพท (PET) จะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่ไม่ควรใช้ซ้ำหลาย ๆ ครั้งเนื่องจากอาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อจุลินทรีย์ ถ้าจำเป็นต้องใช้ซ้ำ ก็ควรทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เมื่อเห็นว่าขวดมีลักษณะ เริ่มขุ่น มีรอยขีดข่วน บุบหรือแตก ก็ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำอีก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากจุลินทรีย์ที่สะสมในรอยแตกของบรรจุภัณฑ์และส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้
    -----------
    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. จับมือ สภาองค์กรของผู้บริโภค บูรณาการกลไกงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
    อย. ร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภค บูรณาการเชื่อมทิศทางการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ให้สอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สร้างความเข้มแข็งของระบบการคุ้มครองผู้บริโภค

    เมื่อวันที่ (29 พฤศจิกายน 2566) ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมหลวงวิเชียรแพทยาคม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร่วมกับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค เภสัชกรภาณุโชติ ทองยัง ประธานอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ และคณะ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สร้างความเข้มแข็งของระบบการคุ้มครองผู้บริโภค

    โดย นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทั้ง อย. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อปกป้อง คุ้มครอง ให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยยึดประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ซึ่ง อย. เป็นองค์กรภาครัฐหลักในการดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภค ขณะเดียวกันมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้า โดย อย. นำกลไก 5S มาขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว (Speed) สร้างความรอบรู้ มีระบบการเฝ้าระวัง เพื่อให้ผู้บริโภคปลอดภัย (Safety) โดยเน้นความพึงพอใจของผู้รับบริการ โปร่งใส ตรวจสอบได้ (Satisfaction) สนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ (Supporter) และสร้างความมั่นคงทางยา เวชภัณฑ์ ในภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ (Sustainability) รวมทั้งใช้นโยบาย FDA Care D+ ทีมประสานใจ เข้ามาขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ทั้งนี้ อย. ให้ความสำคัญกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ร่วมดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค ยินดีรับฟังความคิดเห็น และประสานการปฏิบัติงานร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ระบบการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ อย. และสภาองค์กรของผู้บริโภค จะร่วมมือกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เกิดมาตรการในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม รวดเร็ว

    ในการประชุมครั้งนี้ อย. และสภาองค์กรของผู้บริโภค มีข้อสรุปร่วมกันในการเฝ้าระวังเตือนภัยโดยทีม อย. และสภาองค์กรของผู้บริโภค จะร่วมดำเนินการในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ส่วนในประเด็นการจัดการกับปัญหาการโฆษณาเกินจริงทางสื่อออนไลน์ ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคจะนำส่งเบาะแส เพื่อให้ อย. ดำเนินการ โดย อย. จะให้การสนับสนุนข้อมูลของประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกัน สร้างระบบการให้ความรู้และสื่อสารเตือนภัย เพื่อให้ระบบการสร้างความรอบรู้แก่ผู้บริโภคมีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง
    -----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย.ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายโกดังทุนจีน ขายเครื่องสำอางปลอม, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร-ยาเถื่อน
    วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายโกดังเก็บผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ และเซ็กส์ทอย (อวัยวะเพศเทียมชาย-หญิง) โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 33 รายการ รวม 6,744 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท

    พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบัน พฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์มีความหลากหลาย และเป็นช่องทางอันดับต้นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์ปลอม และไม่ได้มาตรฐานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียง

    กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค

    จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้รับการร้องเรียนข้อมูลจากบริษัท ทีเอ็นเค บิวตี้ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กำจัดขน คอสมิค แฮร์ รีมูฟเวอร์ สเปรย์ พลัส (cosmic hair remover spray plus) แจ้งว่ามีการปลอมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แพร่ระบาดในแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผลิตภัณฑ์กำจัดขนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสผิวโดยตรง หากเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรืออาจเกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวได้

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และกลุ่มผู้กระทำผิด โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าว นายทุนชาวจีนมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดร้านผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม, เครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้ง, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ โดยมีการโฆษณาขายสินค้าและรับออเดอร์สินค้าอยู่ที่ประเทศจีน จากนั้นทำการส่งข้อมูลการจัดส่งสินค้าให้กับพนักงานในประเทศไทย ทำการบรรจุและจัดส่ง โดยมีผู้สั่งการในประเทศไทยซึ่งเป็นชาวจีนทำหน้าที่ดูแล สั่งการอีกทางหนึ่ง

    ต่อมาในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายค้นของศาลแขวงธนบุรี เข้าทำการตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ซอยเทียนทะเล 20 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นพบ น.ส.จารุณี (สงวนนามสกุล) พนักงานชาวไทย และ MISS CHUNCHEN (สงวนนามสกุล) สัญชาติ จีน แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่และกิจการดังกล่าว ตรวจยึด 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม ยี่ห้อคอสมิค แฮร์ รีมูฟเวอร์ สเปรย์ พลัส จำนวน 3,100 ชิ้น, 2. ผลิตภัณฑ์สบู่พฤกษา นกแก้ว สีเขียว (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 15 ชิ้น 3. ผลิตภัณฑ์สบู่พฤกษา นกแก้ว สีชมพู (ต้องสงสัยว่าปลอม) จำนวน 5 ชิ้น, 4. เครื่องสำอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จำนวน 15 รายการ (2,262 ชิ้น) , 5. ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 2 รายการ,

    6. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 11 รายการ และ 7. เซ็กส์ทอย(อวัยวะเพศเทียมชาย-หญิง) จำนวน 210 ชิ้น รวมของกลางทั้งหมด 33 รายการ จำนวน 6,744 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

    จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” หรือ Fulfillment โดยสินค้าจะมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้สั่ง และนำเข้ามาจากประเทศจีน จากนั้นนำมาเก็บไว้โกดังที่ MISS CHUNCHENฯ (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของ เพื่อรอแพ็คส่งให้ลูกค้าชาวไทย จากกการสอบถาม น.ส.จารุณีฯ พนักงาน รับว่า ตนจะรับออเดอร์-ที่อยู่การจัดส่ง จากนั้นทำการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย ตามคำสั่ง MISS CHUNCHENฯ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นนายจ้างชาวจีน โดยจะได้ค่าส่งชิ้นละประมาณ 5 บาท และทำมาแล้วประมาณ 1 ปี

    อนึ่ง การตรวจค้นครั้งนี้พบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลอม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

    ซึ่งไม่แสดงฉลากภาษาไทย ส่งขายให้กับประชาชนซึ่งจะทำให้ได้รับผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง โดยในส่วนผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอมอื่นๆ อยู่ระหว่างติดต่อให้ บริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์ตรวจสอบและยืนยันเพิ่มเติม ในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด พนักงานสอบสวนจะส่งผลิตภัณฑ์ตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากพบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ฐาน “จำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



    การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุกหกเดือน

    หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    3. พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    4. พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    5. กรณีการจำหน่ายเซ็กส์ทอย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 287

    ฐาน“ขายวัตถุหรือสิ่งของลามก” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผล จนสามารถตรวจยึดเครื่องสำอาง ยา และสมุนไพร ที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก

    การดำเนินการจับกุมในครั้งนี้พบเครื่องสำอางปลอม ยา และสมุนไพรที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. หากผู้บริโภคนำสินค้าดังกล่าวไปใช้ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ จึงขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่าอาหาร ยา เครื่องสำอาง สมุนไพร จะต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์ หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว สำหรับยา ไม่สามารถซื้อทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านยา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายจากแพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai และหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อย่าหลงซื้อ เพียงเพราะเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาด ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยา ที่ถูกเกินกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ เช่น ลด 50 -70 % , ซื้อ 1 แถม 2, สินค้า Pre Order, กล่าวอ้างซื้อตัดล็อต หรือเป็นของแท้นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่เสียภาษีจึงราคาถูก เป็นต้น ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
    -----------
    --------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. เปิดรายชื่อผลิตภัณฑ์นม 11 รายการ จากปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หลอกขายประชาชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาแพง อย. อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด จึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

    สำหรับรายละเอียดของผลิตภัณฑ์นมผิดกฎหมายทั้ง 11 รายการ
    -------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. เตือนอย่าใช้เซรั่มเถื่อน อ้างลดเลือนริ้วรอยทันทีหลังใช้ เสี่ยงหน้าพัง
    อย. เตือนอย่าใช้เซรั่มเถื่อน อ้างช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ทันทีหลังใช้ รีวิวทาง Tik Tok อาจลักลอบใส่สารห้ามใช้ อันตรายเสี่ยงหน้าพัง

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอทางสื่อออนไลน์สาธิตวิธีใช้เซรั่มที่ทาเพียงหยดเดียวตีนกาหายวับ นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า จากคลิปวิดีโอไม่ปรากฏฉลากภาษาไทย ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าอาจเป็นผลิตภัณฑ์ชื่อ Brolamen ไม่พบการจดแจ้งในฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และมีข้อสังเกตจากคลิปดังกล่าวว่า ผู้ใช้เครื่องสำอางในคลิปมีการหยีตาขณะทาเซรั่ม จึงมีรอยย่นที่หางตา แต่เมื่อทาเซรั่มเสร็จก็ไม่หยีตา จึงไม่เห็นรอยย่น ดังนั้น การที่รอยย่นหายไปน่าจะเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า

    การโฆษณาเครื่องสำอางในลักษณะดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยภาพว่าใช้ผลิตภัณฑ์นี้ลดริ้วรอยได้ทันที ซึ่งเป็นเท็จหรือเกินความจริงและทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีที่เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ โดย อย. จะตรวจสอบ เฝ้าระวังการโฆษณาและดำเนินคดีผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

    รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อ เลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าได้หลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ก่อนซื้อให้ตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์ผ่านการจดแจ้งจาก อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ”, Facebook: FDAThai, Line@FDAThai และผลิตภัณฑ์ต้องแสดงฉลากเป็นภาษาไทย ระบุข้อความจำเป็นครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ คำเตือน และเลขที่ใบรับจดแจ้ง หากผู้บริโภคพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือได้รับอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.thหรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    --------------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ตัดตอนสายหื่น…ปราบยาเสียสาวก่อนลอยกระทง ตรวจค้น 6 จุด ยึดยาเสียสาว และยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ กว่า 2 พันชิ้น

    กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ เภสัชกรหญิงวรสุดา ยูงทอง ผู้อำนวยการกองยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีระดมกวาดล้างผู้จำหน่ายยาปลุกเซ็กส์ ตรวจค้น 6 จุด ตรวจยึดของกลาง 80 รายการ มูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท

    ตรวจค้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี และ จ.นครราชสีมา รวมทั้งสิ้น 6 จุด ดังนี้

    1. บ้านพักย่าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตรวจยึดยาปลุกเซ็กส์ และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จำนวน 10 รายการ, เจลหล่อลื่น 3 รายการ, ถุงยางอนามัย 6 รายการ และผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าเป็นยาเสพติดประเภทสารระเหย จำนวน 12 รายการ

    2. บ้านพักย่าน ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตรวจยึดยาปลุกเซ็กส์ และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จำนวน 10 รายการ

    3. บ้านพักย่านพัฒนาการ 38 แขวง/เขต สวนหลวง กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อ้างสรรพคุณการปลุกเซ็กส์ จำนวน 4 รายการ และผลิตภัณฑ์สำหรับทากระตุ้นความรู้สึกทางเพศ จำนวน 6 รายการ

    4. บ้านพักย่านห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จำนวน 2 รายการ และยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำนวน 7 รายการ

    5. บ้านพักย่านแขวงดอกไม้ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จำนวน 1 รายการ

    6. บ้านพักย่าน ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ตรวจยึดยาปลุกเซ็กส์ และยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จำนวน 13 รายการ

    ตรวจยึดของกลางรวม 80 รายการ โดยเป็นยาปลุกเซ็กส์ หรือยาเสียสาว จำนวน 106 ชิ้น, ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ จำนวน 1,891 ชิ้น , ผลิตภัณฑ์สำหรับทากระตุ้นความรู้สึกทางเพศ จำนวน 169 ชิ้น, ผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าเป็นยาเสพติดประเภทสารระเหย( ป็อปเปอร์ ) จำนวน 220 ขวด, เซ็กส์ทอยรูปแบบต่างๆ และ ถุงยางอนามัย จำนวน 470 ชิ้น

    แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ได้แก่

    1. นายอิสรพงษ์(สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

    2. นาย บุญ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี

    3. นายพิทยา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี

    ในความผิดฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา

    พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจาก ปรากฏข่าวตามสื่อเกี่ยวกับภัยของยากลุ่มกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ไฮโซคนดังหยอดยาเสียสาวผสมเหล้าให้รับประทาน จนร่างกายเกิดภาวะช็อกเสียชีวิต, พริตตี้สาวถูกคนร้ายหวังข่มขืน โดนหยอดยาปลุกเซ็กส์ให้รับประทานจนเกิดความต้องการทางเพศ อาเจียน และเกิดภาวะช็อก และ ชายสูงวัยรับประทานยาไวอากร้าจนเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นต้น โดย “ยาเสียสาว-ยาเสียหนุ่ม” อาจประกอบด้วยสารอันตรายชนิดต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อระบบประสาท เช่น รู้สึกตื่นตัว สนุก รวมถึงกระตุ้นความรู้สึกอยากมีเพศสัมพันธ์ หรือบางชนิดอาจทำให้เบลอหรือง่วง ซึ่งปรากฏว่ามีการโฆษณาขายในโซเชียล ส่วนใหญ่จะเป็นของเหลวใส ง่ายต่อการผสมในเครื่องดื่ม

    เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคจึงมีการเฝ้าระวังกลุ่มยาชนิดดังกล่าวเรื่อยมา ประกอบกับ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน มีเทศกาลสำคัญซึ่งมีหนุ่มสาวออกมารวมตัวกันเพื่อ “ลอยกระทง” บางส่วนมีการจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัว และสังสรรค์ตามสถานบันเทิง ซึ่งอาจเป็นช่องว่างให้มีการนำยาเสียสาวมาใช้กับเหยื่อเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สิน ล่วงละเมิดทางเพศ หรือก่ออาชญากรรมรูปแบบอื่น ๆ จึงเป็นที่มาของการระดมกวาดล้างยาเสียสาวต้อนรับเทศกาลลอยกระทงในครั้งนี้

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการตรวจสอบการจำหน่ายยาปลุกเซ็กส์รูปแบบต่างๆ ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ พบว่ามีการจำหน่ายอย่างแพร่หลาย อาทิเช่น

    1. ยาน้ำ ปลุกเซ็กผู้หญิง ปลุกอารมณ์ผู้หญิง เพิ่มอารมณ์ผู้หญิง

    ( https://www.facebook.com/profile.php?id=100086377833883&mibextid=LQQJ4d )

    2. ไวอากร้าสำหรับผู้ชาย-ไวอากร้า ผู้หญิงแบบผสมน้ำ ( https://ppshop7x.com/ )

    3. SexShop ยาปลุกเซ็กส์ราคาถูก ( https://www.sexzab.com/th/product/695558/ )

    4. ร้านขาย Sex Toy ยาเสียว ยา_แข็ง ( https://kimochii.co/ )

    5. Kamagrajelly Smile Shop ( https://www.facebook.com/profile.php?id=100083040587387 )

    6. Kmg Oral Jelly ( https://www.facebook.com/profile.php?id=100093827246033 )

    7. Kmg Oral Jelly ( http://www.jelly-kamagra.com/ )



    เมื่อทำการตรวจสอบเว็ปไซต์ดังกล่าวข้างต้นพบว่า มีการจำหน่ายยาปลุกเซ็กส์สำหรับผู้ชาย - ยาปลุกเซ็กส์ชนิดน้ำไร้รส ไร้กลิ่นสำหรับผู้หญิง, ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ, และเซ็กส์ทอยจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เข้าทำการตรวจค้น ตรวจยึดสิ่งของผิดกฎหมายส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสิ้น 3 ราย

    อนึ่ง ผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าเป็นยาเสพติดประเภทสารระเหย (ป็อปเปอร์) หรือ เอมิลไนไตรท์ (Amyl nitrite) มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อบำบัดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และใช้รักษาอาการพิษจากไซยาไนด์ แต่ในปัจจุบันมีผู้นำไปใช้เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศเพื่อลดความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และอวัยวะเพศหญิงโดยพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด ส่งตรวจ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากตรวจพบว่าเป็นสารระเหย ผู้จำหน่ายจะมีความผิดฐาน “จำหน่ายสารระเหยโดยไม่มีภาพ เครื่องหมาย หรือข้อความที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสารระเหยต้องจัดให้มีภาชนะบรรจุหรือหีบห่อที่บรรจุฯ” ตาม พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1. พ.ร.บ. ยา พ.ศ.2510

    1.1. ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    1.2. ฐาน “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. พ.ร.บ. เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบรับจดแจ้ง” ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    3. กรณีการจำหน่ายเซ็กส์ทอย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 287 ฐาน“ขายวัตถุหรือสิ่งของลามก” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



    เภสัชกรหญิงวรสุดา ยูงทอง ผู้อำนวยการกองยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถตรวจยึดยาที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก จากการจับกุมพบยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ลักลอบนำเข้า และขายให้ผู้บริโภค

    เฉพาะกลุ่ม ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์ถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์เป็นอันตราย

    ถึงแก่ชีวิตได้ เนื่องจากไม่ทราบแหล่งผลิตว่ามีมาตรฐานหรือไม่ ทั้งจากกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน และอันตรายจากการใช้ยาเกินขนาดจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ไม่ควรซื้อยาใด ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียมารับประทานเอง ควรได้รับคำแนะนำในการใช้ยาที่ถูกต้องจากเภสัชกร เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

    อย. จึงขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า ยาจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย และยาไม่สามารถซื้อขายทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านยา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายโดยแพทย์จากสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น

    ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวว่าจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบ ยาไม่มีทะเบียน เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางตำรวจเฝ้าระวังและจะขยายผลถึงต้นตอของยาไม่มีทะเบียนที่ตรวจพบในแหล่งจำหน่ายทุกจุด และฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ ควรระมัดระวังเครื่องดื่มของตนเอง ไม่ดื่มเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ในภาชนะปากกว้างที่ง่ายต่อการผสมยาอันตรายลงไป และไม่ละสายตาจากเครื่องดื่มของตนเอง เป็นต้น และ ขอเตือนไปยังกลุ่มคนที่ลักลอบขายและใช้สรรพคุณยาผิดวัตถุประสงค์ว่า ยาคือหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ใช้เพื่อรักษาโรคหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและได้รับคำแนะนำในการใช้อย่างละเอียด จากผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยเฉพาะยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษซึ่งจะต้องใช้อย่างระมัดระวังตามใบสั่งของแพทย์เท่านั้น และจะดำเนินการกวาดล้างผู้ที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง หากพี่น้องประชาชนพบเห็นร้านขายยาใดมีพฤติกรรมในการใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใดสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
    ----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ห่วงใย อุปกรณ์วัดไข้ เมื่อลูกน้อยไม่สบาย
    “ภาวะไข้” หมายถึง ภาวะที่เด็กมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.6 องศาเซลเซียสขึ้นไป เป็นอาการแสดงอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าร่างกายของเด็กตอบสนองต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับอาการไข้ในเด็กเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากหากปล่อยให้ไข้สูงจัดอาจทำให้เกิดอาการชักได้ ซึ่งแต่ละบ้านจึงควรมีอุปกณ์วัดไข้ติดบ้านไว้ โดยอุปกรณ์วัดไข้สำหรับเด็กมีหลายประเภท แบ่งได้ดังนี้

    1. เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอท นิยมใช้วัดทางปาก ทวารหนัก หรือใต้รักแร้ โดยต้องใช้อย่างระมัดระวัง อย่าทำให้แตก เพราะจะทำให้บาดเจ็บและเกิดพิษจากปรอทได้

    2. เทอร์โมมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ นิยมใช้วัดทางปาก ทวารหนัก หรือใต้รักแร้

    3. แถบวัดไข้ นิยมใช้วัดทางหน้าผาก

    ในการเลือกใช้อุปกรณ์วัดไข้สำหรับเด็กนั้นสามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกหรือแล้วแต่สถานการณ์ ทั้งนี้ ผู้วัดควรอ่านคู่มือการใช้งานและปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย โดยบริเวณของร่างกายที่วัดจะเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย ดังนี้



    1. การวัดไข้ทางทวารหนัก เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดถึง 4 ปี

    2. การวัดไข้ทางรักแร้ เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป

    3. การวัดไข้ทางหู เหมาะสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป

    4. การวัดไข้ทางปาก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป

    5. การวัดไข้ทางหน้าผาก เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย

    เมื่อเด็กมีไข้สูง อาจเกิดอาการชักได้ จึงควรรีบทำการลดอุณหภูมิร่างกายลง โดยสวมเสื้อผ้าให้บางลง เช็ดตัว หรือกินยาลดไข้ แต่หากไข้ยังไม่ลดลงหลัง 30 นาที ควรพาไปพบแพทย์
    ----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • ความรู้ อย. ถุงยางอนามัย ใช้ถูก ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
    ถุงยางอนามัยถือเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ เชื่อว่าหลายคนคงเคยใช้ถุงยางอนามัยมาแล้ว เพียงแต่อาจจะยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก หรือบางคนอาจยังใช้ผิดวิธีอยู่ ทำให้ไม่สามารถใช้คุมกำเนิด หรือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ วันนี้ อย. มีวิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องมาฝาก มาติดตามกันเลย

    วิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง

    1. เลือกถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. และมีเครื่องหมาย อย.บนฉลากผลิตภัณฑ์

    2. เลือกขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับอวัยวะเพศ

    3. บรรจุภัณฑ์ต้องสมบูรณ์ ไม่ชำรุดหรือฉีกขาด

    4. ตรวจสอบวันหมดอายุของถุงยางอนามัยก่อนใช้งานทุกครั้ง

    5. สวมถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง ถูกวิธี

    6. หากมีกิจกรรมนานกว่า 30 นาที ควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยอันใหม่ เพื่อลดการเสื่อมสภาพ

    7. ห้ามใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ ควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง

    8. เก็บถุงยางอนามัยไม่ให้โดนความร้อน แสงแดด และไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเนื่องจากอาจนั่งทับแล้วทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้

    9. หากต้องการใช้สารหล่อลื่น ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำมันทาผิว หรือ ยาทาใด ๆ แทน เพราะอาจมีน้ำมันหรือสารเคมีบางอย่างที่ทำให้ถุงยางเสื่อมประสิทธิภาพและฉีกขาดได้ง่าย

    โดยขั้นตอนการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกต้องมีดังนี้

    1. ฉีกซองอย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้

    2. สวมถุงยางอนามัยขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเท่านั้น

    3. ก่อนใส่ถุงยางอนามัยให้บีบกระเปาะตรงปลายถุง เพื่อไล่ลมออก

    4. สวมให้ถูกทางและรูดให้สุดโคนอวัยวะเพศ โดยต้องให้แน่ใจว่าสวมคลุมจนสุดพอดีแล้ว

    5. เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้ถอดถุงยางอนามัยออกขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวอยู่ โดยจับถุงยางอนามัยที่โคนอวัยวะเพศเพื่อถุงยางจะได้ไม่หลุด ค่อย ๆ นำออกจากคู่ของท่านอย่างระมัดระวัง และค่อย ๆ รูดถุงยางอนามัยออก

    6. ห่อถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วด้วยกระดาษทิชชู่ แล้วทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด (ไม่ทิ้งลงในชักโครก)

    การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่เชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้
    -----------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเครือข่ายทุนเวียดนามลวงโลก หลอกขายนมผง สรรพคุณสารพัด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท

    วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.บก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และเภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมสรรพคุณสารพัดเกินจริง ตรวจยึดของกลาง 23 รายการ รวมกว่า 43,411 ชิ้น มูลค่ากว่า 40,000,000 บาท

    พฤติการณ์กล่าว คือ สืบเนื่องจากปัจจุบันค่านิยมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพเป็นที่ได้รับความสนใจของผู้บริโภค จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอม หรือผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาทิเช่น แก๊งนายทุนจีน และนายทุนเวียดนาม ฯลฯ โดยจะมีการแอบอ้างชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง บุคลากรทางการแพทย์ ฯลฯ นำมาตัดต่อสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้า แล้วขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานให้แก่ประชาชน โดยเมื่อผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อสินค้า ปรากฏว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง บางรายเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และไม่สามารถขอคืนเงินได้

    ประกอบกับ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่า มีเว็บไซต์ที่มีการตัดต่อภาพ วิดีโอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ และปรากฏมีการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นวงกว้าง มีเนื้อหาที่มีการบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จ จำนวน 4 เว็บไซต์ ได้แก่

    1. https://www.ovisureth.site/

    2. https://www.ovisureofficial.com/

    3. https://www.youtube.com/channel/UC9d1lEKxZ1y2SKC18z2Kd6w

    4. https://suachoxuongkhop.info/

    โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่า เป็นเว็บไซต์ที่โฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ Ovisure Gold โดยการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณนมที่เกินจริง เช่น ปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน เสริมสร้างสติปัญญา บรรเทาอาการปวดข้อปวดไหล่ อาการเหน็บชา ป้องกันความเสื่อมและโรคกระดูกพรุน ฟื้นฟูข้อต่อและเสริมสร้างกระดูกอ่อน ลดอาการปวดกระดูกและข้อให้หายภายใน 3 วัน ฯลฯ และกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง จาก FDA สหรัฐอเมริกา และนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

    ซึ่งผลิตภัณฑ์นมผง Ovisure Gold เคยปรากฏเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ว่ามีการนำคลิปวิดีโอ และภาพถ่ายบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแหล่งต่าง ๆ มาตัดต่อและโฆษณาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพของอาหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตและแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่งหากผู้ป่วยหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมารับประทาน เพื่อหวังผลในการบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดไหล่ อาการเหน็บชา และโรคกระดูกพรุน จะเสียเงินเปล่า และเสียโอกาสในการรักษา

    ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. สืบสวนจนทราบถึงแหล่งจัดเก็บและกระจายผลิตภัณฑ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้น และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าทำการตรวจค้น สถานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเขตพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 2 จุด ดังนี้

    1. อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 8 รายการ, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 3 รายการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม จำนวน 2 ราย

    2. บ้านพักชั้นเดียว ม.1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 8 รายการ, เครื่องมือแพทย์ จำนวน 1 รายการ, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม จำนวน 6 ราย

    รวมตรวจค้น 2 จุด ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวนกว่า 37,911 ชิ้น เป็นนมผงยี่ห้อต่าง ๆ 36,471 กระปุก, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำนวน 4,120 ชิ้น, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1,080 ชิ้น และเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดยี่ห้อ SINOCARE จำนวน 300 ชิ้น รวมของตรวจยึดทั้งหมด 43,411 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารที่ตรวจยึดเป็นนมผงยี่ห้อต่าง ๆ รวม 11 ยี่ห้อ ได้แก่

    1. OVISURE GOLD อ้างสรรพคุณว่า ลดอาการปวดข้อ ป้องกันโรคเข่าเสื่อม ต่อสู้กับโรคกระดูกพรุน เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 7 วัน

    2. Digo sure อ้างสรรพคุณว่า เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ บรรเทาอาการปวดข้อ

    ปวดไหล่ เหน็บชา ฟื้นฟูและเสริมสร้างกระดูกอ่อนและข้อต่อ

    3. Zextra Sure อ้างสรรพคุณว่า มีประโยชน์ในการรักษากระดูกสันหลังเสื่อม โรคข้อเสื่อม บรรเทาอาการอัมพาตครึ่งซีก

    4. Via Sure Canxi อ้างสรรพคุณว่า ลดอาการปวดข้อและกระดูก ฟื้นฟูและสร้างกระดูกอ่อนใหม่

    5. Hevisure gold อ้างสรรพคุณว่า ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น ตาบอด ไตวาย ฯลฯ

    6. GluOats อ้างสรรพคุณว่า ลดและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ป้องกันหัวใจล้มเหลว ไตวาย ติดเชื้อในตับ

    7. Gluzextra Gold อ้างสรรพคุณว่า รักษาโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำตาลในเลือด และลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคอันตรายต่าง ๆ

    8. HIUP COMPLETE อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มความสูง 3 - 5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า

    9. Sica sure canxi wemee อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มความสูง 3 - 5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า

    10. Pro up อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มภูมิต้านทาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอนหลับลึก เพิ่มน้ำหนัก 10 กก. ภายใน 1 เดือน

    11. Hevifood Body fit อ้างสรรพคุณว่า ลดน้ำหนัก 3 - 4 กก. ภายใน 2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องอดอาหาร

    โดยขณะตรวจค้น พบชาวต่างชาติ สัญชาติเวียดนาม รวม 8 ราย กำลังแพ็คบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อรอจำหน่าย โดยเมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบมีเอกสารการเดินทางเข้าออกถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตการทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี ในข้อหา “1. ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง, 2. ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3. ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, 4. ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, 5. ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, 6. ร่วมกันขายเครื่องมือแพทย์ที่มิได้รับใบจดแจ้ง, 7. ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 8. ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”

    จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีนายทุนชาวเวียดนาม ทำการการเปิดโฆษณาจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ โดยลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์มาจากประเทศเวียดนาม และนำสินค้ามาเก็บไว้ตามอาคารให้เช่าต่าง ๆ เพื่อรอการจำหน่าย เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า แอดมินเพจจะส่งข้อมูลการสั่งซื้อให้กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามทำการบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าในประเทศไทย

    จากการตรวจสอบสถานะทางด้านการเงินของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว พบว่า มีการเปิดบัญชีสำหรับรับโอนเงินค่าสินค้า ตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2566 - ปัจจุบัน รวมระยะเวลา 3 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 175 ล้านบาท

    เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน

    1.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 6 (10) ฐาน “จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

    2.พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

    3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72 (4) ฐาน “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    4. พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562

    - ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    - ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    5. พ.ร.บ. เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบรับจดแจ้ง” ระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    6. พ.ร. บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    7. พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2560 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท

    8. กรณีการนำเข้าข้อมูลเท็จและโฆษณาสินค้าดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ฐาน "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ" ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ค้า ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก

    ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็นอาหารที่ลักลอบนำเข้า ไม่ขออนุญาตทั้งหมด โฆษณาโอ้อวดเกินจริง ซึ่ง อย. ได้ประชาสัมพันธ์ว่าเป็นข่าวปลอมเผยแพร่ทางเว็บไซต์ อย. และส่งข้อมูลรายงานให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว จำนวน 4 รายการ ได้แก่ 1) “OVISURE GOLD” 2) “HEVISURE GOLD” 3) “HIUP COMPLETE” 4)Sica sure canxi wemee และพบผลิตภัณฑ์อื่นอีก 10 รายการ ได้แก่ 1) ZextraSure 2) Via Sure Canxi 3) GluOats 4) Gluzextra Gold 5) Digo sure6)Hevifood Body fit 7) Pro up 8) Boca Max 9) Gluhealth 10) Boca premier ที่โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ ไม่มีหลักฐาน หรือผลการทดสอบประสิทธิภาพทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน จึงขอเตือนผู้บริโภคว่าไม่มีอาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าขอให้ระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรซื้อสินค้าจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ อย่าหลงซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อออนไลน์ที่โฆษณาหลอกลวงบรรยายสรรพคุณเกินจริง หรือซื้อเพราะราคาถูกเกินกว่าราคาทั่วไป เนื่องจากหลังจากที่ผู้บริโภคซื้อและได้ใช้สินค้า อาจไม่ได้มีสรรพคุณตามที่โฆษณาหลอกลวงไว้ หรือไม่ได้ผลการรักษาตามที่กล่าวอ้าง ทำให้ผู้บริโภคเสียเงิน และสูญเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ และขอเตือนไปยังผู้กระทำความผิดหลอกลวงคนอื่นด้วยวิธีการเอาความเจ็บป่วย หรือความเยาว์วัยมาหลอกลวงขายสินค้าให้กับผู้บริโภค หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

    ------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย. ย้ำเตือน 11 ผลิตภัณฑ์เถื่อน ไม่ปลอดภัย โฆษณาหลอกขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หลอกขายประชาชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาแพง

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยรายชื่อผลิตภัณฑ์ทั้ง 11 รายการ จากปฏิบัติการกวาดล้าง เพื่อเน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนทราบว่าไม่มีอาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ขอให้ระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. หากซื้อไปรับประทานอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ อย. อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด จึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ ดังนี้
    1.OVISURE Gold
    2.HEVISURE Gold
    3.HIUP
    4.Zextra Sure
    5.Via Sure Canxi
    6.GluOats
    7.Sica SURE canxi wemee
    8.Gluzextra Gold
    9.Digo Sure
    10.Hevifood Body Fit
    11. Pro UP
    --------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.
  • ประกาศ... อย. ย้ายศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (แห่งใหม่) แล้วนะ
    ประกาศ... อย. ย้ายศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (แห่งใหม่) แล้วนะ

    ประกาศ... อย. ย้ายศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (แห่งใหม่) แล้วนะ
    โดยจะมีกำหนดการเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป

  • อย. เป็นเจ้าภาพประชุมนานาชาติ ด้านการตรวจประเมินสถานที่ผลิตและกระจายยา (GMDP-PIC/S)

    อย. เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสัมมนาหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายด้านยาจากนานาชาติ PIC/S Committee Meeting and 2023 Seminar แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านSoft Skill จากประเทศภาคีสมาชิก เพื่อยกระดับมาตรฐานระบบการตรวจและพัฒนาศักยภาพของหน่วยตรวจประเมินสถานที่ผลิตและกระจายยา (GMDP)

    วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2566) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยได้รับการประกาศรับรองเป็นสมาชิก PIC/S (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme) ซึ่งเป็นหน่วยงานสากลระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือและเครือข่ายระหว่างหน่วยตรวจประเมินหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) ด้านยาของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 60 หน่วยงาน 52 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิก PIC/S ลำดับที่ 49 ในปี 2559 และปี 2566 นี้ ประเทศไทยโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสัมมนาในระดับนานาชาติ PIC/S Committee Meeting and 2023 Seminar ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานกำกับดูแลตามกฎหมายมากกว่า 50 หน่วยงานทั่วโลก ตลอดจนองค์กรด้านยาระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ มุ่งหวังที่จะประสานความร่วมมือให้การตรวจประเมินสถานที่ผลิตและกระจายยา (GMDP) ทั่วโลกพัฒนามาตรฐานไปในทิศทางเดียวกัน

    สำหรับการประชุม 2023 PIC/S Seminar จัดขึ้นในหัวข้อ “Soft Skills that Make a Good GMP/GDP Inspector in 2023” ซึ่งนับเป็นหัวข้อสำคัญที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูล ประสบการณ์ ทักษะระหว่างกันในหมู่ผู้ตรวจประเมิน GMDP (GMDP inspectors) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Soft skill ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นมากขึ้นในการปฎิบัติงาน และเป็นเทคนิคในการสื่อสารเพื่อจัดการกับสถานการณ์ให้เข้ากับบริบทการทำงานในทุก ๆ ด้าน

    เลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบกำกับดูแลมาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ยา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมในครั้งนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานระบบการตรวจและพัฒนาศักยภาพของหน่วยตรวจประเมิน GMDP ด้านยาของประเทศไทย และยกระดับมาตรฐานการผลิตยาของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการลงทุนขยายฐานการผลิตยา และการส่งออกยาไปจำหน่ายในตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็น Soft Power ทำให้เปิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย

  • อย. ห่วงใย โรคผิวหนังที่มากับหน้าฝน
    หน้าฝนเป็นช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง ทำให้เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียมีการเจริญเติบโตได้ดี อีกทั้งคนส่วนใหญ่ต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้าน อาจโดนฝน ลุยน้ำ เสื้อผ้าเปียก ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังตามมาได้ง่าย เราจึงควรหาวิธีป้องกันและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งโรคผิวหนังที่เราควรทำความรู้จัก มีดังนี้

    1.โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อรา ได้แก่

    1.1 กลาก (Dermatophytosis) เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes มีลักษณะเป็นผื่นสีแดงเป็นวงกลม มีขอบเขตชัดเจน ขอบภายนอกมีสีเข้มกว่าผิวหนังด้านใน อาจพบขุยหรือสะเก็ดบาง ๆ ที่ขอบวงแหวน และมีอาการคัน กลากสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสคน หรือสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ที่เป็นโรค สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกายมักพบในบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น หนังศีรษะ รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ ฝ่าเท้า และซอกนิ้วเท้า

    การรักษา 1. ยาทาภายนอก เช่น Terbinafine cream, ยาทากลุ่ม Imidazoles

    2. ยาฆ่าเชื้อราชนิดรับประทาน ได้แก่ ยากลุ่ม Imidazoles เช่น Ketoconazole, Fluconazole, Itraconazole, Griseofulvin หรือ Terbinafine

    ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เนื่องจากการเลือกใช้ยาและระยะเวลาการใช้จะขึ้นกับบริเวณที่เป็น และความรุนแรงของโรค

    1.2 เกลื้อน (Pityriasis Versicolor) มักเกิดจากเชื้อราชื่อว่า Malassezia furfur เป็นเชื้อราประจำถิ่นที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง เมื่อถูกกระตุ้นด้วย ความชื้น ผิวที่มีความมัน เหงื่อออกปริมาณมาก หรือในคนที่มีภูมิคุ้มกันลดลง จะเกิดเกลื้อนขึ้น มีลักษณะเป็นผื่นวงกลมหลายวง มีขุยละเอียด สีแตกต่างกัน มักเกิดบริเวณลำตัว เช่น หลัง หน้าอก ท้อง ไหล่ และคอ โดยส่วนใหญ่มักไม่คัน

    การรักษา 1. ยาทาภายนอก ได้แก่ 20-25% Sodium thiosulfate หรือ 40-50% Propylene glycol หรือ ยาทากลุ่ม Imidazoles เช่น Clotrimazole, Econazole หรือ Miconazole

    2. ยาฆ่าเชื้อราชนิดรับประทาน เหมาะสำหรับในรายที่เป็นกว้าง หรือ บริเวณที่ทายาได้ลำบาก ได้แก่ Ketoconazole, Itraconazole หรือ Fluconazole

    ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เนื่องจากการเลือกใช้ยาและระยะเวลาการใช้จะขึ้นกับบริเวณที่เป็น และความรุนแรงของโรค เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม



    2. โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s foot หรือ Hong Kong foot) เกิดจากการระคายเคืองของผิวหนังเนื่องจากความเปียก อับชื้น และการสัมผัสสิ่งสกปรก ทำให้ผิวหนังอักเสบขึ้น ลอก คัน และแสบ เกิดผื่นแดง และเป็นขุยบริเวณง่ามนิ้วเท้า เกิดตุ่มน้ำเล็ก ๆ สีแดงที่บริเวณฝ่าเท้าหรือง่ามนิ้วเท้า เท้ามีกลิ่น อาจติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราตามมา

    การรักษา 1. เมื่อเริ่มมีแผลถลอกบริเวณเท้าควรทายาฆ่าเชื้อ เช่น Povidone Iodine หลังล้างเท้า

    2. หากเกิดผื่นน้ำกัดเท้าแล้ว ให้ใช้ยาทาแก้คัน หรือยาทาแก้คันผสมยาฆ่าเชื้อรา ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อรา ทาบริเวณผื่น หรือยาบรรเทาอาการคันแบบกิน เช่น ไฮดรอกซีซีน (Hydroxyzine) หรือ เซทิริซีน (Cetirizine)

    3. ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อรา เมื่อเกิดการติดเชื้อราร่วมด้วย โดยตัวยาและระยะเวลาการใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ

    3.โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic eczema) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เป็นผื่นแดง มีตุ่มน้ำขนาดเล็ก มีอาการคันมาก โดยผื่นถูกกระตุ้นให้เห่อขึ้นได้เมื่อมีความชื้นมาก เหงื่อที่ระบายได้ยาก และการเสียดสี

    การรักษา 1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยทำความสะอาดด้วยสารทำความสะอาดที่ไม่รุนแรงต่อผิว และเลือกทาครีมบำรุงที่ไม่มีสารก่อระคายเคือง

    2. สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป

    4.โรคเท้ามีกลิ่นเหม็น (Pitted keratolysis) มีอาการ คือ เท้ามีกลิ่นเหม็นมาก มีหลุมเล็ก ๆ ที่ฝ่าเท้า สาเหตุหลักของโรคเท้ามีกลิ่นเหม็นเกิดจากเหงื่อและแบคทีเรีย รวมถึงการใส่รองเท้าหรือถุงเท้าที่ระบายเหงื่อได้ไม่ดี ทำให้เกิดความอับชื้น

    การรักษา 1. ยาที่ลดความอับชื้น เช่น 20% Aluminium Chloride เป็นผงแป้ง ใช้วันละ 1 ถึง 2 ครั้ง หรือตามแพทย์สั่ง

    2. ยาทาที่ช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย เช่น Clindamycin หรือ Erythromycin เป็นต้น

    3. ยาช่วยให้ผิวหนังลอกและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Benzoyl peroxide เป็นต้น

    ควรเลือกซื้อครีมบำรุงและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีฉลากภาษาไทยที่ระบุเลขที่ใบรับจดแจ้งอย่างชัดเจน อย่าหลงเชื่อการโฆษณาหรือรีวิวเกินจริง และเนื่องจากโรคผิวหนังบางชนิดมีอาการคล้ายคลึงกัน จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับการรักษาและปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

    ----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.


  • อย. เผยผลงานปีงบ 2566 ฟันคดีโฆษณา ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสถานประกอบการผิดกฎหมาย

    อย. เผยผลงานปีงบ 2566 ฟันคดีโฆษณา ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสถานประกอบการผิดกฎหมายกว่า 3,200 คดี จับกุมร่วมกับ บก.ปคบ. รวมมูลค่าของกลางกว่า 180 ล้านบาท
    อย. เผยผลงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จัดการปัญหาโฆษณา ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสถานประกอบการที่ผิดกฎหมายกว่า 3,200 คดี ขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดร่วมกับ ปคบ. รวมของกลางมูลค่ากว่า 180 ล้านบาท ยืนยัน อย. จะเฝ้าระวังตรวจสอบโฆษณาและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างต่อเนื่องและจัดการกับคนทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อโฆษณาที่เป็นเท็จ หลอกลวง และได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย

    ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมทั้งสถานประกอบการผลิต นำเข้า จำหน่าย และการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ ตามแผนปฏิบัติการประจำปีและการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน สรุปดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดทั้งคดีโฆษณา ผลิตภัณฑ์และสถานประกอบการ 1,907 คดี และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย 1,335 คดี รวม 3,242 คดี โดยคิดเป็นคดีโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมาย 69.09%

    ดำเนินการปราบปรามผู้ลักลอบผลิต นำเข้า ขาย ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยตำรวจสอบสวนกลาง บก.ปคบ. 121 คดี แถลงข่าว 21 ครั้ง โดยคดีที่สำคัญ ๆ เช่น ทลายเครือข่ายผลิตยาแก้ไอปลอม ปราบยาเถื่อนในคลินิกหรูย่านเกษรทาวเวอร์ จับกุมแหล่งผลิตซิลิโคนจมูกเถื่อนส่งขายคลินิกเสริมความงาม บุกโรงงานทลายเครือข่ายทุนจีนผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนทลายแหล่งเก็บและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางปลอม จับกุมแก๊งนายทุนเวียดนามหลอกขายผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ จับกุมแหล่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลักลอบใส่วัตถุออกฤทธิ์ ร่วมกับตำรวจสากลในการทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักข้ามชาติ ฯลฯ รวมมูลค่าของกลาง กว่า 180 ล้านบาท

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. จะตรวจสอบ เฝ้าระวังการโฆษณาและผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายอย่างเข้มข้นต่อไป เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย และไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ----------------
    จดอย.
    บริการจดทะเบียน อย.
    บริษัท จด อย.
    ขอ อย.

  • อย.เตือนอย่าซื้อมากิน "ขนมรูปแบบโรลออน" พบวางขายหน้าโรงเรียน ชี้ลักลอบนำเข้า เสี่ยงอันตราย หากพบมีความผิดทั้งคนนำเข้า-จำหน่าย
    วันนี้ (3 ก.ย.2566) ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ขนมเด็กที่มีลักษณะแปลกใหม่ เพื่อดึงดูดการขายในเด็กวัยเรียน มักจะมีสีสันสดใส กลิ่นรสแปลกใหม่ หรือบรรจุในภาชนะรูปแบบต่าง ๆ เพื่อดึงความสนใจเด็ก ๆ

    ล่าสุดพบขนมบรรจุในขวดมีหัวเป็นลูกกลิ้ง หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า โรลออน พบวางจำหน่ายใกล้โรงเรียน หรือจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาต จุดสังเกตคือ ไม่มีฉลากภาษาไทย และไม่มีเลข อย. ไม่ทราบสูตรส่วนประกอบหรือส่วนผสม ไม่มีผู้นำเข้า จึงขอเตือนว่าไม่ควรซื้อมากิน เพราะมีความเสี่ยงได้รับสารที่อาจเป็นอันตราย หรือใช้วัตถุกันเสีย สี วัตถุแต่งกลิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด หรือมีสารปนเปื้อนจากการผลิต และภาชนะบรรจุที่ไม่ได้มาตรฐาน

    ทั้งนี้ ขนมที่ได้รับอนุญาตต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต และควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ และข้อมูลการแต่งกลิ่น และวัตถุเจือปนอาหาร เช่น สี วัตถุกันเสีย และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

    หากพบขนมรูปแบบโรลออนวางขายโดยไม่ขออนุญาตนำเข้า ทั้งผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายจะมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และเมื่อตรวจวิเคราะห์แล้วพบใช้วัตถุเจือปนอาหารไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และกรณีพบว่าภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารไม่มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวีซีวัน ตราอ็อปติมอรส์ "VC-1 optimores"เลขสารบบอาหาร 73-1-11365-5-0261

    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ Optimores VC-1 ซึ่งแสดงข้อความ "ตาไม่พร่า ไม่มัวอีกเลย VC-1 วิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศ.ภญ.ดร. พรอนงค์ อร่ามวิทย์" และ "ผู้สูงอายุ ตาแห้ง พร่ามัว VC-1 ตาชุ่มชื้น มองเห็นขัด" แต่หัวหน้าโครงการวิจัยมีหนังสือระบุว่า "งานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง ไม่รวมถึงการทดสอบทางคลินิกในมนุษย์" นั้นเป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...

  • อย. ยืนยัน ไม่พบการใช้สารเคมีอมตะในเครื่องสำอางที่จำหน่ายในไทย

    อย. ตรวจสอบแล้ว ยืนยันไม่พบการใช้สาร PFAS หรือสารเคมีอมตะในเครื่องสำอางที่จดแจ้งในประเทศไทย ขอผู้บริโภคมั่นใจ อย. มีระบบเฝ้าระวังและติดตามความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    จากที่มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์อ้างถึงงานวิจัยหลายฉบับที่พบสารประกอบ PFAS สังเคราะห์หรือสารเคมีอมตะในเครื่องสำอางกันน้ำ ซึ่งอาจสะสมในร่างกายจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น คอเลสเตอรอลสูง โรคต่อมไทรอยด์ โรคไต ภูมิคุ้มกันลดลง ฮอร์โมนผิดปกติ ไปจนถึงโรคมะเร็งนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องสำอางที่ขออนุญาตจดแจ้งในประเทศไทยแล้ว ไม่พบการใช้สาร PFAS (Per- and polyfluoroalkyl substances) หรือสารเคมีอมตะ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ห้ามใช้สารดังกล่าวรวมถึงอนุพันธ์ของสาร 13 รายการ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เช่นเดียวกับประเทศในสหภาพยุโรปและอาเซียน เนื่องจากจัดเป็นสารที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ซึ่งก่อนหน้าการออกประกาศห้ามใช้สารนี้ อย. ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบจดแจ้งและตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่พบว่ามีการใช้สารนี้ในเครื่องสำอางแต่อย่างใด

    ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจ อย. มีการเฝ้าระวังและติดตามความปลอดภัยในการใช้สารต่าง ๆ ในเครื่องสำอางอย่างสม่ำเสมอ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. สร้างความเข้าใจกับ สสจ. ทั่วประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

    อย. จัดประชุมร่วมกับ สสจ.ทั่วประเทศ สื่อสารนโยบายและการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างความเข้าใจกฎหมายฉบับใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขับเคลื่อน Quick Win 100 วัน และเรื่องของการโฆษณาเกินจริงทางสื่อต่าง ๆ ชูนโยบาย 5S เพิ่ม RST รวดเร็ว ลดขั้นตอน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสู่ดิจิทัล สนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นหน่วยงานหลักในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทั้งอาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และวัตถุเสพติด โดยมีเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง คือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) และเป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อดำเนินการตามพันธกิจหลักในการกำกับดูแลมาตรฐานการผลิต โดยมุ่งหวังให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตามพันธกิจบรรลุเป้าหมาย จึงได้มีการสื่อสารข้อมูลองค์ความรู้ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในวันนี้ (6 พฤศจิกายน 2566) อย. จึงได้จัดประชุมสื่อสารนโยบายและการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อทำความเข้าใจในกฎหมายฉบับใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแสดงข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่นำไปสู่การดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 Quick Win 100 วัน และเรื่องของการโฆษณาเกินจริงทางสื่อต่าง ๆ ร่วมด้วย 5S ของ อย. คือ Sustainability สร้างความมั่นคงทางยาและเวชภัณฑ์ Speed ลดขั้นตอนการให้บริการ Safety สร้างความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ฯลฯ Satisfaction ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง และ Supporter สนับสนุนให้มีขีดความสามารถการแข่งขัน และเพิ่ม RST เริ่มจาก Rethink เปลี่ยนแนวความคิดเดิม Reform ปรับปรุง เปลี่ยนรูปแบบ Rerole ปรับบทบาท ทำงานเชิงรุก และ Redesign ออกแบบใหม่ ส่วน S คือ Security ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยของผู้บริโภค และ T คือ Transparency ความโปร่งใส


    การประชุมในวันนี้ จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ สสจ. ให้มีความรู้ ความเข้าใจกฎหมายใหม่ ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้อนุญาต ด้วยความมั่นใจ และสามารถส่งต่อองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการ เป็นการช่วยส่งเสริมสนับสนุนผู้ผลิตระดับฐานรากทั่วประเทศในการพัฒนาสถานที่ กระบวนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า คุณภาพ และความปลอดภัยสู่ผู้บริโภค เกิดการสร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชนต่อไป

  • อย. แจ้งผลตรวจเอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4 วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที หลังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทวนสอบแล้ว ผ่านมาตรฐาน ไม่ใช่อาหารปลอม

    อย. แจ้งยกเลิกข่าวประกาศผลการตรวจพิสูจน์อาหาร อย. ตรวจพบเนื้อนมไม่รวมไขมัน ไม่เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนด ในผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที วันผลิต 05/04/2022 ควรบริโภคก่อน 05/10/2023 เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66 หลังจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทวนสอบพบเนื้อนมไม่รวมไขมันเป็นไปตามมาตรฐาน ไม่เข้าข่ายเป็นอาหารปลอม

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยากล่าวว่าจากข่าวประกาศผลการตรวจพิสูจน์อาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบเนื้อนมไม่รวมไขมัน ไม่เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนด ในผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4 วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที วันผลิต 05/04/2022 ควรบริโภคก่อน 05/10/2023 โดยผลการตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบเนื้อนมไม่รวมไขมันไม่เข้ามาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 352) พ.ศ. 2556 ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 นั้น ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการทวนสอบการรายงานผลการทดสอบตัวอย่างฉบับที่ R66031600791 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2566 พบว่ามีการรายงาน “เนื้อนมไม่รวมไขมัน” คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยข้อเท็จจริงผลเป็นไปตามมาตรฐาน ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้ยกเลิกรายงานผลการทดสอบตัวอย่างฉบับดังกล่าว และออกรายงานฉบับแก้ไขลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ให้กับ อย. ซึ่งรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ ปรากฏดังนี้ ผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4 วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที เลขสารบบอาหาร 20-1-03444-5-0019 วันผลิต 05 04 2022 ควรบริโภคก่อน 05 10 2023 ผู้ผลิต บริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผลการตรวจวิเคราะห์เนื้อนมไม่รวมไขมันร้อยละ 63.70 ของน้ำหนัก ซึ่งเมื่อรวมกับไขมันร้อยละ 12.30 ของน้ำหนัก รวมแล้วเนื้อนมทั้งหมดได้ ร้อยละ 76.00 ซึ่งพบว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด คือ มีเนื้อนมทั้งหมดไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของน้ำหนัก สำหรับผลิตภัณฑ์ของนมชนิดแห้ง ดังนั้น อย.จึงยกเลิกประกาศผลการตรวจวิเคราะห์ฉบับเดิมดังกล่าวแล้ว และบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตเพื่อจำหน่ายได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม อย. ยังคงเฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างอาหารส่งตรวจวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป

    หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai , Facebook:FDAThai , E-mail:1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ.1556 ปนฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB), สบส. รวบขบวนการรักษามะเร็งทิพย์ อวดอ้างสรรพคุณยา - พลังวิเศษ รักษาประชาชน

    วันที่ 25 ตุลาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ปทส., พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการทลายขบวนการรักษามะเร็งทิพย์อวดอ้างพลังวิเศษ และสรรพคุณยาเกินจริง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย ตรวจยึดของกลาง 104 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

    สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระนรสีห์ วัดเขาพระครุฑ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากมีพฤติกรรมเปิดวัดเป็นสถานที่รักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไป และมีการเรียกเก็บค่ายาในราคาสูง โดยยาที่ขายให้กับผู้เข้ารับการรักษาเป็นยาชนิดแคปซูล ไม่มีฉลาก เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ และมีการเผยแพร่การรักษา และการเชิญชวน ให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับการรักษาผ่านทางเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม” (https://www.facebook.com/Sakayaram)

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงได้ทำการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่า ได้มีการโพสต์รูปภาพ วิดีโอการรักษาโรค และข้อความสื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจว่า พระนรสีห์ฯ กับพวกสามารถตรวจรักษา โรคมะเร็งโรคเบาหวาน โรคร้ายแรงอื่น ๆ หายขาดใน 1 - 3 เดือน ได้ อีกทั้งมีการโพสต์ข้อความโอ้อวดสรรพคุณการรักษาโรคของผลิตภัณฑ์ “มหาโอสถหลวงพ่อนรสีห์” (หงส์เกี้ยวมังกร, ตะวันฉาย, เลือดมังกร และจันทร์ฉาย) ว่ามีสรรพคุณการรักษาโรคครอบจักรวาล อาทิ เช่น “สกัดจากสมุนไพรความเข้มข้นของตัวยาสูงกว่าผงสมุนไพรบดธรรมดาถึง 10 เท่า,ล้างสารพิษ, เสริมภูมิต้านทาน, ปวดเข่า, ปวดข้อ, ปวดขา, ปวดหลัง, หมอนรองกระดูก, เก๊าท์, ลดบวม, ลดการอักเสบ, กรดไหลย้อน, โรคตับ, โรคไต, โรคหัวใจ, ปอด, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตัน, โรคระบบสมอง, โรคมะเร็ง, โรคไตวาย, โรคเบาหวาน, โรคอัลไซเมอร์, ประสาทเสื่อม, กระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานโรค และคืนความหนุ่มสาว” เป็นต้น

    อีกทั้งมีการโพสต์ที่มาของวิชาการรักษาโรคมะเร็งว่าค้นพบจากการกรรมฐานรักษาสุนัขชื่อ ปีใหม่ ที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหาย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจตนว่ามีพลังวิเศษในการรักษาโรค เป็นการอาศัยความเชื่อ ความศรัทธา ทางศาสนา และนำความหวาดกลัวความทุกข์ของประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มาเป็นเครื่องมือ ซึ่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวอยู่ในภาวะที่อ่อนไหวและอาจหลงเชื่อ เข้ารับการรักษาจนได้รับความเสี่ยงต่อการวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาด รักษาไม่ได้ผลและเสียโอกาสในการรักษาโรคที่แท้จริง

    เมื่อทำการสืบสวน ทราบว่า พระนรสีห์ฯ มีพฤติกรรมเปิดวัดเป็นสถานที่รักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไป และมีประชาชนหลายคนนั่งรอรับการตรวจรักษาจริง โดยมีผู้ร่วมขบวนการในการรักษาโรคให้ประชาชนและมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนี้ 1. น.ส.อรินดาฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่จ่ายยา รับเงินค่ารักษา ประสานงานติดต่อผู้ป่วย และให้ความเห็นเบื้องต้นกับผู้ป่วย 2. นายเดชชรินทร์ฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ในการต้อนรับ คัดกรองผู้ป่วย และให้ความเห็นเบื้องต้น 3. น.ส.อารียา หรือมดฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ และบางครั้งทำหน้าที่รักษาแทนพระนรสีห์หากพระไม่ว่าง โดยเจาะเข็มตามร่างกายของผู้ป่วยตามที่พระสอน ซึ่ง น.ส.อารียา หรือมดฯ เป็นผู้ที่พระนรสีห์ฯ กล่าวอ้างว่า เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย โดยตนเป็นผู้รักษาจนหายภายใน 2 เดือน และบรรลุโสดาบันแล้ว 4. นายรวีวัชรฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ในการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวการรักษาเพื่อไปลงเพจเฟซบุ๊ก และ 5. นาง วชิรอักษราฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่บรรจุยาสมุนไพรลงแคปซูลตามคำสั่งของพระนรสีห์ฯ และส่งยาให้ผู้ติดต่อขอซื้อทางออนไลน์ อีกทั้งในระหว่างรอตรวจรักษาจะพยายามพูดโน้มน้าวและวินิจฉัยโรคให้ผู้ที่มาตรวจรักษารู้สึกว่าตนเองป่วย เช่น บอกว่าผิวดำคล้ำ มีกลิ่นตัว ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นต้น เมื่อประชาชนทั่วไปหลงเชื่อก็จะให้ซื้อยาไปรับประทาน ในราคาสูงถึงชุดละ 4,000 บาท (รับประทานได้ 10 วัน) เพื่อให้อาการป่วยดีขึ้นและกลับนัดหมายเพื่อรับการในรักษาภายหลัง

    โดยวิธีการรักษาโรคให้ประชาชน พระนรสีห์ฯ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นผู้ทำการตรวจรักษา โดยมีวิธีการตรวจรักษาที่ไม่ใช่วิธีการตามหลักวิชาการทางการแพทย์ เช่น การให้ผู้ป่วยนอนราบไปกับพื้น แล้วใช้มือสัมผัสตัวและนำหินมาวนบริเวณหน้าท้อง อก และใบหน้า และสอบถามอาการ พร้อมทั้งวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด หรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ จากนั้นมีการใช้เข็มลักษณะคล้ายเข็มเย็บผ้าแทงไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง และต้นขาทั้งสองข้าง ตั้งแต่โคนขาจนถึงบริเวณเหนือหัวเข่าจำนวนหลายครั้ง บางราย แทงประมาณ 20 ครั้ง เพื่อให้เลือดออกมาจากรอยเจาะจากนั้นใช้แท่งเหล็กลักษณะคล้ายปากกาถูวนบริเวณแผลที่มีเลือดออก เป็นต้น

    เมื่อส่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่อวดอ้างสรรพคุณการรักษาส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบเป็นชิ้นส่วนพืชและชิ้นส่วนอื่นที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดใดประกอบกับมีการโพสต์แสดงข้อความว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้ดังนั้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงจัดเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรแต่อย่างใด

    จากพฤติการณ์ของพระนรสีห์ฯ กับพวก เป็นการร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไป ด้วยการโพสต์ข้อความที่สื่อให้เข้าใจว่า พระนรสีห์ฯ กับพวก สามารถตรวจรักษาโรค รวมทั้งอวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ยาของตนว่าสามารถรักษาโรคร้ายแรงต่าง ๆ ให้หายขาดได้ ผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม” ซึ่งเปิดเป็นเพจแบบสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและพบเห็นได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เนื่องจาก พระนรสีห์ฯ ไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และวิธีการตรวจรักษาก็ไม่ใช่วิธีการตามหลักวิชาการทางการแพทย์แต่อย่างใด ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวร่วมกันขายไม่ได้มีสรรพคุณในการรักษาโรคตามที่โพสต์โฆษณาไว้ในเพจเฟซบุ๊ก เมื่อมีผู้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวจะฉวยโอกาสหลอกเอาทรัพย์สินของประชาชน โดยตรวจวินิจฉัยว่าบุคคลนั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรง แล้วขายผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็นยารักษาโรคให้ในราคาที่สูง

    พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ พระนรสีห์ฯ กับพวกรวม 6 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรือคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในลักษณะโอ้อวดสรรพคุณว่าสามารถบำบัดรักษา บรรเทา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยได้อย่างศักดิ์สิทธิ์หรือรักษาโรค
    ให้หายขาดได้และแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จเกินความจริง,ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

    โดยพระนรสีห์ มีความผิดเพิ่มเติมในฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”ต่อมาในวันที่ 24 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ กก.5 บก.ป., กก.5 บก.ปทส., สภ.อู่ทอง, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี นำหมายค้นศาลอาญา เข้าทำการตรวจสอบสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 2 แห่ง ดังนี้

    1. สำนักพระกรรมฐาน ศากยราม (เขาพระครุฑ) ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจรักษาผู้ป่วย ตรวจยึดแคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 7,586 แคปซูล, อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจรักษา รวมจำนวน 42 รายการ และเงินสด จำนวน 114,000 บาท

    2. เทวสถาน ศิวาลัยเทพมณเฑียรทอง ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ผลิต จัดเก็บ และจัดส่งแคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล ให้แก่ผู้ที่ติดต่อขอซื้อผ่านทางออนไลน์ตรวจยึดแคปซูล บรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 8,850 แคปซูล, แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล, ผงสีน้ำตาลสำหรับบรรจุแคปซูล จำนวน 10 กก., อุปกรณ์ส่วนควบในการผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมจำนวน 62 รายการ และเงินสด จำนวน 1,763,200 บาท

    สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย ได้แก่ 1. พระนรสีห์ หรือ นายสิทธัตถ์ฯ (สงวนนามสกุล), 2. นายเดชชรินทร์ฯ (สงวนนามสกุล) 3. น.ส.อรินดา หรือหนึ่งฯ (สงวนนามสกุล) 4. น.ส.อารียา หรือมดฯ (สงวนนามสกุล) 5. นายรวีวัชรฯ (สงวนนามสกุล) และ 6. นาง วชิรอักษรา หรือแน่งฯ (สงวนนามสกุล) รวมตรวจยึดแคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 16,436 แคปซูล, แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล, ผงสีน้ำตาลสำหรับบรรจุแคปซูล จำนวน 10 กก., อุปกรณ์ส่วนควบในการผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพร , อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาโรค และเงินสด กว่า 2 ล้านบาท รวม 104 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

    อนึ่ง จากการร่วมตรวจสอบสำนักกรรมฐานศากยราม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี พบว่าอาคาร สิ่งปลูกสร้างภายในสถานดังกล่าว จำนวน 18 หลัง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาทุ่งดินดำ และป่าเขาตาเก้า อันเป็นการกระทำความผิดฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุกรุก ก่อสร้าง หรือแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อีกส่วนหนึ่ง

    จากการสืบสวนเพิ่มเติมผู้ต้องหาบางส่วนให้การว่า พระนรสีห์จะจำวัดที่เทวสถานเป็นประจำ โดยจะเข้าวัดเฉพาะในวันที่มีการตรวจรักษา หากตรวจรักษาเสร็จเร็วก็จะเข้าให้พระอีกรูปที่พักอยู่ด้วยกันขับรถยนต์มาจำวัดที่เทวสถาน

    จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า สำนักพระกรรมฐานศากยารามได้สร้างขึ้นประมาณเดือนมีนาคม 2561 พร้อมทั้งเริ่มมีการโพสต์กิจกรรมต่าง ๆ ของวัดเรื่อยมา จนกระทั่งเริ่มมีการโพสต์การใช้พลังสมาธิเพื่อบำบัดรักษาโรคให้สุนัข และคนที่ป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 - ปัจจุบัน (ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม) โดยพระนรสีห์บวชเมื่อเดือนเมษายน 2561 ในฝ่ายมหานิกาย ต่อมาในปี 2562 ได้ลาสิกขา และญัตติใหม่ในฝ่ายธรรมยุตินิกาย

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม

    กรณีพระนรสีห์

    1. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ฐาน “

  • อย. ห่วงใย ขนมหวานสาเหตุของโรคร้าย

    ขนมหวานที่แสนอร่อยของใครหลายๆคนนั้น ไม่เพียงแต่จะมีหน้าตาที่ดูน่ารับประทานหรือรสชาติที่อร่อยแล้ว แต่ยังมาพร้อมกับโรคร้ายที่แฝงมากับขนมหวานนั้น ขนมหวานส่วนใหญ่มักทำมาจากแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้ เค้ก เยลลี่ ลูกอม ไอศกรีม เป็นต้น เมื่อเรารับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วนลงพุง โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจ อาการเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุมาจากการทานแป้งและน้ำตาลที่มากเกินไปทั้งสิ้น



    โดยน้ำตาล 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ และร่างกายในแต่ละวัยต้องการปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมกับวัยแตกต่างกันเพราะร่างกายมีการใช้พลังงานและการเผาผลาญของร่างกายที่แตกต่างกัน จึงมีการแนะนำการบริโภคน้ำตาลต่อวัน ดังนี้



    1. เด็กและผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ที่ต้องการพลังงาน 1,600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

    ปริมาณน้ำตาลต่อวัน ไม่เกิน 4 ช้อนชา หรือ 16 กรัม

    2. วัยรุ่นหญิง/ชาย วัยทำงาน ที่ต้องการพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

    ปริมาณน้ำตาลต่อวัน ไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม

    3. สำหรับผู้ที่ใช้พลังงานมาก เช่น นักกีฬา ที่ต้องการพลังงาน 2,400 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

    ปริมาณน้ำตาลต่อวัน ไม่เกิน 8 ช้อนชา หรือ 32 กรัม



    ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลโรคร้าย เราควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ควบคุมปริมาณน้ำตาลที่บริโภคต่อวัน โดยอ่านฉลากโภชนาการ ฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ (หรือฉลาก หวาน มัน เค็ม) ซึ่งจะบอกปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก่อนเลือกซื้อ เพียงเท่านี้ก็สามารถเลือกกินขนมหวานได้อย่างไร้กังวล

  • อย. - กรมวิทย์ฯ ร่วมประชุมหารือพัฒนาแนวทางกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อผู้บริโภคปลอดภัย
    วันที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลา 11.30 น. นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมประชุมหารือกับคณะผู้บริหารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแนวทางกำกับดูแลและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เน้นการดำเนินการที่โปร่งใส รวดเร็ว มุ่งสู่การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ณ ห้องประชุม 110 ชั้น 1 อาคาร 100 ปีการสาธารณสุขไทย (อาคาร 14) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

  • ความรู้ อย. วิธีเลือกหมูให้ปลอดภัย จากสารเร่งเนื้อแดง

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเนื้อหมูที่เรารับประทานปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดง วันนี้ อย. มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อหมูให้ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวเรา ไปติดตามกันได้เลย



    สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารสังเคราะห์ในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (Beta-Agonist) มักจะนิยมใช้สารเร่งเนื้อแดงผสมในอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพื่อประโยชน์ในการลดไขมันและเพิ่มปริมาณเนื้อแดงในตัวหมู สารนี้ส่งผลเสียทั้งต่อตัวสัตว์และอาจตกค้างทำอันตรายถึงผู้บริโภคด้วย



    วิธีสังเกตว่าหมูที่เราซื้อมีสารเร่งเนื้อแดงหรือไม่ สังเกตได้จากเนื้อหมูจะมีลักษณะสีแดงคล้ำกว่าปกติ เมื่อหั่นและปล่อยทิ้งไว้จะมีลักษณะแห้ง ในขณะที่เนื้อหมูปกติเมื่อหั่นทิ้งไว้ จะพบน้ำซึมออกมาบริเวณผิว ส่วนของสามชั้น เนื้อหมูที่มีการใช้สารเนื้อแดง จะมีปริมาณเนื้อแดงสูงถึง 3 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน ขณะที่สามชั้นของเนื้อหมูปกติจะมีเนื้อแดง 2 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน



    วิธีเลือกเนื้อหมูให้ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดง

    1. ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์

    2. เนื้อหมูมีสีชมพูปนแดงเรื่อๆ นุ่ม ผิวเป็นมัน เนื้อแน่น

    3. ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือมีสีเขียวและส่วนที่เป็นมันแข็งควรเป็นสีขาวขุ่น

    4. ไม่ควรเลือกซื้อเนื้อหมูที่มีสีแดงมากเกินไปและมีไขมันบาง

    5. กรณีซื้อเนื้อหมูแช่เย็น ควรสังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ควรเกิน 3 วัน



    ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้อาหารทุกชนิด ต้องไม่พบการปนเปื้อนของสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ และเกลือของสารกลุ่มนี้ หากพบเนื้อสัตว์มีสีแดงผิดปกติ หรือสงสัยว่ามีการลักลอบใส่สารดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วย อย. 1556 หรือ ผ่าน Line@FDATHAI

  • อย. ขอผู้บริโภควางใจ น้ำยายืดผมในประเทศไทยไม่พบสารก่อมะเร็ง
    อย. ตรวจสอบไม่พบการใช้สารฟอร์มาลดีไฮด์และเมทิลีน ไกลคอล เป็นส่วนผสมในสูตรน้ำยายืดผมในประเทศไทย ขอผู้บริโภคอย่ากังวล แนะซื้อเครื่องสำอางจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีฉลากภาษาไทย พร้อมข้อมูลเลขที่ใบรับจดแจ้ง เพื่อความปลอดภัย

    กรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยว่าองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาเตรียมแบนน้ำยายืดผมตรง เพราะมีส่วนประกอบของสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งเป็นสารเคมีที่กระตุ้นโรคมะเร็งนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สารฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีสีและมีกลิ่นฉุนมาก หากสัมผัสหรือสูดดม จะก่อให้เกิดการระคายเคืองตา จมูกและผิวหนัง ประเทศไทยแบนมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 โดยประกาศให้สารฟอร์มาลดีไฮด์ รวมถึงสารเมทิลีน ไกลคอล (Methylene glycol) ซึ่งสามารถปลดปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้ เป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง สอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียนและยุโรป จากข่าวดังกล่าว อย. ตรวจสอบน้ำยายืดผมที่จดแจ้งแล้ว ยืนยันไม่พบการใช้สารฟอร์มาลดีไฮด์และเมทิลีน ไกลคอล เป็นส่วนผสม

    ขอเตือนผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้รับจ้างผลิตห้ามนำสารนี้มาผสมในเครื่องสำอาง หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฎหมาย ผู้ขายต้องระมัดระวังการเลือกซื้อเครื่องสำอางมาจำหน่าย ผู้บริโภคควรซื้อเครื่องสำอางจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ มีหลักแหล่งแน่นอน ผลิตภัณฑ์ต้องมีฉลากภาษาไทย ระบุข้อความครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ เลขที่ใบรับจดแจ้ง ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิตหรือนำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตือน หรือตรวจสอบข้อมูลให้มั่นใจก่อนซื้อว่าเป็นเครื่องสำอางที่จดแจ้งแล้วที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ” หรือทาง Line และ Facebook FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่น่าสงสัยสามารถร้องเรียนที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เรียกคืนยาลดความดันเออบีซาแทน (Irbesartan) บางรุ่นที่พบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็ง
    อย. เรียกเก็บคืนยาลดความดันโลหิตเออบีซาแทน (Irbesartan) เฉพาะบางรุ่นการผลิตที่ใช้วัตถุดิบที่ปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็งเอแซดบีที (Azidomethyl biphenyl tetrazole; AZBT) ขอผู้ป่วยอย่าตื่นตระหนก อย. ยืนยันยารุ่นการผลิตอื่นในท้องตลาดมีความปลอดภัย

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กรณีที่ต่างประเทศมีการเรียกคืนยารักษาโรคความดันโลหิตสูงเออบีซาแทน (Irbesartan) จากบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากพบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็งเอแซดบีทีในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงเร่งให้ผู้ผลิตตรวจสอบและเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่ไม่มีการปนเปื้อน ควบคู่ไปกับการตรวจสอบเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ยาที่จำหน่ายในท้องตลาด โดย อย. เก็บตัวอย่างวัตถุดิบยาทุกแหล่งที่นำมาใช้ในการผลิตยา ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อพบว่ามีวัตถุดิบบางรุ่นที่พบปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็งเกินเกณฑ์สากลที่ยอมรับได้ อย. จึงสั่งให้ผู้รับอนุญาตผลิตเรียกเก็บคืนยาสำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบที่พบการปนเปื้อน และแจ้งเตือนการเรียกเก็บคืนยาไปยังโรงพยาบาล คลินิก และร้านยา ควบคู่กับการประสานให้ผู้รับอนุญาตผลิตชดเชยเปลี่ยนยารุ่นการผลิตอื่นที่ปลอดภัยต่อไป อย่างไรก็ตาม การปนเปื้อนของสารที่อาจก่อมะเร็งดังกล่าวพบเพียงเฉพาะบางรุ่นการผลิตในผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปที่เรียกคืนเท่านั้นโดยรายการยาที่เรียกเก็บคืนสามารถตรวจสอบได้จากเอกสารแนบท้าย

    สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาเออบีซาแทนเพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรหยุดยาทันทีเนื่องจากยารักษาโรคความดันโลหิตสูงเป็นยาที่จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และขอให้ตรวจสอบยาที่ใช้อยู่ หากพบว่าเป็นรุ่นการผลิตที่เรียกเก็บคืน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และขอเน้นย้ำว่าผู้ป่วยยังคงสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ยาเออบีซาแทนยี่ห้อเดิมในรุ่นการผลิตอื่นที่ไม่มีการปนเปื้อนได้ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ email : QA@fda.moph.go.th หรือ โทร 025907405

  • อย. แนะเพิ่มเติมประชาชนที่ใช้ยาเออบีซาแทน (Irbesartan)

    อย. แนะวิธีตรวจสอบรุ่นการผลิตของยาลดความดันเออบีซาแทน พร้อมคำแนะนำหากพบเป็นยารุ่นการผลิตที่ถูกเรียกคืน ย้ำอย่าหยุดยาทันที

    จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียกคืนยาลดความดันเออบีซาแทน (Irbesartan) 42 รุ่น ที่พบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็ง นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ขอชี้แจงเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาเออบีซาแทนเพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูงอยู่ อย. มีคำแนะนำ ดังนี้

    1. ขอให้ตรวจสอบว่ายาเออบีซาแทนที่ใช้อยู่ เป็นรุ่นการผลิตที่ถูกเรียกคืนหรือไม่

    2. หากพบว่าเป็นรุ่นการผลิตที่ถูกเรียกคืน ให้เปลี่ยนยา ณ สถานพยาบาลหรือร้านขายยาที่รับยา

    3. อย่าหยุดรับประทานยาเอง โดยทันที และให้รับประทานยาต่อจนกว่าจะเปลี่ยนยาได้

    ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทร 0 2590 7405

  • อย. เตือนผู้ปกครอง ระวังลูกน้อยได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด

    อย. แนะผู้ปกครอง ระมัดระวังการใช้ยาน้ำลดไข้สำหรับเด็กที่จำหน่ายในท้องตลาด อ่านฉลากและเอกสารกำกับยาให้ละเอียด ลดความเสี่ยงได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด ย้ำประชาชนใช้ยาให้ถูกต้องตามหลักการใช้ยา 5 ถูก
    กรณีที่มีผู้ใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียแชร์โพสต์ซึ่งมีข้อความแนะนำยาน้ำลดไข้สำหรับเด็กพาราเซตามอล ว่าเป็นยาน้ำเด็กที่ควรมีติดบ้านไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินนั้น
    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ยาน้ำสำหรับเด็กที่จำหน่ายในท้องตลาดถึงแม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยาเดียวกันแต่อาจมีขนาดความแรงที่แตกต่างกัน จึงมีความเสี่ยงที่เด็กอาจจะได้รับยาเกินขนาดได้จากความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ ยาน้ำแก้ปวด ลดไข้ พาราเซตามอลมีจำหน่ายหลายความแรง สังเกตจากฉลากซึ่งจะแสดงความเข้มข้นจากน้อยไปมาก ดังนี้ 120 มก./5 มล., 160 มก./5 มล. และ 250 มก./5 มล. (5 มล. = 1 ช้อนชา) ซึ่งแต่ละความแรงมีขนาดรับประทานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ดังนั้น ผู้ปกครองควรอ่านฉลากและเอกสารกำกับยาอย่างละเอียดก่อนใช้ยา เพื่อให้ได้รับขนาดยาที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของเด็ก และป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับยาเกินขนาด
    หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโรคที่ทำให้เกิดไข้ได้หลายโรค อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และโควิด – 19 แต่ละโรคมีความรุนแรงที่แตกต่างกันและมีความซับซ้อนในการประเมินแยกโรคจากอาการที่แสดง ดังนั้น หากใช้ยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้นใน 5 วัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และหากมีอาการผิดปกติซึ่งอาจบ่งบอกถึงการแพ้ยา เช่น บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ หน้ามืด ผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหนังหลุดลอก ให้หยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที
    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ยังคงมุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพของประชาชนและส่งเสริมให้ประชาชนใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ตามหลักการใช้ยา 5 ถูก ได้แก่ ถูกโรค ถูกคน ถูกขนาด ถูกเวลา ถูกวิธี กรณีที่พบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • สธ. เฝ้าระวังต่อเนื่อง สุ่มเก็บตัวอย่างหอยเชลล์ พบยังปลอดภัย

    ยืนยันไม่พบกัมมันตรังสีในอาหารทะเลนำเข้าจากญี่ปุ่น หลัง อย. ลุยตรวจสอบ ปลา ปลาหมึก หอย ปู สาหร่ายกว่า 90 ตัวอย่าง รมว.สาธารณสุขให้ อย. เฝ้าระวังและตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยของประชาชนอย่างเข้มงวด

    จากกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่นมีการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าลงสู่ทะเล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และปล่อยอีกครั้งในรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ทำให้มีความกังวลว่า อาหารทะเลที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นอาจมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ปนมากับน้ำซึ่งปล่อยลงสู่ทะเลตามข่าวที่ได้มีการรายงานก่อนหน้านี้

    ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้าอาหารทะเลจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด โดยมีมาตรการในการเก็บตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และกักสินค้าระหว่างตรวจวิเคราะห์ หากพบสารกัมมันตรังสีจะทำลายสินค้าและระงับการนำเข้าทันที

    รมว.สาธารณสุข ระบุว่า อย. ได้เริ่มดำเนินการเก็บตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน เก็บตัวอย่างไปแล้ว 90 ตัวอย่าง เช่น ปลา ปลาหมึก หอย ปูสาหร่าย เป็นต้น ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณกัมมันตรังสี ซีเซียม-134 (Cs-134) และซีเซียม-137 (Cs137) ที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ล่าสุดได้รับผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารทะเล 80 ตัวอย่าง ยืนยันว่า ไม่พบสารกัมมันตรังสีทุกตัวอย่าง นอกจากนี้ ยังได้เก็บตัวอย่างหอยเชลล์ 15 ตัวอย่าง เป็นหอยเชลล์จากท้องตลาด 10 ตัวอย่าง จากห้างดองกิและร้าน Sen Sen Sushi ประเทศ ไทย 2 ตัวอย่าง และเป็นหอยเชลล์ที่สุ่มเก็บตัวอย่าง ณ ด่านอาหารและยา 5 ตัวอย่าง ไม่พบสารกัมมันตรังสีทุกตัวอย่าง เช่นเดียวกัน

    ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้ อย. ยังดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยสุ่มเก็บตัวอย่างที่มีความเสี่ยงทุกการนำเข้าและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะดำเนินมาตรการอย่างจริงจังและเข้มข้นเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และพร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสาธารณชน โดยสามารถติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดผ่านทางเว็บไซต์ อย. https://www.fda.moph.go.th/home ตลอด 24 ชั่วโมง

  • อย. ตรวจพบเนื้อนมไม่รวมไขมัน ไม่เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนด ในผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4 วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที วันผลิต 05/04/2022 ควรบริโภคก่อน 05/10/2023

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมของสถานที่จำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานคร ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบนมเข้าข่ายเป็นอาหารปลอม โดยฉลากระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร ดีเอชเอ พลัส เอ็มเอฟจีเอ็ม โปร 4 วิท ทู-เอฟแอล เครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที เลขสารบบอาหาร 20-1-03444-5-0019 วันผลิต 05 04 2022 ควรบริโภคก่อน 05 10 2023 ผู้ผลิต บริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด” ผลการตรวจวิเคราะห์พบเนื้อนมไม่รวมไขมันร้อยละ 25.44 ของน้ำหนัก และไขมันร้อยละ 12.30 ของน้ำหนัก (มาตรฐานกำหนดมีเนื้อนมทั้งหมดไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของน้ำหนัก สำหรับผลิตภัณฑ์ของนมชนิดแห้ง) ซึ่งไม่เข้ามาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 352) พ.ศ. 2556 เรื่อง ผลิตภัณฑ์ของนม จัดเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารปลอมตามมาตรา 27 (5) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และ อย. อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป

    หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. สร้างความมั่นใจ ไม่มีสารพิษปลอมปนในยาน้ำสำหรับเด็กจำหน่ายในไทย

    กรณีข่าวพบมีการปลอมปนสารพิษไดเอทิลีนไกลคอล และเอทิลีนไกลคอล ในยาน้ำสำหรับเด็กในประเทศอินโดนีเซีย เป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมาก โดยพบปริมาณการปลอมปนสารพิษสูงถึง 99% อย. ยืนยันไม่พบปัญหาการปลอมปนสารพิษดังกล่าวในผลิตภัณฑ์ยาที่ผลิตและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ

    นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏในข่าวพบมีการปลอมปนสารพิษไดเอทิลีนไกลคอลและเอทิลีนไกลคอลในยาน้ำสำหรับเด็กในประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี พ.ศ.2565 เป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมาก โดยพบปริมาณการปลอมปนสารพิษสูงถึง 99% พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซียเป็นการจงใจปลอมปนสารพิษดังกล่าวในสารโพรไพลีนไกลคอลที่ใช้ในการผลิตยาน้ำให้แก่ผู้ผลิตยาในประเทศอินโดนีเซียและอินเดีย

    สำหรับในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เร่งตรวจสอบยืนยันไม่พบปัญหาการปลอมปนสารพิษดังกล่าวในผลิตภัณฑ์ยาที่ผลิตและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ และไม่พบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัท Afi Farma ซึ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศอินโดนีเซียที่ปรากฏในข่าวว่าพบการปลอมปนสารพิษสูงถึง 99% นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา อย. ได้เก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ยาน้ำสำหรับเด็กที่มีการนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียและอินเดีย โดยผลการตรวจวิเคราะห์ไม่พบมีการปลอมปนไดเอทิลีนไกลคอล และเอทิลีนไกลคอล มาใช้ทดแทนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและสร้างความมั่นใจในการบริโภคยาที่มีการจำหน่ายในประเทศ อย. จะดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาน้ำสำหรับเด็กอย่างต่อเนื่อง โดยกำกับดูแลให้ผู้ผลิตยาต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตและกระจายยา (GMDP) อย่างเข้มงวด รวมถึงการตรวจประเมินสถานที่นำเข้ายาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการกระจายยา (GDP) และระบบการตรวจสอบเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันการปลอมปนสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค

  • อย. เตือน ประชาชนอย่าใช้ชุดตรวจที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว
    อย. เตือน ขอผู้บริโภคตรวจสอบวันหมดอายุของชุดตรวจโควิด-19 บนฉลากก่อนใช้ หากพบว่าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว อย่าใช้ เพื่อป้องกันการเกิดผลตรวจปลอมหรือผลคลาดเคลื่อน

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (US FDA) ได้ขยายวันหมดอายุของชุดตรวจโควิด-19 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก US FDA โดยระยะเวลาที่ขยายออกไปขึ้นอยู่กับรุ่นการผลิต (Lot number) ของชุดตรวจที่ระบุไว้บนกล่อง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจสร้างความสับสนให้กับประชาชน โดยเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ รวมถึงชุดตรวจ ATK ที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศ จะกำหนดให้ผู้ผลิตแสดงวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคนำผลิตภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพหรือไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานไปใช้ การขยายวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตต้องยื่นข้อมูลการศึกษาความคงตัว (Stability test) เพื่อใช้กำหนดอายุการใช้งานหรือวันหมดอายุ (Shelf-life หรือ Expired date) ที่ต้องการขยายจากเดิมนั้นก่อนที่จะมีการให้คำแนะนำในการขยายวันหมดอายุ

    สำหรับชุดตรวจที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยที่ผู้ผลิตมีข้อมูลการศึกษาเพิ่มเติมว่า สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องดำเนินการยื่นคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงต่อ อย. เพื่อพิจารณาข้อมูลว่ามีความสอดคล้องกับวันหมดอายุที่จะขยายเพิ่มหรือไม่ หากข้อมูลสอดคล้อง อย. จะอนุมัติให้ปรับข้อมูลวันหมดอายุที่แสดงบนฉลากเพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาพิจารณาอย่างชัดเจน โดยประชาชนห้ามใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการพิจารณาอายุการใช้งาน ซึ่งเสี่ยงต่อการนำชุดตรวจที่เสื่อมสภาพไปใช้

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า การใช้งานชุดตรวจทางการแพทย์ต่าง ๆ ควรได้รับคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งการเลือกใช้และการแปลผล เพื่อให้สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม รวมทั้งลดโอกาสคลาดเคลื่อนในการแปลผลการทดสอบอีกด้วย

  • อย. จัดอบรมสร้างความเข้มแข็งกำกับดูแล เครื่องมือแพทย์ให้ราชอาณาจักรภูฏาน
    อย. ไทย และราชอาณาจักภูฏาน (Bhutan Food and Drug Authority) ร่วมพัฒนางานด้านสาธารณสุข โดย อย. ได้จัดอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีคณะผู้แทนและเจ้าหน้าที่จาก Bhutan Food and Drug Authority เข้าร่วมอบรม เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของราชอาณาจักภูฏานต่อไป

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการพัฒนาการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ โดยใช้นโยบาย BETTER (BCG Model, E-services, Technology for life, Team Thailand, Empowerment, Rapid response) และ 5S (Speed, Safety, Satisfaction, Supporter, Sustainability) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ สนับสนุนผู้ประกอบการ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้รับบริการ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้ และสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ โดยได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง อย. และ Bhutan Food and Drug Authority ในการจัดอบรมหลักสูตร Medical Device Regulation ให้กับเจ้าหน้าที่จาก Bhutan Food and Drug Authority ซึ่งเป็นการอบรมเกี่ยวกับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทย ทั้งการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ก่อนออกสู่ตลาด รวมถึงการติดตามความปลอดภัยหลังออกสู่ตลาด ทั้งนี้ ราชอาณาจักรภูฏานอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ ดังนั้น การอบรมหลักสูตรดังกล่าวจึงเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ เพื่อนำไปใช้ในพัฒนางานสำหรับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของราชอาณาจักรภูฏานต่อไป

  • อย.ตรวจพบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร หัวปลีผสมขิง และใบเตย ชนิดผง (ตราไออุ่น) ถูกยกเลิกเลขอนุญาตแล้ว แต่ยังพบโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

    พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร หัวปลีผสมขิง และใบเตย ชนิดผง (ตราไออุ่น) เลข อย. 50-2-02147-2-0010 ขายทางออนไลน์ ระบุสรรพคุณ “...ไออุ่น น้ำหัวปลี...กระตุ้นน้ำนม เพิ่มน้ำนม...บำรุงเลือดลดการอักเสบในร่างกาย...มีสารต้านอนุมูลอิสระ...บรรเทาอาการท้องอืด และเวียนศีรษะ...แก้อาการอ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกสดชื่น...ลดฮอร์โมนความเครียด...”

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งระงับโฆษณาและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว และเมื่อตรวจสอบเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว พบสถานะผลิตภัณฑ์ยกเลิกโดยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ 29/5/2566 ทั้งนี้ อย. จะเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดต่อไป หากพบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ฉลากระบุวันผลิตหลังการยกเลิกเลข อย. จะเข้าข่ายการผลิตและจำหน่ายอาหารปลอม ซึ่งผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายจะได้รับโทษจำคุกหรือปรับ และขอเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาบริโภค



    ข้อแนะนำ

    ขอแนะผู้บริโภคว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย. ไม่อนุญาตให้โฆษณาในทำนองที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เตือน อย่าซื้อยาโอเซลทามิเวียร์ปลอม

    เตือนอย่าหลงเชื่อซื้อยาโอเซลทามิเวียร์ ที่มีการจำหน่ายในราคาแพง อย. เร่งปราบปรามดำเนินคดีเชื่อเป็น “ยาปลอม” ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่ รมว.สาธารณสุข ยืนยันยาไม่ขาดแคลน สั่งองค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตและกระจายไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้ว

    ภายหลังจากที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้ออกมาเตือนประชาชนถึงการระบาดหนักของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1, H3N2 และสายพันธุ์ B ที่ระบาดรุนแรงในหลายจังหวัด โดยได้เร่งให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงและเตรียมขยายอายุการได้รับสิทธิฉีดวัคซีนในเด็กจากอายุ 6 เดือน – 2 ปี เป็น 5 ปีนั้น ล่าสุดได้มีประชาชนร้องเรียนมายังกระทรวงสาธารณสุข ถึงประเด็นยาปลอมระบาดหนักในภาคเหนือ โดยเฉพาะยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ โดยมีกระแสข่าวว่าขาดแคลนยาดังกล่าวอย่างหนัก ล่าสุด รมว.สาธารณสุขได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข่าวดังกล่าว ทั้งสถานการณ์การขาดแคลนยาโอเซลทามิเวียร์และปัญหายาปลอมระบาด ยืนยันว่า ไม่ได้มีการขาดแคลนยา โดยขณะนี้ องค์การเภสัชกรรมได้เร่งการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ขนาด 30 และ 45 มิลลิกรัม ได้อย่างเพียงพอ และ กระจายไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้ว ส่วนยาโอเซลทามิเวียร์ขนาด 75 มิลลิกรัม คาดว่าจะสามารถผลิตได้อย่างเพียงพอภายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นทางเลือกในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกทางหนึ่งด้วย

    ส่วนประเด็นยาปลอมที่มีการร้องเรียนว่าระบาดหนักในภาคเหนือมีการขายในราคาแพงนั้น นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า จากการตรวจสอบ พบว่าเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย แต่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่ง อย. ได้สืบหาข้อมูลและเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการปราบปรามรวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมายโดยยาโอเซลทามิเวียร์ที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ขณะนี้มียี่ห้อทามิฟลู (TAMIFLU) ขนาด 75 มิลลิกรัม ของบริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด และยาจีพีโอ-เอ-ฟลู (GPO A-FLU) ขนาด 30 45 และ 75 มิลลิกรัมขององค์การเภสัชกรรม

    สำหรับยาโอเซลทามิเวียร์จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ สามารถใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์เพื่อรับยาโอเซลทามิเวียร์ตามแพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรซื้อยาด้วยตนเองตามร้านขายยาหรือช่องทางอื่น ๆ เพราะอาจได้รับยาที่ไม่ปลอดภัย และยังมีราคาแพงมากอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถสังเกตยาปลอม โดยให้สังเกตเลขทะเบียนยาบนฉลากยา และตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือสายด่วน อย. 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง

  • อย.ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง และ สบส. บุกค้นคลินิกเสริมความงาม ใช้เครื่องสำอางฉีดแทนยา

    วันที่ 22 กันยายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4

    บก.ปคบ., กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย

    นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้น 4 คลินิกเสริมความงามที่ใช้เครื่องสำอางฉีดแทนยา, ยาไม่มีทะเบียน และเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง รวมกว่า 943 ชิ้น

    ด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจพบการโฆษณาเครื่องสำอางที่บรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบแอมพูล/ไวแอล มีการนำไปใช้ผิดวิธี/ผิดวัตถุประสงค์ในคลินิกเสริมความงาม โดยอวดอ้างสรรพคุณ

    ในการบำรุงรักษา, ฟื้นฟูสภาพผิว, ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ฯลฯ อันมีลักษณะการใช้เช่นเดียวกับยารักษาโรค ซึ่งหากฉีดเข้าสู่ร่างกายและเข้าสู่กระแสเลือด อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ด้วยเครื่องสำอางดังกล่าวไม่ได้ผ่านการรับรองการฆ่าเชื้อ และผลิตในเชิงการแพทย์ อีกทั้ง ไม่พบว่าเป็นเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานแพทย์ของรัฐ จึงประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ สบส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เข้าร่วมตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่เข้าข่ายกระทำความผิด

    ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ อย., เจ้าหน้าที่ สบส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เข้าร่วมตรวจสอบสถานพยาบาลคลินิกเสริมความงาม 4 แห่ง ในพื้นที่เขตสวนหลวง, เขตบึงกุ่ม, เขตดุสิต และเขตวังทองหลาง จากการสอบสวนปากคำแพทย์และผู้ช่วยพยาบาล ทั้ง 4 คลินิกให้การว่า เครื่องสำอางของกลางที่ตรวจยึด เป็นเครื่องสำอางที่ได้จดแจ้งเลข อย. ประเภทเครื่องสำอางสำหรับทาผิว/ผิวหน้า โดยไม่ต้องล้างออก แต่ลักษณะขวดผลิตภัณฑ์บรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบไวแอล มีลักษณะขวดแก้วใส มีฝาจุกยาง ปิดฝาขวดด้วยอลูมิเนียม คล้ายขวดยาสำหรับฉีด โดยอ้างว่ามีคุณสมบัติในการบำรุงรักษา, ฟื้นฟูสภาพผิว, ลดฝ้า กระ จุดด้างดำ และริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ฯลฯ อันมีลักษณะผิดวัตถุประสงค์ของเครื่องสำอางที่จดแจ้งไว้ และพบว่ามียาที่ไม่มีทะเบียน เครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบใบประวัติการรักษาของผู้เข้ารับบริการพบว่า มีการตรวจรับรักษาด้วยการฉีดเครื่องสำอางที่ตรวจยึดจริง โดยของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 943 ชิ้น เป็นเครื่องสำอางที่นำมาฉีดกว่า 779 ชิ้น, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยากว่า 109 ชิ้น และเครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง 55 ชิ้น ของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

    หากพบว่ามีคลินิกเสริมความงามทั้ง 4 แห่งกระทำความผิดจริง ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจะมีความผิด

    พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

    1. ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ฝ่าฝืนมาตรา 72 (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

    1. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความสื่อถึงการนำไปฉีดเข้าสู่ผิวหนัง เข้าข่ายเครื่องสำอางที่ห้ามผลิตนำเข้าหรือขาย ฝ่าฝืน ม.6(1) ประกอบ ม.27(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน

    ห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง (solution for injection) ฝ่าฝืน ม.32 (3) ประกอบ ม.22 วรรคสอง (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    3. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความอันเป็นสาระสำคัญไม่ครบถ้วน ฝ่าฝืน ม.32 (4) ประกอบ ม.22 วรรคสอง (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษาและซักถามคลินิกที่เข้ารับบริการว่า ยาและเครื่องสำอางที่ทางคลินิกใช้รักษา มีการขึ้นทะเบียนตำรับยา และเครื่องสำอางได้จดแจ้งกับทาง อย. ถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของคลินิกเสริมความงามและแพทย์ที่นำเครื่องสำอางมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายผู้รับบริการ อาจเสี่ยงทำให้ชีวิตร่างกายของผู้รับบริการเสียชีวิต หรือเกิดอาการเจ็บป่วย อันมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา จึงขอเตือนว่าไม่ควรนำเครื่องสำอางมาฉีดรักษาให้บริการโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนที่พบเห็นการโฆษณาใช้เครื่องสำอางมาฉีดรักษา หรือการโฆษณาเกินจริง สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค

    ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผลร่วมตรวจสอบคลินิกที่โฆษณาและรีวิวในเว็บไซต์มีการนำเครื่องสำอางในขวดรูปแบบยาฉีด (แอมพูล/ไวแอล) ฉีดเข้าร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ ในการผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังเพื่อความสวยงาม โดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่าน อย. แล้ว

    ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเป็นเครื่องสำอางจะไม่มีการประเมินความปลอดภัยจากการใช้กรณีนำไปฉีดหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากเครื่องสำอางจะใช้ทาภายนอก ดังนั้น หากนำเครื่องสำอางไปใช้ผิดวิธีหรือผิดวัตถุประสงค์อาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ อย. ได้มีการเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่พบว่ามีการนำไปใช้ฉีดแล้ว จำนวน 3 ฉบับ และมีการดำเนินคดีผู้โฆษณาจำนวน 12 ราย

    จึงขอเตือนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล ให้ตรวจสอบฉลากและพิจารณาการใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแอมพูล/ไวแอลอย่างละเอียด โดยเฉพาะที่มีการกล่าวอ้างว่า “ผ่าน อย. แล้ว” เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. มีหลายประเภทตามระดับความเสี่ยง กรณีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกาย จัดว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นยา หรือเครื่องมือแพทย์เท่านั้น โดย อย.ได้จัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางที่บรรจุอยู่ในแอมพูล/ไวแอล เผยแพร่ให้ประชาชนเข้าตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ อย. หากพบว่าผลิตภัณฑ์จดแจ้งเป็นเครื่องสำอาง ห้ามนำมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ เพื่อผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังโดยเด็ดขาด และการใช้ยาในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล จะต้องเป็นยาที่ขึ้นทะเบียนตำรับยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้น หากผู้บริโภคพบคลินิกที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
  • การต่ออายุ ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อ.2) และใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักร (อ.7) ประจำปี 2566
    การต่ออายุ ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อ.2) และใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักร (อ.7) ประจำปี 2566

    การต่ออายุ ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อ.2) และใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักร (อ.7) ประจำปี 2566

    ประชาสัมพันธ์
    ใบอนุญาติผลิตอาหาร (อ.2) และ ใบอนุญาตินำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักร (อ.7) ที่มีกำหนดต่ออายุในปี 2566 โปรรับทราบการต่ออายุก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2566
    หรือติดต่อรับบริการของเราก่อนล่วงหน้า 1 เดือน

    อนึ่ง หากพ้นกาหนดเวลาการต่ออายุใบอนุญาตในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 แล้ว ใบสาคัญการขึ้นทะเบียนตารับอาหาร หรือใบสาคัญอนุญาตใช้ฉลากอาหาร หรือใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร แล้วแต่กรณี ที่ได้รับเลขสารบบอาหารไว้นั้น ย่อมสิ้นสภาพตามใบอนุญาตด้วยทุกรายการ

    สนใจทัก Line Official >>> https://line.me/R/ti/p/@828wsyhl?from=page
    หรือโทร ติดต่อ 0970094800 (คุณอาร์ม)

  • อย. เตือน อย่าหลงเชื่อ นม และอาหารเสริม เพิ่มความสูง อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง

    อย. เตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณาเวอร์! ที่นมหรืออาหารเสริมจะช่วยเพิ่มความสูงได้ อย. ไม่เคยอนุญาตให้โฆษณาในลักษณะนี้จากที่มีการเผยแพร่โฆษณา นมเพิ่มความสูง ชื่อ “Hi UP” พบโฆษณาทางเฟซบุ๊กชื่อ “Hiup - ส่วนสูงสำหรับเด็กทารก” และ “HIUP – นมน้ำเหลืองสำหรับเด็กแคระแกรน” เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ

    รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่าจากการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวซึ่ง อย.ได้รายงานเนื้อหาผิดกฎหมายเพื่อปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก และประสานตำรวจกองบังคับการปรามปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว

    รองเลขาฯ อย.กล่าวเพิ่มเติมว่า อย.ไม่เคยอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์อาหารใด ๆ โฆษณาว่าสามารถทำให้โครงสร้างร่างกายมนุษย์เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มความสูงได้ จึงขอเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังอย่าหลงเชื่อโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณหรือคุณประโยชน์ที่เกินความจริงลักษณะนี้ สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานสูงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ การโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงทางสื่อต่าง ๆ ถือเป็นความผิด โดยการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือถ้าเป็นการโฆษณาสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงหรือโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยสามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

  • อย. เผย เส้นก๋วยเตี๋ยว หากใช้ชนิดวัตถุกันเสียตรงตามที่อนุญาต และไม่เกินปริมาณที่กำหนด ยังคงมีความปลอดภัย

    อย. กำกับดูแลการใช้วัตถุกันเสียในอาหารให้เป็นไปตามกฎหมาย หากพบใส่วัตถุกันเสียไม่เป็นไปตามเงื่อนไขหรือเกินปริมาณที่อนุญาต เกิดอันตราย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

    กรณีที่มีการโพสต์ 3 เส้นก๋วยเตี๋ยวเสี่ยงอันตราย ไม่ควรทานบ่อย โดยผลสำรวจของสถาบันอาหารพบว่า เส้นก๋วยเตี๋ยวที่พบสารกันบูดมากที่สุดได้แก่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ และเส้นใหญ่ นั้น เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า วัตถุกันเสียที่อนุญาตให้ใช้ในอาหารประเภทเส้น ได้แก่ กรดเบนโซอิก หรือ กรดซอร์บิก โดยกรดเบนโซอิกให้ใช้ได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในอาหารประเภทเส้นที่มีการให้ความร้อนในกระบวนการผลิต เช่น การนึ่ง ทั้งที่ผ่านและไม่ผ่านการทำแห้ง รวมถึงเส้นแบบกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งจะต้องผ่านวิธีการปรุงก่อนรับประทานอย่างง่าย ๆ และใช้เวลาสั้น เช่น การเติมน้ำร้อน สำหรับกรดซอร์บิกให้ใช้ได้ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยอนุญาตเฉพาะอาหารประเภทเส้นแบบกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งการใช้วัตถุกันเสียเป็นไปตามเงื่อนไขและไม่เกินปริมาณที่อนุญาต ยังคงมีความปลอดภัย ทั้งนี้ อย. มีการเฝ้าระวังเส้นก๋วยเตี๋ยว และอาหารประเภทเส้น เช่น ขนมจีน บะหมี่ เกี๊ยว สปาเก็ตตี้ ที่จำหน่ายในท้องตลาดมาตลอด โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2566 ผลปรากฏว่าไม่ผ่านมาตรฐาน เพียง 9 ตัวอย่าง ซึ่งผู้ผลิต และผู้จำหน่าย ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว โดยผู้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารประเภทเส้น ใช้วัตถุเจือปนอาหาร (วัตถุกันเสีย) ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหากพบปริมาณเกินจนอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือโทษทั้งจำทั้งปรับ

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทเส้นแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีการแสดงฉลาก และมีเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า น้ำหนักสุทธิ วันเดือนปีที่ผลิต และ ควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ และระบุข้อมูลวัตถุกันเสีย สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทเส้นสด ปกติจะเก็บได้ไม่นาน เมื่อซื้อมาแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น และหากมีกลิ่นเหม็นหืน เหม็นเปรี้ยว มีจุดสี ไม่ควรรับประทาน หากสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืน หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยกับนานาชาติ

    อย. เร่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อผู้บริโภคได้รับความปลอดภัย และมุ่งสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ด้วยความสะดวก รวดเร็ว พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นระบบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยกับนานาชาติ

    เมื่อวันที่ (19 กันยายน 2566) ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน Change for the BETTER โดยเปิดเผยว่า งานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการบูรณาการปฏิบัติงาน อย. ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และมุ่งหวังสื่อสารให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศได้ทราบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติที่เปลี่ยนแปลงใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ CHANGE FOR THE BETTER ที่มุ่งเน้นพัฒนาการจัดการและการบริหารด้วยดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่าในเรื่อง การบริการที่ดีกว่า การคุ้มครองผู้บริโภคที่ดีขึ้น การทำงานมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และภาพลักษณ์องค์กรที่ดีขึ้น และยังมีการปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการให้บริการ โดยยึด 3 หลักการ คือ 1. Data Linkage การเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างรัฐต่อรัฐไว้ล่วงหน้าก่อนการนำเข้า เพื่อลดขั้นตอนการตรวจรับรองเอกสาร 2. Trade Facilitation การลดเอกสารที่ใช้ยื่นเพื่อขอผ่อนผันนำเข้า เน้นการตรวจติดตามหลังผ่อนผัน เช่น ออกของด้วยบัตรประชาชนใบเดียว GIP plus 3. Big data การวิเคราะห์ เชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะประวัติการอนุญาต การตรวจปล่อย เพื่อนำมาจัดการความเสี่ยง จัดระบบ GIP lane, Green line โดยภายในงานมีผู้เข้าร่วมงานจากหน่วยงานสถานทูตกว่า 50 ประเทศ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการ จำนวนกว่า 300 คน เข้าร่วมรับฟังปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Thai FDA: look forward to the BETTER” โดย เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินงานของ อย. ยึดหลักตามมาตรฐานสากลที่นานาประเทศให้การยอมรับ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานที่นำ อย. สู่องค์กรดิจิทัล เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจ เน้นความโปร่งใส และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็ง ในการดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อผู้บริโภคปลอดภัย ผู้ประกอบการก้าวไกล ระบบคุ้มครองสุขภาพไทยยั่งยืน

  • อย. เตือน อย่าซื้อนมแม่ที่โพสต์ขายให้ลูกกิน เสี่ยงอันตราย

    อย. เตือน ไม่ควรให้ลูกดื่มนมแม่ที่ซื้อมา เสี่ยงอันตรายที่คาดไม่ถึง หากไม่สามารถให้นมลูกเองได้จำเป็นต้องได้รับการบริจาคนมแม่ จะต้องได้รับผ่านธนาคารนมแม่ที่มีกระบวนการคัดกรองโรคและฆ่าเชื้อนมที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

    จากกรณีกระแสการโพสต์ขายนมแม่ อาจเสี่ยงติดเชื้อโรค เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การส่งเสริมให้ดื่มนมแม่นั้นเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่มีประโยชน์สูง สำหรับเด็กปกติสนับสนุนให้เด็กดื่มนมแม่ตนเอง หากจำเป็นต้องได้รับการบริจาคนมแม่จะต้องได้รับผ่านธนาคารนมแม่ ซึ่งผู้ที่นำนมแม่มาบริจาค จะมีขั้นตอนการคัดกรองที่มีคุณภาพมาตรฐาน เนื่องจากในนมแม่อาจพบเชื้อก่อโรค หรือสารอันตรายต่าง ๆ จากผู้เป็นแม่ได้ ตัวอย่างเช่น เชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ สารเสพติด หรือยาบางชนิด โดยธนาคารนมแม่จะมีการคัดกรองเชื้อโรค และสารอันตรายต่าง ๆ มีการควบคุมคุณภาพของน้ำนมที่ได้มาตรฐานเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียที่ส่งผลต่อสุขภาพของทารก ทั้งนี้ อย. ไม่เคยมีการอนุญาตผลิตหรือนำเข้านมแม่เพื่อขายในลักษณะแบบนี้ จึงขอเตือนว่าไม่ควรซื้อขายนมแม่ไม่ว่าโดยวิธีการใด และไม่ควรให้ลูกดื่มนมแม่ที่ซื้อมา เสี่ยงอันตราย ทำให้ลูกเจ็บป่วย และหากพบมีการจำหน่ายลักษณะแบบนี้ ผู้ผลิต หรือผู้ขายจะมีความผิดฐานผลิตหรือขายอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมน้อยหรือมีปัญหาเรื่องการให้นมแม่ สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่ คลินิกนมแม่ ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน

    หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข

  • อย. เผย ผลตรวจวิเคราะห์อาหารทะเลจากญี่ปุ่น ปลอดสารกัมมันตรังสี
    อย. เผยผลตรวจวิเคราะห์อาหารทะเลจากประเทศญี่ปุ่น ไม่พบปริมาณกัมมันตรังสีเกินเกณฑ์มาตรฐาน และเฝ้าระวังติดตามข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเข้มงวด ไม่ให้อาหารทะเลปนเปื้อนกัมมันตรังสีเล็ดลอดเข้ามาในประเทศ ขอให้ผู้บริโภควางใจ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้าอาหารทะเลจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ได้รับข้อมูลการปล่อยน้ำปนเปื้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะลงสู่ทะเล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 โดยดำเนินการเก็บตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงไปแล้ว 75 ตัวอย่าง เช่น ปลาหมึก หอย ปู เป็นต้น ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณกัมมันตรังสี ซีเซียม-134 (Cs-134) และซีเซียม-137 (Cs-137) ที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากซีเซียมเป็นสารกัมมันตรังสีหลักที่ปล่อยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สู่สิ่งแวดล้อม ผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารทั้งหมด 42 ตัวอย่าง ไม่พบปริมาณกัมมันตรังสีเกินเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และอีก 33 ตัวอย่าง ยังอยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ โดย อย. ได้กักสินค้าระหว่างตรวจวิเคราะห์ หากไม่พบสารกัมมันตรังสี จะสามารถนำสินค้าไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ แต่หากตรวจพบสารกัมมันตรังสีจะทำลายสินค้าและระงับการนำเข้าทันที

    ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและวางใจในการดำเนินงานของ อย. ซึ่งมีการเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลทั้งจากในและต่างประเทศอย่างเข้มงวดเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย อนึ่ง หาก อย. พบผลิตภัณฑ์อาหารใดที่เป็นอันตราย จะประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบทันที และหากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์อาหารใดสงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เตือน อย่าซื้อขนมรูปแบบโรลออน ลักลอบนำเข้า เสี่ยงอันตราย

    พบขนมรูปแบบโรลออน ที่ไม่ได้รับอนุญาต วางขายทั่วไปโดยเฉพาะตามหน้าโรงเรียน เตือนว่าไม่ควรซื้อมารับประทาน เป็นของลักลอบนำเข้าเสี่ยงได้รับอันตราย ทั้งผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายมีความผิดตามกฎหมาย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผย ขนมเด็กที่มีลักษณะแปลกใหม่ เพื่อดึงดูดการขายในเด็กวัยเรียน มักจะมีสีสันสดใส กลิ่นรสแปลกใหม่ หรือบรรจุในภาชนะรูปแบบต่าง ๆ เพื่อดึงความสนใจเด็ก ๆ ล่าสุดพบขนมบรรจุในขวดมีหัวเป็นลูกกลิ้ง หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า โรลออน พบวางจำหน่ายใกล้โรงเรียน หรือจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้า ไม่ได้รับอนุญาต จุดสังเกตคือ ไม่มีฉลากภาษาไทยและ ไม่มีเลข อย. ไม่ทราบสูตรส่วนประกอบหรือส่วนผสม ไม่มีผู้นำเข้า จึงขอเตือนว่าไม่ควรซื้อมารับประทาน เสี่ยงได้รับสารที่อาจเป็นอันตราย หรือใช้วัตถุกันเสีย สี วัตถุแต่งกลิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด หรือ มีสารปนเปื้อนจากการผลิต และภาชนะบรรจุที่ไม่ได้มาตรฐาน

    ทั้งนี้ ขนมที่ได้รับอนุญาต ต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต และควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ และข้อมูลการแต่งกลิ่น และวัตถุเจือปนอาหาร เช่น สี วัตถุกันเสีย และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล หากพบขนมรูปแบบโรลออน วางขายโดยไม่ขออนุญาตนำเข้า ทั้งผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายจะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และเมื่อตรวจวิเคราะห์แล้วพบใช้วัตถุเจือปนอาหารไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และกรณีพบว่าภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารไม่มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

  • ความรู้ อย. รู้จัก ไซยาไนด์ สารพิษอันตรายถึงชีวิต
    ไซยาไนด์ (cyanide) เป็นสารที่นำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำ เหมืองเงิน และอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลาสติก เป็นต้น สามารถพบได้หลายรูปแบบ ได้แก่

    1. เกลือของไซยาไนด์ ได้แก่ โซเดียมไซยาไนด์ (sodium cyanide) และโพแทสเชียมโชยาไนด์ (potassium cyanide) ซึ่งเป็นของเข็ง มีลักษณะเป็นผงสีขาว ละลายน้ำได้ดี มีกลิ่นคล้ายอัลมอนด์ (bitter almond-likeodor)

    2. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (hydrogen cyanide) มีลักษณะเป็นของเหลวใสหรือสีน้ำเงินจางๆ ที่อุณหภูมิห้อง

    และที่อุณหภูมิสูงจะเป็นก๊าซไม่มีสี

    ไซยาไนด์เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูง หากได้รับจะเริ่มมีอาการปวดศีรษะ ใจสั่น หน้าแดง หมดสติ ชัก และอาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 10 นาที โดยยาต้านพิษไซยาไนด์ในประเทศไทยมี 2 รายการ ได้แก่ ยาฉีดโซเดียมไนไตรท์ (Sodium nitrite) และยาฉีดโซเดียมไทโอซัลเฟต (Sodium thiosulfate) เป็นยาในโครงการของยาต้านพิษของศูนย์พิษวิทยา ซึ่งมีเพียงพอที่ส่งให้กับโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ โดยการจะต้านพิษไซยาไนด์ได้ ต้องได้รับยาต้านพิษอย่างทันท่วงทีภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

    - หากไซยาไนด์สัมผัสกับผิวหรือเสื้อผ้า ให้ใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว อย่าให้ถูกผิวส่วนอื่น โดยวิธีนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนไซยาไนด์ ไม่ไปสัมผัสกับผิวหนัง แล้วล้างทำความสะอาดผิวด้วยน้ำและสบู่ และรีบนำส่งโรงพยาบาล

    - หากสัมผัสทางดวงตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาอย่างน้อย 10 นาที และรีบนำส่งโรงพยาบาล

    - หากมีการสูดดมและรับประทาน ในกรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ “ห้ามใช้วิธีเป่าปาก”เพื่อป้องกันผู้ช่วยเหลือได้รับพิษ

    สารกลุ่มไซยาไนด์จัดเป็นวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยเกลือของไซยาไนด์ที่ละลายน้ำได้ (soluble cyanide salts) และไฮโดรเจนไซยาไนด์ (hydrogen cyanide) ห้ามนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข (จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ในการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง)

  • อย. แจ้งเตือนความปลอดภัยการใช้เครื่องช่วยหายใจ Trilogy Evo, Trilogy Evo O2, Trilogy EV 300
    อย. แจ้งเตือนความปลอดภัยให้ใช้ตัวกรองและตั้งค่าแจ้งเตือนของเครื่องช่วยหายใจ Trilogy Evo, Trilogy Evo O2, Trilogy EV 300 ผลิตโดย บริษัท Philips Respironics หลังพบฝุ่นและสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อมเข้าท่ออากาศ อันตรายอาจทำให้เกิดภาวะเลือดขาดออกซิเจน

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรายงานแจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัยในการใช้เครื่องช่วยหายใจ Trilogy Evo, Trilogy Evo O2, Trilogy EV 300 ผู้ผลิต บริษัท Philips Respironics โดยให้ใช้ตัวกรอง (particular filter หรือ air - inlet filter) รวมทั้งตั้งค่าแจ้งเตือน เนื่องจากตรวจพบฝุ่นและสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อมในเส้นทางลมของอุปกรณ์จากการสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน เช่น ฝุ่นและสิ่งสกปรกนำไปสู่การสะสมที่อาจปิดกั้นช่องระบายอากาศ และทำให้อุปกรณ์หยุดส่งแรงดันลมในปริมาณที่เหมาะสมหรือการไหลของอากาศ หากเครื่องช่วยหายใจไม่สามารถช่วยหายใจได้ในระดับที่เหมาะสม ผู้ป่วยอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ และอาจมีการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือแรงดันก๊าซอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้

  • ความรู้ อย. รู้ก่อน..ฉีดฟิลเลอร์
    ปัจจุบันถ้าพูดถึง ฟิลเลอร์ (Filler) คงไม่มีใครไม่รู้จัก โดยเฉพาะสาวๆ หลายคน ก็เคยผ่านการฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า ฟิลเลอร์คืออะไรกันแน่ และมีผลข้างเคียงยังไงบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ ไปดูกันเลย

    ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อเติมเต็มหรือลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้มร่องน้ำหมาก โหนกแก้ม หน้าผาก ใต้ตา จมูก คาง ริมฝีปาก ทำให้ร่องและริ้วรอยดูตื้นขึ้น ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง อวบอิ่ม แลดูอ่อนวัย

    ผลข้างเคียงที่อาจพบจากการฉีดฟิลเลอร์ คือ

    1. มีอาการคัน ปวด บวม ตึง แดงร้อนบริเวณที่ฉีด

    2. ผิวหนังฟกช้ำ ห้อเลือด

    3. ผิวหนังติดเชื้อ

    4. พบก้อนบริเวณที่ฉีด

    5. ผิวหนังบริเวณที่ฉีดดูขาวขึ้น หรือคล้ำลง

    6. แพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของฟิลเลอร์

    7. เส้นเลือดอุดตัน และอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อตาย หรือตาบอด

    การฉีดฟิลเลอร์ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ดังนั้น หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังประจำอยู่ และฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ อย. เท่านั้นโดยสามารถตรวจสอบรายชื่อฟิลเลอร์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์”หรือตรวจสอบได้ที่ Line: @FDATHAI

  • ความรู้ อย. กินเค็มมาก เสี่ยงไม่รู้ตัว

    ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ติดรสเค็มโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากพฤติกรรมชอบเติมเครื่องปรุงรสโดยเฉพาะ น้ำปลาเกลือ ซอสปรุงรส ผงชูรส อีกทั้งชอบรับประทานอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป และขนมกรุบกรอบ ที่อาหารเหล่านี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

    โซเดียม คือเกลือแร่ที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ ช่วยกระจายตัวของน้ำในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควบคุมสมดุลของกรด-ด่าง ควบคุมการเต้นของหัวใจและชีพจร มีผลต่อความดันโลหิตและการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งโซเดียมเป็นเกลือแร่ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่เราจะได้รับโซเดียมจากอาหารที่กินเข้าไป ดังนั้น การกินอาหารที่มีรสเค็มมากเป็นประจำ อาจทำให้ได้รับโซเดียมในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมา เช่น

    1. ความดันโลหิตสูง

    2. โรคไตเรื้อรัง

    3. โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

    4. โรคหัวใจและหลอดเลือด

    เราสามารถควบคุมปริมาณโซเดียมง่าย ๆ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ปรุงรสตามใจชอบ หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง/แช่อิ่ม อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ขนมกรุบกรอบ และเบเกอรี หากจำเป็นต้องกิน ควรอ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง แล้วเลือกอาหารที่มีโซเดียมน้อยที่สุด หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เป็นทางเลือกที่จะช่วยลดและควบคุมปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารนั้น โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กำหนดมาตรฐานว่า ควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัมต่อวัน หากเกินกว่าปริมาณนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคได้แล้ว

  • สุดปัง ! อย. คว้ารางวัลคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐดีเด่น

    อย. คว้ารางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 จาก ก.พ.ร. 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ระดับดีเด่น รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ระดับก้าวหน้า (Advance) และรางวัลบริการภาครัฐ พัฒนาการบริการ ระดับดี สุดปลื้ม ได้รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐครบทุกหมวดแล้ว พร้อมขับเคลื่อนองค์กรต่อไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อผู้บริโภคปลอดภัย ผู้ประกอบการก้าวไกล ระบบคุ้มครองสุขภาพไทยยั่งยืน

    นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการนำเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) มาดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของบุคลากรภายในองค์กร ทำให้ อย. ได้รับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) อย่างต่อเนื่อง สำหรับในปี 2566 นี้ อย. สุดภาคภูมิใจที่สามารถคว้ารางวัลคุณภาพดังกล่าวได้ถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ระดับดีเด่น และ รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ระดับก้าวหน้า (Advance) รวมทั้ง รางวัลบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการ ระดับดี จากผลงาน “อย. ของ่ายได้ที่บ้าน (FDA Smart Licensing)” ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบการทำงานที่ อย. นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้รับบริการที่มาติดต่อขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ

    ทั้งนี้ อย. ได้รับรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐครบทุกหมวดแล้ว ได้แก่ 1. การนำองค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคม 2. การวางแผนยุทธศาสตร์ฯ 3. การมุ่งเน้นผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4. การวัด วิเคราะห์และจัดการความรู้ 5. การบริหารทรัพยากรบุคคล 6. กระบวนการคุณภาพและนวัตกรรม โดย อย. ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านกลไก “BETTER” (BCG Model, E-service, Technology for Life, Team Thailand, Empowerment และ Rapid Response) ซึ่งประกอบด้วยแนวทางหลัก เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพไทย การอนุญาตผลิตภัณฑ์ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส ได้มาตรฐานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างทีมประเทศไทยด้วยการบูรณาการการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค รวมทั้งการยกระดับการเฝ้าระวัง การจัดการความเสี่ยงและการเตือนภัยที่ทันเหตุการณ์ เป็นต้น เพื่อมุ่งสู่ผลสำเร็จสูงสุดในการทำให้ผู้บริโภคปลอดภัย ผู้ประกอบการก้าวไกล ระบบคุ้มครองสุขภาพไทยยั่งยืน

  • อย. ให้ความรู้ ผลิตภัณฑ์กันยุงกับเด็กเล็ก

    ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนหรือนั่งตรงไหน จะมืดหรือสว่างก็มักจะมียุงตามมากัดจนน่ารำคาญ ซ้ำร้ายก็อาจจะทำให้เราต้องเจ็บป่วยเพราะยุงเป็นพาหะก่อให้เกิดโรคหลายโรค เช่น โรคไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย โรคชิคุนกุนย่า ดังนั้น การป้องกันยุงกัดจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ในบทความนี้จึงขอแนะนำผลิตภัณฑ์กันยุงสำหรับเด็กเล็กเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณพ่อคุณแม่กัน

    ก่อนอื่นมาทำความรู้จักสารออกฤทธิ์ในสเปรย์หรือยาทากันยุงกันก่อน ซึ่งโดยทั่วไปครีม โลชัน หรือสเปรย์กันยุงนั้นจะใช้สารออกฤทธิ์ที่ไม่แตกต่างกัน อาทิ ดีอีอีที (DEET), อิคาริดิน (Icaridin), เอทิลบิวทิลอะซีทิลอะมิโนโพรไพโอเนต (Ethyl butylacetyl aminopropionate) หรืออีกชื่อคือ ไออาร์ 3535 (IR 3535) ซึ่งสารออกฤทธิ์แต่ละชนิดจะมีข้อแนะนำการใช้ในเด็กที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก ชนิด และความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ ดังนี้

    - ดีอีอีที (DEET) ให้ใช้ในเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป

    - อิคาริดิน (Icaridin)ให้ใช้ในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป

    - ไออาร์ 3535 (IR 3535)ให้ใช้ในเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป

    - น้ำมันตะไคร้หอม (Citronella oil) ให้ใช้ในเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป

    - น้ำมันยูคาลิปตัส (Eucalyptus oil) ให้ใช้ในเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป

    สำหรับผลิตภัณฑ์กันยุงที่มีน้ำมันหอมระเหย หรือสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นสารออกฤทธิ์ไล่ยุงนั้น ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อย. เช่น น้ำมันยูคาลิปตัส (ยกเว้นผลิตภัณฑ์กันยุงที่มีน้ำมันตะไคร้หอม หรือ Citronella oil เป็นสารออกฤทธิ์) ดังนั้นในการเลือกผลิตภัณฑ์กันยุงที่มีน้ำมันตะไคร้หอมเป็นสารออกฤทธิ์ ควรเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ฉลากแสดงเลขที่รับแจ้ง และสำหรับผลิตภัณฑ์กันยุงที่มีสารดีอีอีที, อิคาริดิน, ไออาร์ 3535 เป็นสารออกฤทธิ์ไล่ยุง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ฉลากแสดงเลขทะเบียน อย. วอส. ในกรอบเครื่องหมาย อย. และควรอ่านฉลากก่อนใช้ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด

    อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์กันยุง ควรใช้ในกรณีที่ความจำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นประจำ และไม่ควรใช้ในปริมาณมาก สำหรับการใช้ในเด็กให้ดูที่คำเตือนบนฉลากผลิตภัณฑ์ว่าห้ามใช้ในเด็กอายุเท่าใด ทั้งนี้ ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงในเด็กทารก แต่ควรใช้วิธีป้องกันยุงด้วยวิธีอื่น เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่ถุงเท้า กางมุ้ง แต่หากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงกับเด็ก ผู้ใหญ่ควรดูแลการใช้ผลิตภัณฑ์กันยุง ไม่ควรให้เด็กทาหรือพ่นสเปรย์กันยุงเอง ที่สำคัญหลังจากใช้งานเสร็จ หรือกลับมาอยู่ในห้องแล้วควรล้างผิวบริเวณที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด

  • อย. ตรวจพบ 3 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ถูกยกเลิกเลขอนุญาตแล้ว แต่ยังพบโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

    อย.เฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่ออีมาร์เก็ตเพลส พบผลิตภัณฑ์ 3 รายการ โฆษณาบนเว็บไซต์ออนไลน์ ได้แก่

    1. มิกซ์ออยล์ ออริจิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ตรา วีริช) เลขสารบบอาหาร 70-1-27160-5-0205 ระบุสรรพคุณ “...ควบคุมระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล...ต่อต้านอนุมูลอิสระ...บรรเทาอาการวัยทองทั้งปวง บำรุงสายตา กระดูก เล็บ และเส้นผม บำรุงประสาทและสมอง ช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น...”

    2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอร์เช่ เลขสารบบอาหาร 13-1-12560-5-0044 ระบุสรรพคุณ “...เร่งเผาผลาญไขมัน...ลดหิว...ดักจับไขมัน ลดไขมันสะสม...ลดคอเลสเตอรอล...”

    3. ยูเอส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) เลขสารบบอาหาร 76-1-17557-5-0135 ระบุสรรพคุณ “...เผาผลาญง่าย สลายไขมัน เอวเป๊ะปัง!! ...ช่วยลดความอยากอาหาร ลดการกินจุกจิก...เปลี่ยนหุ่นหมู เป็นหุ่นเพรียว...ไม่ใจสั่น ไม่ดีด ไม่ปากแห้ง ไม่โยโย่...”

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งระงับโฆษณาและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว และเมื่อตรวจสอบเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ พบสถานะผลิตภัณฑ์ยกเลิกโดยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ 27/6/2566, 14/9/2565 และ 18/10/2564 ตามลำดับ ทั้งนี้ อย. จะเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดต่อไป หากพบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ฉลากระบุวันผลิตหลังการยกเลิกเลข อย. จะเข้าข่ายการผลิตและจำหน่ายอาหารปลอม ซึ่งผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายจะได้รับโทษจำคุกหรือปรับ และขอเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาบริโภค

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะผู้บริโภคว่าก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่www.fda.moph.go.thหรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook :FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย. ไม่อนุญาตให้โฆษณาในทำนองที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคหรือลดน้ำหนัก แต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ความรู้ อย. นมเปรี้ยว ของดีมีประโยชน์
    นมเปรี้ยว (Fermented milk) คือ ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากน้ำนมสัตว์ที่นำมาบริโภคได้ หรือส่วนประกอบของน้ำนมที่ผ่านการทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคแล้วหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค หรืออันตราย และอาจปรุงแต่งกลิ่นรส สี หรือเติมวัตถุเจือปนอาหาร สารอาหาร หรือส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่นม เช่น จุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งใช้ในอาหารก็ได้

    นมเปรี้ยว แบ่งตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่ายในประเทศไทยได้ 2 ชนิด คือ นมเปรี้ยวที่มีลักษณะเป็นน้ำคล้ายเครื่องดื่มหรือชนิดพร้อมดื่ม และนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเหลวข้นที่เรียกว่า โยเกิร์ต นมเปรี้ยวจะมีสารอาหารบางชนิดน้อยกว่านมสดโดยจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักนมเปรี้ยวจะย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนมผู้บริโภคจึงได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่มีอยู่ในนม รวมทั้งเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิตในผลิตภัณฑ์อย่างไรก็ตาม หากรับประทานนมเปรี้ยวมากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจเป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้ จากน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบของนมเปรี้ยว ดังนั้นก่อนเลือกซื้อ ผู้บริโภคควรพิจารณารายละเอียดข้อความบนฉลากภาษาไทยของผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิตหรือหมดอายุ และสูตรส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ควรอ่านฉลากโภชนาการให้ละเอียดและเพื่อเป็นการควบคุมปริมาณน้ำตาลจึงควรเลือกซื้อนมเปรี้ยวที่มีสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” ซึ่งหลักเกณฑ์ของผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว (ชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลวและชนิดพร้อมดื่ม) จะกำหนดปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ≤ 5 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ยกเว้นหากหนึ่งหน่วยบริโภคมีปริมาณมากกว่า 150% ของหน่วยบริโภคอ้างอิง (150 มิลลิลิตร) ต้องมีน้ำตาลทั้งหมดไม่เกิน 11.25 กรัม


  • อย. เตือนเด็กไม่ควรกินเยลลี่ผสมกัญชา
     จากกรณีเพจดังพบเด็ก 4 ขวบถูกพาส่ง รพ. หลังพบกินเยลลี่มีส่วนผสมของกัญชาที่ลักลอบนำเข้ามาเภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ห่วงใยผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กไม่ควรรับประทาน ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายจัดเป็นอาหารที่ต้องได้รับอนุญาตเลขสารบบอาหาร ซึ่งต้องผ่านการประเมินความปลอดภัย โดยมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค (THC ต้องไม่เกิน 1.6 มิลลิกรัมต่อขวด/กล่อง/ซอง) และเข้มงวดในการพิจารณาสูตรส่วนประกอบ รวมทั้งผลตรวจพิสูจน์ปริมาณ THC กำหนดให้ฉลากผลิตภัณฑ์แสดงข้อแนะนำการบริโภคเพื่อความปลอดภัย เช่น" ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 2 หน่วยบรรจุ (ขวด/กล่อง/ซอง)" และแสดงข้อความคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ได้แก่ “เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน” “หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที” “ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสาร THC หรือ CBD ควรระวังในการรับประทาน” จึงขอเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน ห้ามเด็กกินเยลลี่ผสมกัญชาที่ลักลอบนำเข้า เสี่ยงอันตราย โดยสังเกตบนซองขนมไม่มีฉลากภาษาไทย พบภาพสัญลักษณ์ หรือข้อความเกี่ยวกับกัญชา เช่น ภาพใบกัญชา ข้อความ Canabis หรือ CA หรือ THC

    เยลลี่กัญชาที่ผลิตในต่างประเทศชื่อ Trolli SOUR watermelon SHARKS เป็นอาหารที่ห้ามนำเข้า หากพบการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท โดย อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกันเฝ้าระวังทั่วประเทศ ซึ่งหากพบการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทันที และหากสงสัยว่า มีการกระทำฝ่าฝืน หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.แจ้งไม่มีการนำเข้า/วางจำหน่ายนมผงปนเปื้อน เชื้อครอโนแบคเตอร์ซากาซากิ ในไทย

    อย. ตรวจสอบแล้วผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารกที่ USFDA แจ้งเตือนให้ผู้ผลิตเรียกคืน เนื่องจากพบเชื้อครอโนแบคเตอร์ซากาซากิ ไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ขอผู้บริโภควางใจ อย. มีการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์นมและอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กอย่างเข้มงวด

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากข่าวองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้แจ้งให้ผู้ผลิตนมผงสำหรับทารกเรียกคืน 3 ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเชื้อครอโนแบคเตอร์ ซากาซากิ (Cronobacter sakazakii) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ByHeart Whole Nutrition Infant Formula, Milk Based Powder with Iron for 0-12 months ผลิตภัณฑ์ Gerber® Good Start® SootheProTM Powdered Infant Formula และ ผลิตภัณฑ์ ProSobee Simply Plant-Based Infant Formula รุ่นการผลิตที่มีการเรียกคืนตรวจสอบได้ที่คิวอาร์โค้ดนี้

    จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่าไม่มีการนำเข้าและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนดังกล่าว ขอให้ผู้บริโภควางใจ เนื่องจาก อย. มีมาตรการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวด และตรวจสอบเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่าย รวมทั้งติดตามรายงานสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของอาหารในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด

    ผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อครอโนแบคเตอร์ ซากาซากิ ซึ่งจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน จะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ จะมีโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    หากสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืน หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ความรู้ อย. ยากับภาวะ “ความดันโลหิตสูง”

    พูดถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สำหรับบางคนต้องรักษาด้วยยาเป็นหลัก และมักต้องใช้ยาหลายชนิดในการรักษา รวมถึงต้องใช้ติดต่อเป็นเวลานาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นอีกหนึ่งในโรคที่ต้องใช้ยาในการรักษาหากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น

    การใช้ยาลดความดันโลหิตแพทย์จะพิจารณาจากค่าความดันโลหิต เฉลี่ยที่วัดได้จากสถานพยาบาล รวมถึงโรคร่วมและระดับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด ของแต่ละบุคคล การใช้ยาจึงต้องผ่านการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เท่านั้น ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต และควรทำความเข้าใจในการใช้ยา ดังนี้
    1. ทำความเข้าใจข้อมูลของตัวยาที่ได้รับ ทั้งชื่อยา ขนาดยา รูปแบบยา วิธีการรับประทานยา การเก็บรักษา โดยมีข้อที่ควรทราบเกี่ยวกับการรับประทานยา คือ ควรรับประทานยาต่อเนื่องทุกวันให้ตรงเวลา หากลืมรับประทานยา และนึกขึ้นได้เมื่อใกล้มื้อถัดไป ให้รับประทานยาของมื้อนั้น โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ห้ามหักแบ่ง บด เคี้ยวยาที่มีการปลดปล่อยตัวยารูปแบบพิเศษให้ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวยา เนื่องจากทำให้รูปแบบการปลดปล่อยตัวยาพิเศษเสียไป และทำให้ได้รับยาเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่สูงมากในครั้งเดียว ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามกับแพทย์หรือเภสัชกรให้ชัดเจน

    2. จดจำอาการข้างเคียงจากยา ซึ่งบางครั้งอาจมีคำเตือนที่ซองยา โดยยาลดความดันโลหิตส่วนใหญ่อาจทำให้วูบ ความดันตกขณะเปลี่ยนท่าทาง หน้ามืด ซึ่งอาจเกิดได้กับคนที่รับประทานยา นอกจากนี้อาจพบอาการข้างเคียงเฉพาะของแต่ละตัวยา เช่น ไอแห้งเรื้อรัง เท้าบวม ปัสสาวะบ่อย หอบหืดกำเริบ เป็นต้น โดยให้มาพบแพทย์ก่อนนัด แต่ห้ามหยุดหรือลองปรับลดขนาดยาเอง
    3. เพื่อป้องกัน “ยาตีกัน” หรือ “ปฏิกิริยาระหว่างยา” ไม่ว่าจะกับยาด้วยกันเอง อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาอื่นร่วมด้วยทุกครั้ง
    ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีผลกับยาลดความดัน

    ยาลดความดันโลหิต

    ยาอื่น/อาหาร/สมุนไพร

    ผลกระทบ

    Felodipine

    น้ำส้มโอ

    ทำให้ระดับยาในกระแสเลือดสูงขึ้น

    Methyldopa

    ธาตุเหล็ก

    ลดการดูดซึมยา Methyldopa ทำให้ออกฤทธิ์ลดความดันได้น้อยลง

    Enalapril , Amlodipine

    บัวบก

    ทำให้ระดับยาลดความดันทั้ง 2 ชนิดในเลือดสูงขึ้น เพิ่มผลข้างเคียงหรือพิษจากยาลดความดัน

    Thiazide

    มะขามแขก

    เมื่อใช้ติดต่อเป็นเวลานานทำให้โพแทสเซียมในเลือดต่ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง

    Verapamil , Diltiazem

    Cimetidine
    (ยารักษาโรคกระเพาะ)
    ลดการสลายของยาที่ตับ เกิดการสะสมของยาลดความดัน



    4. ยาบางชนิดอาจเป็นสาเหตุให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาแก้คัดจมูก ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นต้น โดยผู้ที่รับประทานยาลดความดันโลหิต ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเข้ารับการรักษาทุกครั้ง เพื่อพิจารณาเลือกใช้ยาที่เหมาะสม
    5. ในกรณีที่ยาหมดแต่ไม่สะดวกไปโรงพยาบาลหรือเลื่อนนัด ควรหาซื้อยาจากร้านขายยาที่มีเภสัชกร ให้คำแนะนำและดูตัวยาที่ตรงกันให้ พร้อมนำแผงและซองยาเก่าไปด้วย ไม่ควรปล่อยให้ขาดยาหรือหยิบยืมยาคนอื่นมาใช้ เนื่องจากยาบางอย่างมีรูปแบบแผงคล้ายกัน อาจทำให้สับสน ได้รับยาผิดชนิดหรือผิดขนาดได้

  • อย. ห่วยใย กินเค็มมาก เสี่ยงไม่รู้ตัว
    ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ติดรสเค็มโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากพฤติกรรมชอบเติมเครื่องปรุงรสโดยเฉพาะ น้ำปลาเกลือ ซอสปรุงรส ผงชูรส อีกทั้งชอบรับประทานอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป และขนมกรุบกรอบ ที่อาหารเหล่านี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

    โซเดียม คือเกลือแร่ที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ ช่วยกระจายตัวของน้ำในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควบคุมสมดุลของกรด-ด่าง ควบคุมการเต้นของหัวใจและชีพจร มีผลต่อความดันโลหิตและการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งโซเดียมเป็นเกลือแร่ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่เราจะได้รับโซเดียมจากอาหารที่กินเข้าไป ดังนั้น การกินอาหารที่มีรสเค็มมากเป็นประจำ อาจทำให้ได้รับโซเดียมในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมา เช่น

    1. ความดันโลหิตสูง

    2. โรคไตเรื้อรัง

    3. โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

    4. โรคหัวใจและหลอดเลือด

    เราสามารถควบคุมปริมาณโซเดียมง่าย ๆ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ปรุงรสตามใจชอบ หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง/แช่อิ่ม อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ขนมกรุบกรอบ และเบเกอรี หากจำเป็นต้องกิน ควรอ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง แล้วเลือกอาหารที่มีโซเดียมน้อยที่สุด หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เป็นทางเลือกที่จะช่วยลดและควบคุมปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารนั้น โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กำหนดมาตรฐานว่า ควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัมต่อวัน หากเกินกว่าปริมาณนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคได้แล้ว

  • อย. จับมือกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดีย สร้างความปลอดภัยอาหารของทั้งสองประเทศ

    อย. ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดีย แลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย และส่งเสริมภาคธุรกิจให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

    25 สิงหาคม 2566 เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้การต้อนรับ Mr. Sanoj Kumar Jha, รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดีย (Additional Secretary, Ministry of Food Processing Industry), Mr. Dharmendra Singh, First Secretary (Economic & Commercial) สถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย และ Ms. Aayushi Bhatia, Senior Investment Specialist, Invest India เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร การสนับสนุนจากภาครัฐแก่ผู้ประกอบการด้านอาหารแปรรูป รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือด้านอาหารระหว่างสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนไทยและอินเดียได้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความปลอดภัยและเกิดความมั่นใจในคุณภาพความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในประเทศไทยและอินเดีย

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวว่า ไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) โดยไทยและอินเดียมีมูลค่าการค้ารวม 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร ขณะที่ประเทศอินเดียเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารและมีศักยภาพด้านการผลิต ซึ่งหากภาครัฐทั้งสองประเทศมีความร่วมมือระหว่างกันจะทำให้อุตสาหกรรมด้านอาหารแปรรูปมีความก้าวหน้าและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยการประชุมในวันนี้นับเป็นก้าวแรกในการมีส่วนร่วมของทั้งสองประเทศ ซึ่ง อย. มีความยินดีที่จะสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจากประเทศอินเดีย รวมถึง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมภาคธุรกิจให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนต่อไป

  • อย. มอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ผู้นำเข้าคุณภาพสูงที่ผ่านเกณฑ์ GIP Plus

    อย. มอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติแก่ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผ่านการรับรองตามเกณฑ์ GIP Plus จำนวน 17 ราย หวังสร้างแรงจูงใจให้ผู้นำเข้ารายอื่นถือเป็นแบบอย่างในการพัฒนายกระดับตนเองให้เป็นผู้นำเข้าคุณภาพสูง

    วันนี้ (29 สิงหาคม 2566) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเป็นประธานเปิดงานส่งเสริมผู้ประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพตามวิธีการที่ดีในการนำหรือสั่งผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาในราชอาณาจักร (GIP Plus) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่พัฒนาขึ้นจากหลักเกณฑ์ GIP พ.ศ. 2560 นำมาผนวกกับเกณฑ์ที่ชี้บ่งการเป็นคนดี มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับผู้นำเข้าให้เป็นผู้นำเข้าคุณภาพสูง สร้างความมั่นใจได้ว่าจะสามารถนำเข้าสินค้าที่ถูกต้อง ได้มาตรฐาน และปลอดภัยกับผู้บริโภค ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ ตรวจปล่อยอาหารอัตโนมัติ รับบริการที่ช่องทางด่วนพิเศษ GIP Lane ทำให้การตรวจปล่อยสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน โดยงานในวันนี้มีการมอบรางวัลให้แก่ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้การรับรองตามเกณฑ์ดังกล่าว จำนวน 17 ราย เพื่อประกาศเกียรติคุณและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้นำเข้าที่ดี มีคุณภาพสูงดังกล่าว

    GIP Plus เป็นการพัฒนารูปแบบการทำงานของด่านอาหารและยา โดยใช้หลักการบริหารจัดการความเสี่ยงร่วมกับแนวคิด BETTER (BCG Model, E-service, Technology for Life, Team Thailand, Empowerment และ Rapid Response) ให้ตรวจปล่อยสินค้าคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว โดยที่สินค้ายังคงคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย ด้วยบริการที่โปร่งใสและสร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับบริการ อันจะช่วยสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นคงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ตามหลักการ 5S ของ อย. คือ Speed, Safety, Satisfaction, Supporter และ Sustainability

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทั้ง 17 ราย ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศในครั้งนี้ และขอส่งกำลังใจให้แก่ผู้นำเข้ารายอื่นที่กำลังพัฒนายกระดับตนเองให้เป็นผู้นำเข้าคุณภาพสูงเพื่อได้รับการรับรองตามเกณฑ์ GIP Plus โดย อย. พร้อมส่งเสริมสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้าทุกรายต่อไป


  • อย.จัดประชุมวิชาการงานคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติปี66มุ่งพัฒนาด้วยดิจิทัล/นวัตกรรม

    อย. จัดประชุมวิชาการงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งชาติ เน้น “Digital X Innovation : 5s Key to Success ”เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์งานคุ้มครองผู้บริโภค ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติงานแบบเชิงรุก เสริมสร้างแนวคิดการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการนำเสนอผลงานวิชาการความก้าวหน้าเกี่ยวกับการวิจัยในงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และส่งเสริมให้เกิดการนำผลงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมมอบรางวัลเครือข่าย คบส. ดีเด่น จำนวน 54 รางวัล ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ พาลาสโซ่ จังหวัดชลบุรี

    นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ มีการปาฐกถาพิเศษในเรื่องเกี่ยวกับดิจิทัลกับงานคุ้มครองผู้บริโภคในหลากหลายมิติ โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากหลายองค์กรมาเป็นองค์ปาฐก เช่น เรื่อง “AI & the Future of Thailand’s Health Products” โดย ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด เรื่อง“การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยและในระดับสากล ปัญหาที่สังคมไทยต้องตระหนัก” โดย รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมด้านการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านวิชาการด้วย เช่น กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจ เช่น เทรนด์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรม “Future Health Products” “มาตรการป้องกันภัยหลอกลวงทางออนไลน์” “Cyber security for Digital Organization” “BCG Economy Model” “ผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุในยุคดิจิทัล” และ “อย. Quality Award จากเศรษฐกิจฐานรากสู่สากล” กิจกรรมการประกวดผลงานวิชาการทั้งการนำเสนอบนเวที และ นำเสนอแบบโปสเตอร์ และมีการจัดแสดงนิทรรศการวิชาการผลงานการจัดการความรู้ดีเด่นของ อย. และ invite paper จากเครือข่ายภาคประชาชน อีกทั้ง ยังมีการมอบรางวัลให้แก่เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพดีเด่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติและขวัญกำลังใจแก่เครือข่าย คบส. ที่สนับสนุนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของ อย. ด้วยดีเสมอมา

    การประชุมครั้งนี้หวังผลให้เครือข่ายดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งประเทศได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน สามารถนำองค์ความรู้ด้านดิจิทัล นวัตกรรม และงานวิจัย ไปประยุกต์ใช้ในงานและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต เลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด




  • อย. เตือน ห้ามใช้หลอดเก็บเลือดไปบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่มสำหรับรับประทานในทุกกรณี
    อย. เตือน อย่านำหลอดเก็บเลือดมาใช้บรรจุอาหารหรือเครื่องดื่มสำหรับรับประทานในทุกกรณี เสี่ยงได้รับอันตรายจากสารเคมี เนื่องจากภายในหลอดมีการเคลือบสารเคมีบางชนิดเพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือนำหลอดเก็บเลือดที่เคยใช้งานแล้วมาทำความสะอาดใหม่เพราะยังคงมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ตกค้างอยู่

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า จากข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่ามีร้านค้าใกล้โรงเรียนได้นำหลอดเก็บเลือดมาใส่น้ำสีชมพู เพื่อจำหน่ายเป็นกล่องสุ่มให้เด็กรับประทานเป็นขนมนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนว่า หลอดเก็บเลือด (Blood collection tube) ถูกออกแบบมาสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดจากร่างกายมนุษย์เพื่อวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยภายในหลอดดังกล่าวมีการเคลือบสารเคมีบางชนิด เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งสารเคมีนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายหากมีการสัมผัสหรือนำเข้าสู่ร่างกาย เช่น การรับประทาน ดังนั้น การบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่บรรจุในหลอดเก็บเลือด จึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ เพราะอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ การนำหลอดเก็บเลือดที่เคยใช้งานจากสถานพยาบาลแล้วมาทำความสะอาดเพื่อบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่มจำหน่ายนั้น ยังคงมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือเลือดที่ตกค้างอยู่ภายในหลอด ดังนั้น จึงไม่สมควรนำมาใช้ซ้ำในทุกกรณีแม้จะทำความสะอาดแล้วก็ตาม

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวย้ำว่า ขอเตือนประชาชน อย่าซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มที่บรรจุในภาชนะที่ไม่ได้มาตรฐาน​ เพราะอาจเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ หากพบหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย.1556 Facebook: FDAThai Line: @FDAThai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. ย้ำ เครื่องสำอางในขวดรูปแบบยาฉีด ห้ามใช้ฉีดเข้าผิวหนัง
    อย. แจง การโฆษณาและรีวิวที่นำเครื่องสำอางในขวดรูปแบบยาฉีดไปฉีดเข้าร่างกาย หรือใช้เครื่องมือแพทย์ผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจเกิดอันตราย ควรตรวจสอบประเภทผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ หากพบจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางห้ามใช้ฉีดโดยเด็ดขาด

    จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบการโฆษณาและรีวิวในเว็บไซต์มีการนำเครื่องสำอางในขวดรูปแบบยาฉีด (แอมพูล/ไวอัล) ฉีดเข้าร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ ในการผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังเพื่อความสวยงาม โดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่าน อย. แล้ว เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเป็นเครื่องสำอางจะไม่มีการประเมินความปลอดภัยจากการใช้กรณีนำไปฉีดหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากเครื่องสำอางจะใช้ทาภายนอก ดังนั้น หากนำเครื่องสำอางไปใช้ผิดวิธีหรือผิดวัตถุประสงค์อาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ ที่ผ่านมา อย. ได้มีการเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่พบว่ามีการนำไปใช้ฉีดแล้ว จำนวน 3 ฉบับ และมีการดำเนินคดีผู้โฆษณาจำนวน 12 ราย

    อย. ขอเตือนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล ให้ตรวจสอบฉลากและพิจารณาการใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแอมพูล/ไวอัลอย่างละเอียด โดยเฉพาะที่มีการกล่าวอ้างว่า “ผ่าน อย. แล้ว” เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. มีหลายประเภทตามระดับความเสี่ยง กรณีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกาย จัดว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นยา หรือเครื่องมือแพทย์เท่านั้น โดย อย.ได้จัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางที่บรรจุอยู่ในแอมพูล/ไวอัล ให้ประชาชนตรวจสอบได้ตาม https://shorturl.asia/iz5qj หรือ QR code ด้านล่าง หากพบว่าผลิตภัณฑ์จดแจ้งเป็นเครื่องสำอาง ห้ามนำมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ เพื่อผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังโดยเด็ดขาด

    ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. ส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่น หนุนนโยบายนำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
    อย. ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เยี่ยมชมและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท ไมเนอร์ แดรี่ จำกัด ผู้ผลิตไอศกรีม ท๊อปปิ้ง และชีสหลากหลายชนิด และวิสาหกิจชุมชนท่าช้าง OTOP เขาใหญ่ แหล่งผลิตอาหารขึ้นชื่อเมืองโคราช หนุนนโยบายนำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

    นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการนำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย.จึงได้มุ่งมั่นในการส่งเสริม ยกระดับมาตรฐานการผลิตของผู้ประกอบการทั้งระดับใหญ่และระดับชุมชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของผู้ประกอบการสู่ระดับสากล โดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน บริษัท ไมเนอร์ แดรี่ จำกัด (MDL) ตั้งอยู่ที่ 9/1 หมู่ที่ 6 ซอยซับจำปา ถนนมิตรภาพ ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้ผลิตไอศกรีม ท๊อปปิ้ง และชีสหลากหลายชนิด ทั้งมอสเซเรล่า เชดด้า เนยแข็ง พาเมซาน มาสคาโปน ครีมชีส และซาวครีม เพื่อนำส่งให้กับแบรนด์ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ด อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ แดรี่ ควีน เบอร์เกอร์ คิง และบริษัทคู่ค้าที่ให้บริการด้านอาหารทั้งในประเทศไทย และในระดับภูมิภาค

    จากนั้นตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่าช้าง OTOP เขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แหล่งผลิตน้ำพริกตาแดงปลาย่าง น้ำพริกกุ้งเสียบ ไข่เค็มสุกพร้อมรับประทาน ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิตตามมาตรฐาน อย. มีการคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงาน และได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชนปี พ.ศ. 2564 นอกจากนี้ ยังมีวิสาหกิจชุมชนพืชสวนและสมุนไพรบ้านสระน้ำใส OTOP เขาใหญ่ รสาสวนกุหลาบมอญเขาใหญ่และตังค์เติมเต็ม ขั่วหมี่โคราช เข้าร่วมรับฟังคำแนะนำ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย

    ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้คำแนะนำด้านคุณภาพมาตรฐานในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานให้เข้าถึงและเกิดประโยชน์แก่วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการมากที่สุด ซึ่ง อย. เชื่อมั่นว่าด้วยความตั้งใจจริงในการประกอบกิจการของวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ จะทำให้เศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็ง ส่งต่อให้เศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศมั่นคงแข็งแรงในที่สุด

  • ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ วิน-เฮิร์บส์ Dietary Supplement Product Winherbs ซึ่งแสดงข้อความ “สลายไขมันอุดตันในหลอดเลือด ช่วยให้ระบบเลือดหมุนเวียนดี ลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ และสมองตีบ แตก ตัน” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย.จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...

  • อย. จับมือ กรมประมง สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กำหนดมาตรการตรวจสอบอาหารทะเลนำเข้าจากญี่ปุ่น

    เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วย ดร.ถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง ร่วมประชุมกับผู้แทนจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) เพื่อกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น กรณีการปล่อยน้ำปนเปื้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในจังหวัดฟุกุชิมะ ลงสู่ทะเล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ถึงแม้ว่าน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะมีปริมาณสารกัมมันตรังสีต่ำกว่าเกณฑ์กำกับดูแล (Regulatory Standards) สำหรับการปล่อยทิ้งของญี่ปุ่น และเกณฑ์แนะนำ (Guideline Level) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) สำหรับน้ำดื่ม รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศให้สามารถปล่อยน้ำปนเปื้อนที่ผ่านการบำบัดลงสู่ทะเลได้

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ขอผู้บริโภคอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย เพราะการนำเข้าอาหารทะแล เจ้าหน้าที่ด่านประมง ของกรมประมง และด่านอาหารและยา ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อมิให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารเกินมาตรฐานที่กำหนด หากพบจะสั่งเรียกคืน และระงับการนำเข้าทันที

    ด้าน ดร.ถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวังและตรวจสอบ ขอให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบสินค้าเกษตรและอาหารทะเลที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มุ่งเน้นที่จะยกระดับความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหาร

    ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2554 กองด่านอาหารและยา อย. สุ่มตัวอย่างอาหารทะเลจากประเทศญี่ปุ่น กว่า 1,000 ตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อตรวจวัดปริมาณกัมมันตรังสี ไม่พบตัวอย่างอาหารที่มีปริมาณกัมมันตรังสีเกินเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ประเทศญี่ปุ่น ได้เก็บตัวอย่างอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์ประมงจากเมืองฟูกุชิมะ ส่งตรวจวิเคราะห์ในปี 2565 จนถึงเดือนเมษายน 2566 จํานวน 4,375 ตัวอย่าง พบค่าการปนเปื้อนกัมมันตรังสีไม่เกินมาตรฐานตามที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยเช่นกัน



    รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย.ร่วมกับกรมประมง สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ดำเนินการเฝ้าระวังอาหารที่นำเข้าอย่างเข้มงวดซึ่งหากพบการปนเปื้อน อย.จะใช้มาตรการส่งคืนหรือทำลาย ขอให้ประชาชนวางใจในการดำเนินงานของ อย. และกรมประมง ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน ภาครัฐมีการเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลจากทั้งในและต่างประเทศ หากพบผลิตภัณฑ์อาหารใดที่เป็นอันตราย และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบทันที หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์อาหารใดสงสัยว่าจะเป็นอันตราย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ดฟู่ BOOM D -NAX เลขสารบบอาหาร 73-1-00154-5-0125

    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ BOOM D -NAX บูม ดี – แนกซ์ 20 Effervescent Tablets เลขสารบบอาหาร 73-1-00154-5-0125 ซึ่งแสดง ข้อความ “BOOM D - บูม NAX ดีแนกซ์ ฟื้นคืนสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็ง เส้นเลือดตีบ พาร์คินสัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบภายใน ลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง” เป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมาย กับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...

  • อย. แนะตรวจสอบข้อมูลก่อนเข้ารับบริการเสริมความงาม กันหน้าพัง

    อย. แนะผู้บริโภคที่ต้องการเข้ารับบริการเสริมความงาม ควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อความปลอดภัยว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้รับอนุญาตจาก อย. หรือไม่ สถานบริการได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ รวมถึงผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขหรือไม่
    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวผู้รับบริการหน้าพังหลังเข้าคอร์สทำหน้า “พิโคเลเซอร์ (Pico Laser)” จากคลินิกและทราบภายหลังว่าผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์ประจำคลินิก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า เครื่อง Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นเครื่อง Laser ที่ทำงานโดยส่งคลื่นพลังงานความถี่สูง (1 ต่อล้านล้านวินาที) ไปยังผิวหนังเป้าหมายที่มีปัญหา เพื่อลดเม็ดสีในบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีคุณสมบัติเจาะจงกับเมลานินและเม็ดสีที่เข้มได้ดี โดยจะส่งการสั่นสะเทือนต่อผิวหนังอย่างรุนแรง ทำให้เม็ดสีหรืออนุภาคของผิวแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งเครื่องดังกล่าวมักใช้ในการรักษาจุดด่างดำ กระฝ้า เม็ดสีเข้ม ๆ ใต้ชั้นผิวหนัง หรือใช้ในการลบรอยสัก รวมถึงกระตุ้นคอลาเจนบนชั้นผิวหนัง เป็นต้น ทั้งนี้ การใช้เครื่องดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ผิวแห้ง แดง จากการโดนเลเซอร์ รอยคล้ำหลังทำเลเซอร์ ผื่น บวม รวมถึงรอยตกสะเก็ดหลังการใช้
    ทั้งนี้ เครื่อง Pico Laser จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องแจ้งรายการละเอียดกับ อย. ก่อน จึงจะสามารถผลิตหรือนำเข้าได้ โดยต้องใช้ในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตและต้องใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข หรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์หรือสาธารณสุข สำหรับผู้รับบริการควรตรวจสอบก่อนเข้ารับบริการว่าเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต
    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบเครื่อง Pico Laser ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th

  • อย. ลดเอกสาร ผูก Certificate เน้นใช้เทคโนโลยีตรวจสอบการนำเข้า

    อย. นำนโยบาย Speed &Safety เน้นความรวดเร็ว นำเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแบบมืออาชีพ แต่ยังคงดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภค ให้ได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐาน

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. มุ่งเน้นนโยบายอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ด้วยความรวดเร็วโดยเปิดช่องทางการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การยื่นขออนุญาตผ่านระบบ e-Submission การใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวออกสินค้า ณ ด่านอาหารและยา ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการติดต่อนำเข้า แต่ขณะเดียวกัน อย. ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพก่อนถึงมือผู้บริโภค โดยมีมาตรการกำกับดูแลกระบวนการนำเข้าให้เป็นไปตามกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ การนำผลิตภัณฑ์อาหารเข้ามาเพื่อจำหน่าย ผู้นำเข้าทุกรายมีหน้าที่ต้องแสดงเอกสารหรือใบรับรองมาตรฐานระบบการผลิตอาหารฉบับจริงตามมาตรฐานที่เทียบเท่าหรือไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 420 หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองโดยหน่วยงานที่ออกใบรับรองนั้นหรือสถานฑูต รวมทั้ง อย. ยังมีการสุ่มผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐานด้วยสำหรับในปี 2566 อย. ได้มีการเฝ้าระวังส่งตรวจผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า จำนวน 559 รายการ ผ่านมาตรฐานจำนวน 549 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.21 ตกมาตรฐานจำนวน 10 รายการ คิดเป็นร้อยละ 1.79

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการนำเข้าดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถนำใบรับรองมาผูกเข้ากับเลขสารบบอาหารที่นำเข้าได้ โดยไม่ต้องนำใบรับรอง (Certificate) ดังกล่าว ไปแสดงที่ด่านอาหารและยา นอกจากนี้ อย. ยังอยู่ในระหว่างการเร่งรัดพัฒนาระบบตรวจสอบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอกสารที่ยื่นผ่านระบบดิจิทัล เพื่อลดภาระขั้นตอนการนำใบรับรองมาแสดง ณ ด่านอาหารและยาทุกครั้งที่มีการนำเข้า ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กองด่านอาหารและยา https://logistics.fda.moph.go.th/ หรือ LineOfficial @import.fda

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กาวิสต้า GAVISTA Dietary Supplement Product
    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ GAVISTA Dietary Supplement Product เลขสารบบอาหาร 25-1-20265-5-0009 ซึ่งแสดงข้อความ “แก้กรดไหลย้อน ด้วยสมุนไพร By GAVISTA” และ “ตัวช่วยในการแก้ปัญหา เหล่านี้ ลดอาการแน่น ขับลม จุก เสียดท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร ลดลำไส้แปรปรวน รักษาแผลในกระเพาะ” เป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควรซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมาย กับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป

  • อย. ปลูกความรู้ผู้ประกอบการ SMEs หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่เวทีโลก

    อย. เปิดคอร์สเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการผลิตอาหารระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน มุ่งส่งเสริมความรู้ให้สามารถผลิตอาหารที่มีความปลอดภัยตามหลักมาตรฐาน GMP รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขันในเวทีโลก

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดอบรมโครงการสร้างเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ และเครือข่ายในงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหาร ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 11 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรม ทีเค. พาเลซ & คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการขออนุญาตผลิตภัณฑ์อาหารและการจัดเตรียมสถานที่ผลิตอาหารให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารรวมทั้งได้เผยแพร่คู่มือการอนุญาตสถานที่และผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถศึกษาด้วยตนเอง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย รวมทั้งผู้ประกอบการผลิตอาหารกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท น้ำบริโภค/น้ำแร่ธรรมชาติที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย และน้ำแข็งเพื่อการบริโภค ในระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน นำองค์ความรู้ความเข้าใจในการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ การจัดเตรียมสถานที่ผลิตให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ GMP และจัดทำฉลากได้อย่างถูกต้อง ไปประยุกต์ใช้ในการผลิตอาหาร เพื่อยกระดับสถานประกอบการให้สามารถผลิตอาหารที่มีความปลอดภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารและได้รับการอนุญาตตามกฎหมายซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสในการแข่งขันทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ ต่อยอดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนสนับสนุนการกระจายรายได้สู่ประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่จะเกิดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมอบรม จำนวน 367 ราย

    การเพิ่มพูนศักยภาพครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความปลอดภัย และเกิดความมั่นใจในคุณภาพความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว

  • ความรู้ อย. ร้องเรียนยาย้อมผม รู้ผลแล้ว เกิดจากเหตุใด

    อย. ย้ำ ผู้ใช้ยาย้อมผมหรือแชมพูปิดผมขาว ต้องปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนบนฉลากอย่างเคร่งครัด ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ เพราะการแพ้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

    จากข่าวที่มีผู้ซื้อแชมพูปิดผมขาวจากร้านสะดวกซื้อมาใช้แล้วเกิดการแพ้จนหน้าบวมตาบวม ลืมตาไม่ขึ้น และได้เข้าร้องทุกข์กับ สคบ. นั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องสำอางตามข่าว คือ ผลิตภัณฑ์ OK Herbal by M-Joy Color Care Shampoo Black เลขที่ใบรับจดแจ้ง 10-1-6100035525 ผลิตโดย บริษัท โมเดิรน์คาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด ครั้งที่ผลิต 02303-0050 วันที่ผลิต : 06-03-2023 หมดอายุ : 06-09-2025 เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบโรงงานได้มาตรฐาน ASEAN COSMETIC GMP ฉลากแสดงข้อความครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ผลการตรวจวิเคราะห์รุ่นการผลิต (lot) ที่ผู้บริโภคแพ้และรุ่นการผลิตใกล้เคียง ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่พบสารห้ามใช้และปริมาณของสีย้อมได้มาตรฐานตามที่จดแจ้งไว้ ผลิตภัณฑ์ข้างต้นถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด มีความปลอดภัยในการใช้

    ทั้งนี้ สารเคมีในยาย้อมผมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้การแพ้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจึงควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ โดยผสมผลิตภัณฑ์ตามที่ฉลากระบุและทาผลิตภัณฑ์ในปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณใต้ท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 - 48 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ระคายเคือง ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์

    หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สงสัยว่าจะไม่ปลอดภัยสามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วนอย.1556หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail :1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ แฮร์โกะ แฮร์ โทนิค (HAIRKO HAIR TONIC) เลขที่ใบรับจดแจ้ง 70-1-6400012105

    การโฆษณาตามที่ปรากฏตรวจสอบพบข้อมูลการจดแจ้งเครื่องสำอางไว้ว่า ชื่อการค้า แฮร์โกะ (HAIRKO) ชื่อเครื่องสำอาง แฮร์ โทนิค (HAIR TONIC) เลขที่ใบรับจดแจ้ง 70-1-6400012105 วัตถุประสงค์ บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ชนิดไม่ล้างออก ผู้รับจ้างผลิต คือ บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์คอสเมติค จำกัด (มหาชน) ที่ตั้ง เลขที่ 48/1 หมู่ 5 ถนนหนองแช่เสา ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000 ผู้ว่าจ้างผลิต คือ บริษัท บางกอก ดรัก จำกัด ที่ตั้ง เลขที่ 874 ซอยอุรุพงษ์ 2 ถนนพระรามหก แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี จังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งคู่มือแนวทางการโฆษณาเครื่องสำอาง กลุ่มเครื่องสำอาง บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ สามารถบรรยายสรรพคุณ “ทำให้ผมลื่น หวีง่ายลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมที่มีสาเหตุจากเส้นผมพันกัน” เท่านั้น การกล่าวอ้างว่าช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมร่วงรักษาผมบางสร้างผมใหม่ ลดอาการผมร่วง ผมบาง เร่งผมยาวเร็วขึ้น หนังศีรษะและเซลล์เส้นผมแข็งแรงขึ้น ลดผมหงอก ผมดกดำขึ้น มีผลงานวิจัยรับรองจาก ม.ขอนแก่น จึงทำให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ มีผลบำบัด บรรเทา รักษาผมร่วง ผมบาง ลดผมหงอก ให้ผมดกดำขึ้น ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริงและทำให้เข้าใจผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง


  • อย.ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ลุย จัดระเบียบเข้มทั่วกรุงฯ รวบเครือข่ายร้านยา จับเภสัชเถื่อน 13 ราย ลักลอบขายยาแก้ไอให้วัยรุ่น

    กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 2 ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมกวาดล้างร้านขายยาที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระดมตรวจค้นร้านขายยาทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาที่ไม่ใช่เภสัชกร 13 ราย พร้อมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกว่า 156 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400,000 บาท

    พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ตรวจสอบร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร ขายยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยาแคปซูลเขียวเหลืองให้กลุ่มวัยรุ่นเพื่อเป็นส่วนผสมยาเสพติดชนิด 4x100 อีกทั้งสภาเภสัชกรรมได้เคยประชุมหารือกับ กก.4 บก.ปคบ. และได้แถลงจุดยืนเน้นย้ำให้ร้านขายยาทุกร้านจะต้องมีเภสัชกรประจำโดยจะดำเนินการกับเภสัชกรแขวนป้าย จึงเป็นที่มาในการจัดระเบียบร้านขายยาในครั้งนี้

    โดยในห้วงวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 - 9 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้าตรวจสอบเครือข่ายร้านขายยาที่ทำผิดกฎหมายรายใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 14 จุด ได้แก่ 1. ร้านขายยาไทยฟาร์มาซี 5 สาขา, 2. ร้านคลินิกยา 4 สาขา, 3. ร้านพูนทรัพย์ฟาร์มาซี 2 สาขา, 4. ร้านขายยาพาดา เจริญเภสัช 2 สาขา และ 5. ร้านบ้านยาของขวัญ ตรวจยึดยาปลอม 572 ชิ้น, ยาไม่มีทะเบียน จำนวน 212 ชิ้น, ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 24,722 ขวด, ยาเขียวเหลือง(ทรามาดอล) 4,150 แคปซูล และยาควบคุมพิเศษ จำนวน 21 กล่อง จับกุมผู้ต้องหาซึ่งไม่ใช่เภสัชกรและไม่มีความรู้ด้านเภสัชกรรม โดยผู้ต้องหา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ราย,มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 ราย และปริญญาตรี จำนวน 8 ราย รวมทั้งสิ้น 13 ราย ดำเนินคดีข้อหา “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต”โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับว่า รับจ้างเป็นพนักงานขายยาภายในร้านขายยาซึ่งอยู่ประจำร้านทุกวัน และจะมีเภสัชกรเข้ามาดูแลร้านเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 12,000 - 18,000 บาท

    จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ร้านขายยาดังกล่าวข้างต้นมีรูปแบบการกระทำความผิดในลักษณะที่เจ้าของผู้ดำเนินกิจการรายเดียว ยื่นขออนุญาตเปิดร้านขายยาหลายแห่ง เพื่อจะได้รับโควต้าในการซื้อยาแก้แพ้ ยาแก้ไอในปริมาณมาก ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวมีเจ้าของประกอบด้วย น.ส.อุมาพรฯ (สงวนนามสกุล) จำนวน 8 ร้าน, น.ส.วนิดา (สงวนนามสกุล) จำนวน 3 ร้าน, นายพัทธนนท์ (สงวนนามสกุล) จำนวน 2 ร้าน และ น.ส.นวรัตน์ จำนวน 1 ร้าน โดยสถานที่ตั้งร้าน จะเลือกทำเลอยู่ในแหล่งชุมชนหรืออพาร์ทเม้นท์ ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นพักอาศัยอยู่มาก ทำให้สะดวกต่อการซื้อ ซึ่งร้านขายยาในชุมชน มีเจตนารมณ์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคและยาได้ง่ายขึ้น แต่ปัจจุบัน บรรดาผู้ประกอบการที่คิดแสวงหากำไรอาศัยช่องว่างทางกฎหมายโดยการขายยาบางประเภทผิดจากวัตถุประสงค์ โดยมุ่งเน้นจำหน่ายเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเพื่อนำมาผสมกับน้ำกระท่อมดื่มเพื่อความมึนเมาและเสพติดเป็นจำนวนมาก

    กรณีผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินกิจการร้านขายยา(เจ้าของร้านขายยา) ที่ขออนุญาตเปิดร้านขายยาที่มียาปลอมและยาไม่มีทะเบียน โดยมีพฤติการณ์ขายยาแก้แพ้แก้ไอและยาเขียวเหลืองให้กับเยาวชน เบื้องต้นมีความผิดฐาน “ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดฯ, ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และขายยาปลอม” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะได้เสนอคณะกรรมการยาพักใช้ใบอนุญาตต่อไป

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1. พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 มาตรา 28 ฐาน “เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2. ความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510

    สำหรับผู้รับอนุญาต

    2.1 ฐาน “ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” ระวางโทษปรับ 2,000 - 10,000 บาท

    2.2 ฐาน “ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่” ระวางโทษปรับ 1,000 - 5,000 บาท

    2.3 ฐาน “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    2.4 ในชั้นสอบสวน หากพบว่าเป็นยาปลอมจะมีความผิด ฐาน “ขายยาปลอม” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท

    สำหรับผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ(เภสัชกร) มีความผิดฐาน “ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการ รวมถึงไม่ควบคุมการขายยา ควบคุมการส่งมอบยา อันตราย และควบคุมการทำบัญชีซื้อและขายยาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” ระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท

    พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ. กล่าวว่าจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบ ยาไม่มีทะเบียน และยาปลอม ซึ่งทางตำรวจเฝ้าระวังและจะขยายผล ถึงต้นตอของยาไม่มีทะเบียน และยาปลอมที่ตรวจพบในร้านขายยา ต่อไป ทั้งนี้ขอความร่วมมือร้านขายยาทั้งหลายให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และร้านที่ไม่ได้รับอนุญาตจะดำเนินการกวาดล้างต่อไป และฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าว่ายาคือหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ใช้เพื่อรักษาโรคหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและได้รับคำแนะนำในการใช้อย่างละเอียด จากผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยเฉพาะยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษซึ่งจะต้องใช้อย่างระมัดระวังตามใบสั่งของแพทย์ เท่านั้น หากพี่น้องประชาชนพบเห็นร้านขายยาใดมีพฤติกรรมในการใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใดสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

    ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผล ตรวจสอบเครือข่ายร้านขายยากลุ่มเสี่ยง ที่มีพฤติการณ์ขายยาแก้แพ้ แก้ไอ และยาแก้ปวดทรามาดอลให้แก่กลุ่มเยาวชนจนสามารถตรวจยึดยาจำนวนมาก

    ปัจจุบัน อย. มีมาตรการกำกับดูแลการจำหน่ายยากลุ่มเสี่ยงตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่การผลิต/นำเข้า การขายให้ร้านขายยา ตลอดจนการจ่ายยาให้ผู้ป่วย กรณีตรวจพบการซื้อขายยาในทางที่ผิด นอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังถูกพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 120 วัน หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตด้วย ตั้งแต่ปี 2561 – ปัจจุบัน มีร้านขายยาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตไปแล้วกว่า 78 ร้าน, โรงงานผลิตยาถูกพักใช้ใบอนุญาต 2 แห่ง และบริษัทขายส่งยาถูกเพิกถอนใบอนุญาต 1 แห่ง สำหรับเภสัชกรที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการ หรือไม่ควบคุมการจัดทำบัญชีซื้อและขายยาโดยเฉพาะยาอันตรายกลุ่มเสี่ยง อย. จะดำเนินคดีตามกฎหมายและส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาจรรยาบรรณต่อไป ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 2 กล่าวว่า ปัจจุบันยังพบว่ามีการจับกุมร้านขายยาที่ลักลอบขายยาแก้ไอ, ยาทรามาดอลให้กับเยาวชนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เอาไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อการเสพติด และผู้ขายยาก็ไม่ใช่เป็นผู้มีความรู้เรื่องยาโดยตรง ซึ่งก็จะมีความผิดทั้งใน พรบ.ยา พ.ศ.2510 คือขายยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ ระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ แม้อาจจะมีเพียงโทษปรับก็ตาม แต่ลักษณะการขายยาดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 ด้วย คือ ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม (การขายยา) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีโทษสูง ปรับ 30,000 บาท หรือจำคุก 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ที่แอบจ่ายยาโดยไม่ใช่เภสัชกร จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องนี้ และกรณีนี้เภสัชกรที่เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการในร้านต่าง ๆ เหล่านี้ หากไม่ได้อยู่ปฏิบัติการตลอดเวลาที่เปิดทำการ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ขายยากลุ่มเสี่ยงดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่เภสัชกรในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการได้มีการควบคุมกำกับเกี่ยวกับการขายยา การส่งมอบยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หรือมีการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแลไม่ให้มีการขายยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่หรือไม่อย่างไร หรืออาจเข้าข่ายการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นความผิดทางจรรยาบรรณได้ โดยมีโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม เป็นระยะเวลา 2 ปี ดังนั้นจึงขอให้เภสัชกรที่ไม่ได้อยู่ประจำตลอดเวลาต้องระมัดระวัง และสอดส่องกำกับดูแลให้มีการขายยาให้ถูกต้องตามที่ พรบ.ยา พ.ศ.2510 กำหนด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

    เพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยา แนะนำให้ประชาชน เลือกเข้าร้านยาที่มีเภสัชกรปฏิบัติหน้าที่ อย่าปรึกษาเรื่องยา หรือซื้อยากับ บุคคลที่ไม่ใช่เภสัชกร เภสัชกรในร้านยาจะใส่ชุดสีขาว มีตรา สภาเภสัชกรรม ประชาชน สามารถ Load Application ร้านยาของฉัน ใน Play store หรือ App store เพื่อดูว่า ร้านยาใกล้บ้านฉันอยู่ที่ไหน และร้านยาใด มีเภสัชกร พร้อมให้บริการ ให้เลือกเข้าร้านยาที่มีเภสัชกรเป็นผู้ให้คำปรึกษาและแนะนำยา เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชน

  • อย. เปิดช่องทางอนุญาตผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

    อย. เปิดช่องทางอนุญาตผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจไทย
    อย. พร้อมสนับสนุนการประกอบการด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรม โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการยกระดับความรู้ ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบให้กับนักวิจัย นักพัฒนานวัตกรรม ผู้ประกอบการ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศที่ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ อีกทั้งมีบริการวินิจฉัยประเภทผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถดำเนินการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมทั้งมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านวิชาการ กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อปฏิบัติที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรม แก่ผู้ประกอบการ นักวิจัย และหน่วยงานให้ทุนวิจัย ตลอดกระบวนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผ่านระบบให้คำปรึกษาออนไลน์(e-Consult) โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2566 มีคำขอรับคำปรึกษาและคำขอรับการวินิจฉัยในระบบ e-Consult มากถึง 4,892 คำขอ แบ่งเป็นคำขอรับการวินิจฉัยประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพกว่า 3,236 คำขอ และคำขอรับคำปรึกษาผลิตภัณฑ์สุขภาพกว่า 1,656 คำขอ

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมในประเทศ โดยได้สร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ หน่วยงานให้ทุน มหาวิทยาลัยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรณีเป็นผู้ผลิตหรือนักวิจัยในประเทศ ที่กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมและมีระดับความพร้อมของเทคโนโลยี (Technology readiness level; TRL) อยู่ในระดับ 3 เป็นอย่างน้อยหรือมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบแล้วสามารถยื่นข้อมูลนักวิจัย รายละเอียดงานวิจัย โครงการวิจัย สถานการณ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน แผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมุ่งหวังให้ผลิตภัณฑ์ที่วิจัยพัฒนาในประเทศออกสู่ท้องตลาดได้อย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้กับสินค้ากลุ่มนวัตกรรมสุขภาพและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ


  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากใบแปะก๊วยชนิดแคปซูล ตรา มิสเตอร์โกลด์

    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากใบแปะก๊วยชนิดแคปซูล ตรา มิสเตอร์โกลด์) ซึ่งแสดงข้อความ “MRGOLD แม่ผมปวดขา กินมิสเตอร์โกลด์ 2 วัน เห็นผลหาย ลุกตีลังกา ยาดีบอกต่อ “กินมาแล้ว 4-5 กล่อง ดีขึ้นมาก อาการปวดข้อนิ้ว ไม่ปวดแล้ว” และ “สั่งมาทาน 4 กล่อง 888 บาท หายปวดเข่าแล้ว” เป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป.....

  • อย. ร่วมขับเคลื่อนเกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้า เพื่อแก้ปัญหาขาดสารไอโอดีน

    อย. สุ่มตรวจคุณภาพเกลือบริโภคเสริมไอโอดีน หวังให้คนไทยได้รับไอโอดีนที่เพียงพอและเหมาะสม ช่วยลดปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนของประเทศไทย พร้อมแนะผู้บริโภคเลือกซื้อเกลือเสริมไอโอดีน ให้ดูฉลากและมีเลข อย.

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อขจัดโรคขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย โดยเฝ้าระวังเกลือและผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่เสริมไอโอดีนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพบเกลือบริโภคมากกว่าร้อยละ 90 มีคุณภาพมาตรฐานและปริมาณไอโอดีนสอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งผ่านคุณภาพมาตรฐานมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย อย. ร่วมกับภาครัฐ อาทิ กรมอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนทั้งสถานที่ผลิต สถานที่จำหน่าย และในครัวเรือน และร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ ชมรมผู้ประกอบการเกลือเสริมไอโอดีนทั้งสามภาค (ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ) ผู้ประกอบการอาหาร ในการควบคุมคุณภาพการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการศึกษาวิจัยสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพการตรวจวิเคราะห์ปริมาณไอโอดีนของแต่ละห้องปฏิบัติการในประเทศไทยให้มีความแม่นยำ แม่นตรง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป้าหมายสำคัญคือ มุ่งหวังให้คนไทยได้รับไอโอดีนเพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้ ปริมาณไอโอดีนที่ต้องการต่อวัน สำหรับทารกและเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี ประมาณ 90 ไมโครกรัม เด็กอายุ 6-12 ปี ประมาณ 120 ไมโครกรัม ผู้ใหญ่ทั่วไป ประมาณ 150 ไมโครกรัม และหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ประมาณ 200 ไมโครกรัมต่อวัน

    “ขอให้ผู้บริโภคเลือกซื้อและใช้เกลือเสริมไอโอดีน หรือผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีน โดยดูได้จากฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “เสริมไอโอดีน” ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า เลข อย. ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการตรวจสอบทั้งสถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด”

  • อย. เตือน รีวิวผลิตภัณฑ์อาหาร ต้องได้รับอนุญาตก่อนโฆษณา

    อย. พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ในกรณีที่มีผู้เขียนรีวิวเชิญชวนให้กินแล้วอ้างว่าหายจากโรคปวดตา ตาพร่ามัว และช่วยบำรุงสายตา ขอเตือนว่าอาหารไม่ใช่ยา รักษาโรคไม่ได้และการโฆษณาอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษตามกฎหมาย ​

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการตรวจพบการรีวิวผลิตภัณฑ์อาหารทางสื่อออนไลน์มากมาย ที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอแจ้งว่าการรีวิวข้อมูลเกี่ยวกับคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารเพื่อประโยชน์ทางการค้า เข้าข่ายเป็นการโฆษณาที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนโฆษณา เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะโฆษณาได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากข้อความที่รีวิว หรือโฆษณานั้นเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อการรีวิว หรือโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารที่โอ้อวด เป็นเท็จเกินจริง ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยา ไม่สามารถบำบัด บรรเทา รักษาโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ อย. ได้จัดทำหลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร พ.ศ. 2564 โดยระบุคำที่ไม่อนุญาตโฆษณา ซึ่งประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดได้ตาม QR code นี้


    หากมีข้อสงสัย หรือพบการกระทำฝ่าฝืน แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือช่องทางอื่น ๆ เช่น อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ.1556 ปณผ. กระทรวงสาธารณสุข หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คลอเรลล่า วีทกราส แอนด์ อัลฟัลฟา พลัส(ตรา เอ็นบี)
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คลอเรลล่า วีทกราส แอนด์ อัลฟัลฟา พลัส (ตรา เอ็นบี) Chlorella Wheatgrass & Alfalfa Plus Dietary Supplement Product (NB Brand) เลขอย. 13-303555-2-0041 ซึ่งการแสดงภาพผลิตภัณฑ์ และข้อความ “Chlorella Wheatgrass & Alfafa Plus ดีท็อกซ์ระบบเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบของข้อ ช่วยสมานแผล ให้หายเร็วขึ้น” เป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการ ฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป....

  • อย. บูรณาการหลายหน่วยงาน ลดบริโภคเกลือและโซเดียม เพื่อลดโรค

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า โรคที่เกิดจากความเค็มเป็นอันตราย เพื่อลดการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังจากการได้รับโซเดียมมากเกินความจำเป็น ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มระดับความดันโลหิต นำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานในการลดเค็มลดโรค โดยสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้ประชาชนเกิดความตระหนัก สร้างกระแสให้สังคมไทยรู้เท่าทัน เลือกบริโภคอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หรือโซเดียมน้อยลง ผ่านการรณรงค์ให้เลือกซื้อและบริโภคอาหารโดยอ่านฉลากโภชนาการ ฉลากจีดีเอ (GDA) และสัญลักษณ์โภชนาการอย่างง่าย “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice Logo) และส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอาหารที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” ด้วย ทั้งนี้ ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีที่มีมาตรการขับเคลื่อนต่างๆ เพื่อลดการบริโภคเค็ม เช่น แผนดำเนินการมาตรการทางภาษีของกรมสรรพสามิต ที่จะจัดเก็บภาษีในกลุ่มอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น กลุ่มอาหารกึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก/ข้าวต้ม และกลุ่มขนมขบเคี้ยว การขับเคลื่อน (ร่าง) พระราชบัญญัติควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก ของกรมอนามัย มาตรการส่งเสริมอาหารและอาหารท้องถิ่นที่มีปริมาณโซเดียมต่ำของกรมควบคุมโรค

  • อย. เตือน อย่าซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. แนะตรวจสอบข้อมูลก่อนซื้อ

    อย. ตรวจพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล ยาผงจินดามณี และสมุนไพรไทยมีรูปรากไม้ ไม่ได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์จาก อย. และพบสารสเตียรอยด์ปลอมปนในผลิตภัณฑ์ยาผงจินดามณี เตือนผู้บริโภคอย่าซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้ง 3 รายการ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือส่งผลกระทบต่อการรักษาอาการเจ็บป่วย แนะผู้บริโภคตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพทางเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th ก่อน

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูลไม่ได้รับอนุญาตโฆษณาขายทางแพลทฟอร์มออนไลน์ อย. ได้เร่งตรวจสอบ เบื้องต้นพบจำหน่ายในจังหวัดพิษณุโลก จึงได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว โดยพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล สูตรกระจายเส้น เอ็นยึด จำนวน 26 ซอง ยาผงจินดามณี จำนวน 55 ซอง และสมุนไพรไทยมีรูปรากไม้ จำนวน 39 ซอง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์จาก อย. และฉลากผลิตภัณฑ์ไม่มีการแสดงเลขทะเบียน อีกทั้งยังพบสารสเตียรอยด์ปลอมปนในผลิตภัณฑ์ยาผงจินดามณี ด้วยเหตุนี้ อย. จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้ง 3 รายการ ดังกล่าวมาใช้ เพราะอาจเกิดผลเสียต่อร่างกาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยได้

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. แนะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai หรือหากพบผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ อย. พร้อมเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด

  • อย. แนะชุดตรวจ HIV SELF TEST ใช้สำหรับคัดกรองเบื้องต้น
    อย. แนะชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองใช้สำหรับคัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้นเท่านั้น เพื่อให้ทราบสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างรวดเร็ว ผู้มีความเสี่ยงต้องเข้ารับการตรวจยืนยันและรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 โดยลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เหลือปีละไม่เกิน 1,000 ราย ด้วยเหตุนี้ เครื่องมือที่ช่วยให้ประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถทราบสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างรวดเร็ว คือ การใช้ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-testing) อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองเป็นเพียงชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อในเบื้องต้นเท่านั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงต้องเข้ารับการตรวจยืนยันผลที่สถานพยาบาล เพื่อเข้าสู่ระบบการป้องกันและรักษาที่รวดเร็ว

    สำหรับชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อและใช้ด้วยตนเองได้ ซึ่งในปัจจุบัน อย. ได้อนุญาตชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง จำนวน 4 ทะเบียน โดยแบ่งเป็นผู้ผลิต 2 ทะเบียน และผู้นำเข้า 2 ทะเบียน ทั้งนี้ ชุดตรวจฯ ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. จะมีการตรวจสอบคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบจัดการคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐาน ISO 13485 หรือ GMP ผลการทดสอบจากผู้ผลิตและผลการทดสอบที่ส่งทดสอบประเมินคุณภาพโดยห้องปฏิบัติการ ผลการทดสอบการศึกษาการใช้งาน (usability test) ที่ทำการศึกษาในประเทศไทย การแสดงฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ซึ่งต้องจัดทำเป็นภาษาไทย พร้อมทั้งมีเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลที่ผู้ใช้งานควรรู้ ทั้งก่อนการตรวจและภายหลังทราบผลการตรวจ

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีมีการกล่าวอ้างว่า "ชุดตรวจที่ตรวจจากเลือดเจาะปลายนิ้ว รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจที่ตรวจจากน้ำในช่องปาก รู้ผลภายใน 20 นาที" ผู้ใช้ควรทำความเข้าใจและศึกษาเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์อย่างละเอียดก่อนใช้งานทุกครั้ง ที่สำคัญ ขอให้ผู้บริโภคเลือกใช้ชุดตรวจฯ ที่ผ่านการอนุมัติจาก อย. เท่านั้น เพราะได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

  • อย. ตรวจพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐาน ในผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกล้วยต้มหั่นแช่แข็ง รุ่นการผลิตที่ 026/2023 วันผลิต 06/01/2023 วันหมดอายุ 06/01/2025

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหาร ณ ด่านอาหารและยาท่าเรือกรุงเทพ นำเข้าโดย บริษัท วายเอเจ เทรด ทราน จำกัด โดยมีรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกล้วยต้มหั่นแช่แข็ง (FROZEN COOKED SQUID SLICES (GRADE B))”ผลิตโดย FUJIAN HUAXIAN AQUATIC SEAFOOD CO., LTD สาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่นการผลิตที่ 026/2023 วันผลิต 06/01/2023 และวันหมดอายุ 06/01/2025 น้ำหนักสุทธิ 12.5 กิโลกรัมต่อกล่อง ผลการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบแคดเมียม 4.07 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ต้องไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ซึ่งเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์และอาหารผิดมาตรฐานตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภค ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป

    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกล้วยต้มหั่นแช่แข็ง” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. แจง แป้งฝุ่นที่ขายในไทยปลอดภัย ไร้การปนเปื้อนแร่ใยหิน ขอผู้บริโภควางใจ
    อย. ยัน “แป้งฝุ่นเด็ก” ที่จำหน่ายในประเทศไทยไม่มีการปนเปื้อน “แร่ใยหิน” มีการเฝ้าระวังตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดสม่ำเสมอ ขอผู้บริโภควางใจ

    จากข่าวต่างประเทศที่มีผู้ฟ้องร้องบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กรณีใช้แป้งฝุ่นเด็กของบริษัทแล้วเป็นมะเร็งบริเวณเนื้อเยื่อรอบหัวใจสาเหตุจากในแป้งมีแร่ใยหินปนเปื้อน และคณะลูกขุนของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาสั่งให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องร้องนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ว่า แป้งฝุ่นโรยตัวเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบหลัก คือ ทัลคัม (Talcum) เป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติ ช่วยดูดซับความชื้น ให้ความรู้สึกสบาย นุ่มลื่นผิว ทัลคัมที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางต้องมีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน (Asbestos) เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ปัจจุบันทัลคัมยังคงเป็นสารที่ปลอดภัย สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ติดตามเฝ้าระวังความปลอดภัยของแป้งฝุ่นโรยตัว มาโดยตลอด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน ได้เก็บตัวอย่างแป้งฝุ่นโรยตัวที่มีส่วนผสมของทัลคัมหลายยี่ห้อ รวมทั้งยี่ห้อจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รวมจำนวน 158 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์ทุกรายการไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหิน ขอผู้บริโภควางใจแป้งฝุ่นเด็กที่ขายในไทย มีความปลอดภัย ไร้การปนเปื้อนแร่ใยหิน

    สำหรับคำแนะนำ ในการใช้แป้งฝุ่นโรยตัว ไม่ควรใช้ในปริมาณมาก เพราะผงแป้งจะฟุ้งกระจาย หากสูดดมเข้าไปอาจทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจ นอกจากนี้ กฎหมายได้กำหนดให้แสดงคำเตือนที่ฉลากของแป้งฝุ่น สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ว่า “ระวังอย่าให้แป้งเข้าจมูกและปากของเด็ก” หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มณฑา เลขอย. 50-1-052585-0406 และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอัคคี เลขอย. 50-1-05258-5-0404

    ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ มณฑา (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) Montha (Dietary Supplement Product) เลขอย. 50-1-052585-0406 และอัคคี Aukkee (Dietary Supplement Product) เลขอย. 50-1-05258-5-0404 ซึ่งการแสดงภาพผลิตภัณฑ์ และข้อความ “ “มณฑา” ช่วยเรื่อง ลดความดันสูง ขยายหลอดเลือดหัวใจ และสมอง” “ “อัคคี ช่วยเรื่อง ขับไขมันในร่างกาย ไขมันอุดตันในหัวใจ ไขมันในเลือด” และ “ทานคู่กันสามารถป้องกัน เส้นเลือดตีบ แขนขาอ่อนแรง และเป็นยาอายุวัฒนะ” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...........

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์สมุนไพร “แผ่นแปะลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมัน”
    ผลิตภัณฑ์สมุนไพร “แผ่นแปะลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมัน” ตามที่ปรากฏดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ “ใช้สำหรับลดน้ำหนัก ช่วยเผาผลาญไขมัน” ซึ่งจากการสืบค้นในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยาแล้ว ไม่พบปรากฏผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวนี้

  • อย. เข้ม มาตรการกำกับดูแลนมและผลิตภัณฑ์
    อย. กำกับดูแล นม และผลิตภัณฑ์นม อย่างเข้มงวด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า นมและผลิตภัณฑ์ของนม เป็นอาหารที่มีผู้นิยมบริโภคเป็นวงกว้างและเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงกำกับดูแลนม และผลิตภัณฑ์ของนมอย่างเข้มงวด และเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐานเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ผลการเฝ้าระวัง ในปี พ.ศ. 2565 พบผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐาน ร้อยละ 97.30 ตกมาตรฐาน ร้อยละ 2.70 และปี พ.ศ. 2566 พบผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐาน ร้อยละ 97.06 ตกมาตรฐาน ร้อยละ 2.94 ตามลำดับ หากพบผลิตภัณฑ์ตกมาตรฐาน เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ฉลากระบุ “นมข้นแปลงไขมันหวาน ตรา พาเลซโกลด์ เลขสารบบอาหาร 10-1-21045-1-0004 ควรบริโภคก่อน BBF: 23/05/2023 ...” ตรวจพบจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Staphylococcus aureus 19,000 CFU/กรัม และแบคทีเรีย 21,000 CFU/กรัม และมีปริมาณสารอาหารน้อยกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ ซึ่ง อย. ได้ดำเนินการ ได้แก่ 1. ออกคำสั่งให้งดผลิตนมข้นแปลงไขมันหวานดังกล่าวจนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้เป็นตามมาตรฐาน 2. ติดตามตรวจสอบสถานที่ผลิตอาหารและเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์ซ้ำ และ 3. ดำเนินคดีกับผู้ผลิตอาหารดังกล่าว

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า อย. มีการดำเนินการเฝ้าระวังและติดตามผลอย่างเข้มงวด หากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ ผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ. นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ OVISURE GOLD
    ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ OVISURE GOLD ซึ่งแสดงภาพผลิตภัณฑ์ และข้อความ เช่น “บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดไหล่ อาการเหน็บชา ป้องกันความเสื่อมและโรคกระดูกพรุน ฟื้นฟูข้อต่อ และเสริมสร้างกระดูกอ่อน เสริมสร้าง ภูมิต้านทาน” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความ หลงเชื่อโดยไม่สมควรซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป


  • อย. จัดติวเข้มกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ผู้พิชิตรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 66 เสริมกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่ง

    วันนี้ (11 กรกฎาคม 2566) นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิดการประชุม โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพกลุ่มผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานราก “ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ดี มาพิชิตรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี พ.ศ. 2566” โดยมีผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับรางวัล อย.ควอลิตี้อวอร์ด ประจำปี 2566 และเพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาด้านสถานที่และผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการใช้ตราสัญลักษณ์ อย.ควอลิตี้ อวอร์ด บนฉลากผลิตภัณฑ์ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

    นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการนำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย.จึงได้มุ่งมั่นในการส่งเสริม ยกระดับมาตรฐานการผลิตของผู้ประกอบการทั้งระดับใหญ่และระดับชุมชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของผู้ประกอบการสู่ระดับสากล รางวัล "อย. ควอลิตี้ อวอร์ด" เป็นรางวัลแห่งคุณค่าและความภาคภูมิใจที่ อย. มอบให้แก่ผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจในการพัฒนาสถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ของตนให้มีคุณภาพมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งการที่ภาคธุรกิจโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากสามารถประกอบการได้อย่างเข้มแข็ง จะช่วยให้เศรษฐกิจและประเทศชาติแข็งแรงในที่สุด


  • อย. เผย “แอสพาร์เทม” ยังคงมีความปลอดภัย ใช้ได้ตามเงื่อนไขที่ อย.อนุญาต

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าอย. มีการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยการใช้สารแอสพาร์เทม ตามรูปแบบการบริโภคของประชากรไทย โดยอ้างอิงตามมาตรฐานสากล (โคเด็กซ์) และปรับเงื่อนไขการอนุญาตให้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
    ของไทย อีกทั้ง อย.มีการเฝ้าระวังโดยสุ่มตรวจสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในอาหารตั้งแต่ปี 63 ซึ่งยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ อย.อนุญาต และกำกับดูแลการใช้ให้เป็นไปตามประกาศ สธ. มีความปลอดภัย

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายเพื่อแนะนำผู้บริโภคว่า ควรเลือกบริโภคอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสารแอสพาร์เทมที่มากเกินไป รวมถึงควรระวังในผู้บริโภคบางกลุ่มโดยให้อ่านฉลากอาหารที่มีการใช้แอสพาร์เทม ซึ่งจะมีข้อความระบุ “สารให้ความหวาน (แอสพาร์เทม)” หรือ “วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล (แอสพาร์เทม)” และสำหรับผู้ที่มีสภาวะฟินิลคีโตนูเรีย ควรหลีกเลี่ยง

  • ความรู้ อย. เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
    ไข้หวัดใหญ่ หรืออินฟลูเอนซา (Influenza virus) เป็นโรคที่ทุกคนทั่วไปน่ารู้จักกันเป็นอย่างดี แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ กลุ่ม A, กลุ่ม B และ กลุ่ม C โดยที่กลุ่ม A และ กลุ่ม B เป็นเชื้อก่อโรคที่มักพบได้บ่อยมากที่สุด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามร่างกายได้ โดยอาการจะแตกต่างกันตามอายุของผู้ป่วย ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน จนอาจทำให้เสียชีวิตได้

    บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งหากได้รับเชื้อแล้วอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ได้แก่

    - เด็กเล็กอายุระหว่าง 6 เดือน – 5 ปี ขึ้นไป

    - หญิงตั้งครรภ์

    - ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไป

    - ผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่าง ๆ

    - บุคลากรทางการแพทย์

    การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ว่า มีประสิทธิภาพที่ดีเพราะนอกจากจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้แล้วยังสามารถลดอาการรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย โดยจะฉีดให้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเป็นหลัก ซึ่งควรได้รับการฉีดวัคซีนทุกปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปี ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

    ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

    - ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน

    - เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน

    - ผู้ป่วยที่เป็นหรือมีประวัติเคยเป็นโรค Guillain-Barré Syndrome ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

    - ผู้ที่มีอาการป่วยถึงขั้นรุนแรง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปก่อน

    คำแนะนำ

    เนื่องจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 100% ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือใกล้ชิดผู้ป่วย หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และหมั่นล้างมือบ่อยๆ

  • อย. แจง “สารอะนิลีน” ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ตรวจสอบแล้วไม่พบการจดแจ้งในไทย
    หลังมีข่าวยึดสารอะนิลีนกว่า 5 แสนกิโลกรัมที่เตรียมส่งไป สปป.ลาว เพื่อผลิตเป็นเครื่องสำอาง อย. แจง สารดังกล่าวเป็นสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ในปัจจุบันยังไม่พบเครื่องสำอางที่จดแจ้งผลิตหรือนำเข้ามาขายในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของสารอะนิลีน

    จากข่าวการยึดสารอะนิลีนกว่า 5 แสนกิโลกรัมที่ท่าเรือแหลมฉบัง เตรียมส่ง สปป. ลาว เพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า สารอะนิลีน (ANILINE) CAS No. 62-53-3 จัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในทางอุตสาหกรรมชนิดที่ 3 ในการกำกับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งสหภาพยุโรป (EU) และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศไทยและ สปป. ลาว ได้มีการกำหนดให้สารดังกล่าวเป็นสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง และจากการตรวจสอบไม่พบเครื่องสำอางที่จดแจ้งผลิตหรือนำเข้าที่มีส่วนผสมของสาร
    อะนิลีนในประเทศไทย

    ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เครื่อง iTeraCare
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เครื่อง iTeraCare

    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เครื่อง iTeraCare
    อย.ตรวจสอบแล้ว " ไม่พบการขออนุญาตผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว (ผิดกฎหมาย) " เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ อาจเสียเงินเปล่าและเสียโอกาสในการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

  • อย. พร้อมสนับสนุนและให้คำปรึกษา ชูชาไทยสู่ชาโลก
    อย. พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการชา และให้คำปรึกษาให้สถานที่ผลิตได้มาตรฐาน และขออนุญาตอย่างถูกต้อง นำชาไทยสู่ชาโลก

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่งเสริมการพัฒนาชาไทยสู่ชาโลก โดยเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการขออนุญาตร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ในงานประชุมเครือข่ายชาและกาแฟ ประจำปี 2566 (Tea & Coffee fest 2023) ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา และตามที่กลุ่มผู้พิการทางสายตา sensory intelligence group (SIG) ซึ่งมีความสามารถในการรับรู้รสและกลิ่นได้ดี ได้คิดค้นชาอู่หลง/ชาแดง จากดอยแม่สลอง ออกแบบรสชาติ “ชาสมุนไพรประจำวัน Sence Series” และอยู่ระหว่างขออนุญาตจาก อย. นั้น ขอชี้แจงว่า อย. ส่วนกลาง และ อย. จังหวัด ได้ให้คำปรึกษาแนะนำในการขออนุญาตเลขสารบบอาหารแล้ว ขณะนี้ ยังไม่พบการขออนุญาต อย. อย่างไรก็ตาม อย.จังหวัดพร้อมรับการยื่นคำขอตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหารตามหลักเกณฑ์ GMP กฎหมาย และคำขอรับเลขสารบบประเภทชาจากพืช ซึ่งผู้ประกอบการสามารถดำเนินการยื่นขออนุญาตได้ทันที

    ปัจจุบัน อย.ได้เพิ่มช่องทางการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Submission) ทางเว็บไซด์ https://privus.fda.moph.go.th เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการขออนุญาตทางระบบออนไลน์ได้ ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถศึกษาข้อมูลการขออนุญาตทางเว็บไซด์ https://food.fda.moph.go.th/public-information/category/guide-for-applying-for-permission ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขออนุญาตได้ที่ อย. เบอร์โทร. 0-2590-7320, ​​0-2590-7187 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด

  • อย.เตือน...เครื่องดื่มสมุนไพรก้านตอง ตรา เรนโบว์นี่ พีเพิล เฟรช
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ในชื่อ เครื่องดื่มสมุนไพรก้านตอง (คาวตอง) ตรา เรนโบว์นี่ พีเพิล เฟรช เลขอย. 13-2-03751-2-0009 ซึ่งในการยื่นขออนุญาต ไม่มีการยื่น ข้อมูลประสิทธิผล ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการแสดงข้อความ “ลดความดันโลหิตสูง ลดการสะสมของไขมันที่ทำให้หลอดเลือดแดงแข็ง แก้หัวใจเต้นผิดจังหวะ แก้ไมเกรน” และ “รักษาประจำเดือน มาไม่ปกติ ขับระดู ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะ ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...


  • อย. ตรวจพบแบคทีเรีย ชนิดโคลิฟอร์ม (Coliforms) และแบซิลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) ในผลิตภัณฑ์มัลทิ เกรน มิกซ์ เครื่องดื่มสำเร็จรูปงาดำผสมลูกเดือยและธัญพืช วันผลิต : 10/07/2022 วันหมดอายุ : 09/07/2024

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบสถานที่จำหน่ายอาหาร ชื่อ บริษัท ว๊าว ดี๊ดี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เลขที่ 2539 บิ๊กซีลาดพร้าว ชั้น 3 ห้อง 301-303, 304, 305 ถนนลาดพร้าว แขวงเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร และได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยฉลากระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์มัลทิ เกรน มิกซ์ เครื่องดื่มสำเร็จรูปงาดำผสมลูกเดือยและธัญพืช เลขสารบบอาหาร 60-1-03358-2-0051 วันผลิต : 10/07/2022 วันหมดอายุ : 09/07/2024” ผลการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ พบ Coliforms มากกว่า 23 MPN/100 มิลลิลิตร มาตรฐานกำหนดตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอร์ม น้อยกว่า 2.2 MPN/100 มิลลิลิตร และตรวจพบจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Bacillus cereus 1,200 CFU/กรัม มาตรฐานกำหนดพบ Bacillus cereus ไม่เกิน 100 ใน 1 กรัม จัดเป็นการจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จึงไม่ปลอดภัยในการบริโภค และ อย. อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป



    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์มัลทิ เกรน มิกซ์ เครื่องดื่มสำเร็จรูปงาดำผสมลูกเดือยและธัญพืช” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. แนะผู้บริโภค ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนใช้บริการ+
    อย. แนะผู้บริโภคที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ เลือกสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่ และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยตรวจสอบเลขทะเบียนหรือถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ไว้ ก่อนรับบริการ เพื่อความปลอดภัย

    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปัจจุบันฟิลเลอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจและมีการนำมาใช้กันอย่างมาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้มากยิ่งขึ้น เน้นย้ำถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และวิธีตรวจสอบผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับฉีดเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผิวหนังโดยการเติมเต็มหรือลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม โหนกแก้ม หน้าผาก ใต้ตา จมูก คาง ริมฝีปาก ทำให้ร่องและริ้วรอยดูตื้นขึ้น โดยฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มักจะผลิตจากสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เช่น กรดไฮยาลูโรนิก เป็นต้น

    ฟิลเลอร์ จัดเป็น “เครื่องมือแพทย์” ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ขายต้องขออนุญาตจาก อย. ก่อนจำหน่าย โดยฟิลเลอร์แต่ละชนิดจะมีความเหมาะสมต่อการฉีดในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่แตกต่างกัน รวมถึงปริมาณที่ใช้ และวิธีการฉีด ซึ่งจะมีรายละเอียดกำหนดไว้อยู่บนฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบวิชาชีพ

    ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์อาจพบผลข้างเคียง ได้แก่ อาการคัน ปวด บวม ตึง แดงร้อนบริเวณที่ฉีด ผิวหนังฟกช้ำ ห้อเลือด ผิวหนังติดเชื้อ พบก้อนบริเวณที่ฉีด ผิวหนังบริเวณที่ฉีดดูขาวขึ้นหรือคล้ำลง หรืออาจแพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของฟิลเลอร์ ทำให้เส้นเลือดอุดตัน และอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อตาย หรือตาบอดได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ต้องเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังประจำอยู่ และควรขอใช้สิทธิตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์ว่า ฟิลเลอร์ได้ผ่านการอนุญาตจาก อย. หรือไม่ โดยดูจากเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ หรือตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หรือ ผ่าน QR Code พร้อมกับถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ไว้เป็นหลักฐานก่อนรับบริการ

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิท มิกซ์ ออยล์ (ตรา บีไนน์)
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ วิท มิกซ์ ออยล์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันงาดำ น้ำมันงาขี้ม้อน วิตามินอี และวิตามินเค) (ตรา บีไนน์) เลข อย. 10-1-13056-5-0065 ซึ่งในการยื่นขอ อนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการ บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการ แสดงข้อความ “ฟื้นฟูกระดูกและข้อเข่า ช่วยยับยั้งการเสื่อมของกระดูก ลดอาการอักเสบ เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของ โรคอัลไซเมอร์” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...


  • ความรู้ อย. 9 วิธีใช้ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นกำจัดยุงและแมลงอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
    ยุงและแมลงบางชนิด เป็นพาหะนำโรคมาสู่มนุษย์ อาจก่อปัญหาและสร้างความรำคาญใจให้กับมนุษย์ได้ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นกำจัดยุงและแมลง เป็นทางเลือกหนึ่งในกำจัดยุงและแมลง ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นกำจัดยุงและแมลงอย่างถูกต้องจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ

    การใช้ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นกำจัดยุงและแมลง

    1.ควรใช้ผลิตภัณฑ์เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

    2.ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ในบริเวณที่มีอาหาร และเด็กอ่อน

    3.อ่านฉลากให้เข้าใจก่อนใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด

    4.ห้ามนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทางการเกษตร มาใช้กำจัดแมลงในบ้านเรือน

    5.กรณีฉีดพ่นเพื่อกำจัดแมลง ให้คนและสัตว์ออกจากห้องก่อน

    6.กรณีฉีดพ่นแมลงคลาน ให้ฉีดตามซอกมุม ใต้ตู้ หรือทางที่แมลงเดินผ่าน เท่านั้น

    7.ฉีดพ่นเสร็จแล้วล้างมือให้สะอาด

    8.ควรเก็บไว้ในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร สัตว์เลี้ยง เปลวไฟ และความร้อน

    9.ภาชนะที่ใช้หมดแล้ว ห้ามทิ้งในแหล่งน้ำ ห้ามเผาทำลาย ควรแยกขยะก่อนทิ้ง

    ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นกำจัดยุงและแมลง จัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ อย. ดังนั้นควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยสังเกตฉลากที่มีเลขทะเบียนวัตถุอันตราย อย.วอส. ในกรอบเครื่องหมาย อย. โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” หรือตรวจสอบได้ที่ Line: @FDATHAI

  • โฉมใหม่ ตรวจ ปล่อย สินค้าผ่านด่าน อย. รวดเร็ว เพียงยื่นบัตรประชาชนใบเดียว
    โฉมใหม่ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว สามารถกำหนดสิทธิออกของผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ด่านอาหารและยาลดความซ้ำซ้อนและตรวจสอบสิทธิการออกของของตัวแทนออกของได้ทุกด่านพร้อมกัน ง่าย ๆ ลดขั้นตอน เพิ่มการอำนวยความสะดวก รองรับนโยบาย Smart อย. รวดเร็ว ปลอดภัย นำไทยสู่สากล

    วันนี้ (26 มิถุนายน 2566) ณ ด่านอาหารและยาท่าเรือกรุงเทพ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิดงานประชาสัมพันธ์กระบวนการออกของง่ายกว่าที่คิดซึ่งแนวคิดการดำเนินงานมาจากการที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายประเทศไทย 4.0 เน้นการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนระบบราชการให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนของหน่วยงานรัฐ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาองค์กรสู่ดิจิทัล (FDA Digital Transformation) ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ลดขั้นตอนการให้บริการ เพิ่มการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกระดับ เพื่อรองรับนโยบายการเป็น Smart อย. รวดเร็ว ปลอดภัย นำไทยสู่สากล

    ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการมอบอำนาจเพื่อกำหนด “สิทธิออกของ” จากการยื่นเอกสารด้วยกระดาษ ณ ด่านอาหารและยาแต่ละแห่ง เปลี่ยนเป็นการบริการอิเล็กทรอนิกส์เบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ที่ อย. โดยจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการมอบอำนาจเพื่อกำหนดสิทธิของตัวแทนออกของที่เกิดขึ้นในแต่ละด่านอาหารและยา พร้อมทั้งยังสามารถตรวจสอบสิทธิการออกของของตัวแทนออกของที่ด่านอาหารและยาทุกแห่งได้ในคราวเดียวกันทั้งประเทศ

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่าการตรวจปล่อยสินค้าในรูปแบบใหม่นี้ สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียวของผู้มีสิทธิออกของพร้อมข้อมูลเลขที่ใบขนสินค้าโดยจะเริ่มนำร่องการตรวจปล่อยผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผ่านการอนุญาตจากระบบe-Submission ของกองด่านอาหารและยาก่อน

  • อย. ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ และคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป จัดกิจกรรมสัมมนาระดับภูมิภาคระหว่างประเทศพันธมิตรในเอเชีย เกี่ยวกับกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของวัสดุสัมผัสอาหารและพลาสติกรีไซเคิล
    อย. ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ และคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปจัดกิจกรรม Regional seminar on ‘Food Contact Materials and Safety Requirements applicable to Recycled Plastic’ ระหว่างวันที่ 26-27 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม Carlton Hotel Bangkok กรุงเทพมหานคร เพื่อการเพิ่มความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลกฎระเบียบของสหภาพยุโรปด้านวัสดุสัมผัสอาหารและพลาสติกรีไซเคิล และความจำเป็นในการตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตพลาสติกรีไซเคิลที่ต้องการส่งออกพลาสติกรีไซเคิลไปยังสหภาพยุโรป
    เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการและสหภาพยุโรปจัดกิจกรรมการสัมมนาระดับภูมิภาค Regional seminar on ‘Food Contact Materials and Safety Requirements applicable to Recycled Plastic’ ระหว่างวันที่ 26-27 มิถุนายน 2566 โดยการสัมมนาครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโรป ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบวัสดุสัมผัสอาหาร ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานประเมินความปลอดภัย (European Food Safety Authority, EFSA) ผู้เชี่ยวชาญจากห้องปฏิบัติการอ้างอิงด้านวัสดุสัมผัสอาหาร และมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลความปลอดภัยของวัสดุสัมผัสอาหาร ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ หน่วยงานวิจัย และผู้ประกอบการจากภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมการสัมมนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือด้านวัสดุสัมผัสอาหารระหว่างประเทศในยุโรปและเอเชีย เพิ่มความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลกฎระเบียบของสหภาพยุโรปด้านวัสดุสัมผัสอาหารและพลาสติกรีไซเคิล วิธีการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย และร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ เนื่องจากปัจจุบันสหภาพยุโรปได้ออกกฎระเบียบฉบับใหม่ที่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ต้องการส่งออกวัสดุสัมผัสอาหารที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวเช่นเดียวกับผู้ผลิตในสหภาพยุโรป โดยต้องมีการยื่นขออนุญาตเทคโนโลยีและกระบวนการรีไซเคิล การขึ้นทะเบียนโรงงานรีไซเคิล รวมถึงต้องมีการตรวจประเมินโรงงานรีไซเคิลโดยหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศผู้ส่งออก ทั้งนี้กฎระเบียบดังกล่าวมีผลกระทบกับผู้ส่งออกอาหารที่ใช้ภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลเช่นกัน เนื่องจากผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องต้องสามารถให้ข้อมูลตรวจสอบย้อนกลับเกี่ยวกับที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตรวมถึงภาชนะบรรจุอาหารที่ใช้
    สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ (Asian competent authorities) ของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลความปลอดภัยของวัสดุสัมผัสอาหาร รวมทั้งองค์กร หน่วยงาน และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจต่อกฎระเบียบของสหภาพยุโรปยิ่งขึ้นและรับรู้ถึงความจำเป็นในการตรวจสอบกระบวนการรีไซเคิลตามเงื่อนไขของสหภาพยุโรป เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ผลิตในประเทศที่ต้องการส่งออกสินค้าไปสหภาพยุโรป และลดอุปสรรคทางการค้า รวมทั้งยังสามารถนำความรู้จากการสัมมนาไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณากำหนดมาตรการรองรับ หรือพัฒนาแนวทางในการกำกับดูแลของแต่ละประเทศ เพื่อให้เกิดการคุ้มครองความปลอดภัยจากการใช้ภาชนะบรรจุอาหารของผู้บริโภคภายในประเทศให้ทัดเทียมกับสินค้าที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย อย. มีการอนุญาตการใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล โดยต้องมีการประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการรีไซเคิลและความปลอดภัยของพลาสติกรีไซเคิลที่จะนำมาผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ในทำนองเดียวกับสหภาพยุโรป เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจต่อความปลอดภัยของภาชนะบรรจุอาหารโดยเฉพาะที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รูเซี่ยม (RUXIUM DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT)
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ RUXIUM รูเซี่ยม UC-II ปวดไขข้อ เข่าเสื่อม ร้าวลงขา อาการดีขึ้นชัดเจนใน 2 วัน ...ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริม : อาหาร รูเซี่ยม (RUXIUM DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) เลขอย. 10-1-15662-5-0041 ซึ่งในการยื่นขออนุญาต ไม่มีการยื่น ข้อมูลประสิทธิผล ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการแสดงข้อความ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รูเซี่ยม ช่วยลดอาการปวดข้อและหัวเข่า” และ “ปวดไขข้อ เข่าเสื่อม ร้าวลงขา อาการดีขึ้นชัดเจนใน 2 วัน เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดย ไม่สมควร ซึ่ง อย.จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป..

  • อย. หนุนเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีตรวจเยี่ยมสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพ
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 โดยนายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากความหลากหลายของทรัพยากรและภูมิปัญญาของแต่ละพื้นถิ่นเพื่อให้เกษตรกรฐานรากและผู้ประกอบการในชุมชนมีรายได้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่ง อย. จังหวัดทั่วประเทศได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในชุมชน ทั้งด้านความรู้เชิงวิชาการของผลิตภัณฑ์สุขภาพและการจัดการสถานที่ผลิตอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ผ่านการอนุญาตจาก อย.ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และสร้างโอกาสการแข่งขันในตลาดระดับประเทศและระดับสากล

    สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีครั้งนี้ อย. ได้เข้าตรวจเยี่ยม (1) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี แหล่งผลิตผลไม้แปรรูป โดยเฉพาะทุเรียน และขนมต่าง ๆ เช่น ทุเรียนทอด ทอฟฟี่ผลไม้ ขนมผิง น้ำพริกต่าง ๆ สถานที่ผลิตได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practices) ผลิตภัณฑ์ได้คุณภาพตามมาตรฐาน อย. สามารถส่งขายต่างประเทศได้ และได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน ตั้งแต่ปี 2552 (2) บริษัท เอ็มออชาร์ด จำกัด สถานที่ผลิตเครื่องหอม เครื่องสำอางจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สปา และผลิตภัณฑ์กันยุง โดยผสมผสานแนวความคิดทางเภสัชกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น สถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐาน อย. มีการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค (3) วิสาหกิจชุมชนคลองน้ำเค็มทันใจ เป็นแหล่งแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรโดยเน้นความแปลกใหม่ เพื่อให้เกิดความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับภูมิปัญญาบรรพบุรุษ เช่น เมี่ยงทุเรียน ชีสมังคุด แครกเกอร์ทุเรียน ชีสทุเรียน โดยสถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐาน อย. ได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ในปี 2561 ประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน ทั้งนี้ อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ได้ให้คำแนะนำด้านคุณภาพมาตรฐานในการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพ รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการในชุมชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานให้เศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็ง ส่งต่อให้เศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศมั่นคงแข็งแรงในที่สุด

  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คิวแคน พลัส ซีบีดี (QCAN Plus CBD)
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คิวแคน พลัส ซีบีดี (QCAN Plus CBD)
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ คิวแคน พลัส ซีบีดี (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม) เลข อย. 19-1-20659-5-0078 ซึ่งในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้าง แต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการ บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการแสดงข้อความ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร QCAN Plus CBD ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ 3 ชนิด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแข็งแรง” เป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทาง กฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป..


  • อย. ตรวจพบซิลเดนาฟิล และ ทาดาลาฟิล ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บีแอลเอ็กซ์ ตรา บาลานซ์ รุ่นการผลิต BACTH NO : 020522 วันผลิต MFG : 04052022 ควรบริโภคก่อน BBF : 04052024

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหารจากสถานที่จำหน่ายอาหาร ชื่อบริษัท บาลานซ์ แบรนด์ จำกัด ณ เลขที่ 259 ซอยพระรามที่ 2 ซอย 39 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยฉลากระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บีแอลเอ็กซ์ ตรา บาลานซ์ เลขสารบบอาหาร 13-1-01464-5-0005 ผลิตโดย บริษัท เอสอาร์วาย โฟว์ตี้ไฟว์ จำกัด เลขที่ 56/36-37 หมู่ 9 ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150 รุ่นการผลิต BACTH NO : 020522 วันผลิต MFG : 04052022 ควรบริโภคก่อน BBF : 04052024 บรรจุ : 10 แคปซูล น้ำหนักสุทธิ : 6 กรัม” ผลการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ พบยาแผนปัจจุบันซิลเดนาฟิล (Sildenafil) และ ทาดาลาฟิล (Tadalafil) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ 35 ยากลุ่มที่ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จึงเป็นอาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปนอยู่ด้วย เข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภค และ อย. อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป



    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บีแอลเอ็กซ์ ตรา บาลานซ์” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. ชวนตรวจสอบยาเสพติดก่อนทำลายให้สิ้นซาก กว่า 32 ตัน มูลค่า 21,419 ล้านบาท
    อย. และหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมตรวจสอบยาเสพติดของกลาง น้ำหนักรวมกว่า 32 ตัน มูลค่า 21,419 ล้านบาท ณ คลังยาเสพติดของกลาง อาคาร 6 ชั้น 1 ตึก อย. อย่างโปร่งใส ก่อนนำไปทำลายครั้งที่ 56 ในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ซึ่งในการทำลายยาเสพติดครั้งนี้ ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NG) ในการเผาไหม้ที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,200 °C พร้อมทั้งระบบควบคุมสารมลพิษที่เหลือจากการทำลายที่ทันสมัย มั่นใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ตรงตามมาตรฐานสากล US EPA ในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมอันตราย

    นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าด้วยการตรวจรับ การตรวจพิสูจน์ การเก็บรักษา การทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์ และการรายงานยาเสพติด พ.ศ. 2565 ได้กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้เก็บรักษายาเสพติดของกลาง ณ คลังยาเสพติดของกลาง โดยในปี 2566 มียาเสพติดของกลางที่ทำลายจำนวนรวมกว่า 32,472 กิโลกรัม จาก 192 คดี มูลค่ารวม 21,419 ล้านบาท โดยมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ที่มีน้ำหนักมากสุดกว่า 20,680 กิโลกรัม รองลงมา คือ เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) น้ำหนักกว่า 5,942 กิโลกรัม คาทีน (นอร์ซูโดอีเฟดรีน) + คาทิโนน น้ำหนักกว่า 5,006 กิโลกรัม คีตามีน น้ำหนักกว่า 364 กิโลกรัม เฮโรอีน น้ำหนักกว่า 275 กิโลกรัม เอ็มดีเอ็มเอ น้ำหนักกว่า 85 กิโลกรัม โคคาอีน น้ำหนักกว่า 43 กิโลกรัม ไนเมตาซีแพม น้ำหนักกว่า 22 กิโลกรัม และฝิ่น น้ำหนักกว่า 6 กิโลกรัม ซึ่งจะนำไปทำลายในวันที่ 26 มิถุนายน 2566

    ทั้งนี้ ก่อนที่จะนำยาเสพติดของกลางไปทำลาย คณะทำงานทำลายยาเสพติของกลาง ด้านตรวจรับ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองทัพบก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะต้องตรวจสอบยาเสพติดของกลาง เพื่อให้ทราบน้ำหนัก ลักษณะ และประเภทของยาเสพติด พร้อมทั้งสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจเบื้องต้นว่าเป็นยาเสพติดจริง และในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ประธานคณะทำงานทำลายยาเสพติของกลาง ด้านตรวจรับ จะส่งมอบให้ประธานคณะทำงานทำลายยาเสพติของกลาง ด้านขนย้ายเพื่อนำยาเสพติดของกลางไปทำลายที่ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ต่อไป

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร"โมวิตา (Movita)"
    ผลิตภัณฑ์ ฉลากระบุ Movita ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ โมวิตา (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) / Movita (Dietary Supplement Product) เลขอย. 13-1-02954-5-0591 ซึ่งในการยื่นขออนุญาตไม่มีการ ยื่นข้อมูลประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และต้องแสดงคำ เตือนดังกล่าวบนฉลาก และการแสดงข้อความ “ต่อสู้กับความเจ็บปวดข้อกระดูก การอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่พยุงข้อต่อ” “ช่วยบำรุงระบบการทำงานของน้ำในข้อต่อ” และ “ช่วยคลายอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพของอาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป

  • อย.ร่วมกับ ตำรวจ“ทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท”
    วันที่ 15 มิถุนายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ, นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ รักษาการผู้อำนวยการกองกฎหมาย, องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ(ตำรวจสากล) และสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา(HSI), หน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ(TCIU), สำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลกรุงเทพ(Interpol NCB Bangkok) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมเครือข่ายลักลอบจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ ข้ามชาติ ตรวจค้น 6 จุด จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ตรวจยึดของกลางเป็นยาลดน้ำหนัก, ยาอื่นที่เป็นความผิดตาม พรบ.ยา พ.ศ. 2510 กว่า 270 รายการ มูลค่า กว่า 6,000,000 บาท

    พฤติการณ์ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้รับประสานจาก ผู้แทนทางการมาเลเซียและองค์การตำรวจสากล ผ่านกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณี Ms.Gaukhar Kussainova สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งมีชื่อในวงการขายยาลดน้ำหนักว่า “มาเรีย คิม” เป็นผู้ต้องสงสัยในการจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทซึ่งถูกจับกุมในประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 โดยมีการจัดส่งยาลดน้ำหนักจากประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์จำนวน 3 เว็ปไซต์ ได้แก่ 1. www.SlimMedicine.com, 2. www.panbesy.com และ 3. www.yanheeslimmingpills.com จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า

    มีการโพสต์ขายยากลุ่มลดน้ำหนัก ยาระงับหิว ยานอนหลับ และขายยาลดน้ำหนักในรูปแบบยาชุด อวดอ้างสรรพคุณการลดน้ำหนักจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ ราคา 3,230 - 11,390 บาท โดยมีสูตรยาชุดต่างๆ เช่น สูตรลดน้ำหนัก Yanhee 7 วัน, สูตรลดน้ำหนัก Bangkok 20-25 kg 28 วัน และ สูตรลดน้ำหนัก Derm Care DC mega strong plus 20-25 kg 28 วัน เป็นต้น โดย

    มีการรีวิวสรรพคุณการลดน้ำหนักผ่านช่องทาง YOUTUBE ชื่อThai Diet Pill

    ( https://www.youtube.com/watch? v=Peq561idBcI ) และได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรณีมีการจับกุมยาชุดลดน้ำหนักในประเทศจีน ซึ่งมีลักษณะตรงกับ ยาลดน้ำหนักสูตร Derm Care DC ที่มีการจำหน่ายโดยเครือข่ายของ มาเรีย คิม ในประเทศไทย

    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน จนทราบสถานที่จัดเก็บ และบรรจุยาลดน้ำหนักเพื่อจัดส่งให้กับลูกค้า และได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ Mr. SHABIR ฯ สัญชาติปากีสถาน ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ”

    วันที่ 23 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจค้นสถานที่เก็บ และบรรจุยาลดน้ำหนัก จำนวน 2 จุด ภายในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ซอยอ่อนนุช 17 แขวง/เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัว Mr. SHABIRฯ สัญชาติปากีสถาน (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) พร้อมตรวจยึดยาชุดบรรจุเสร็จ จำนวน 20 ชุด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 35,819 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 92,750 เม็ด, กล่องพัสดุและซองบรรจุยา ประมาณ 6,000 ชิ้น และอุปกรณ์เอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 74 รายการ

    จากการเข้าตรวจค้นห้องพัก ของผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบถึงเครือข่ายบุคคลที่เกี่ยวข้อง และแหล่งที่มาของยาลดน้ำหนัก และได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม อีก 4 ราย ได้แก่ 1. Ms. GAUKHARฯ สั ญชาติคาซัคสถาน, 2. Mr. Anthonyฯ สัญชาติฟิลิปปินส์, 3. น.ส.วรัญญาฯ สัญชาติไทย และ 4. น.ส.พรเพ็ญฯ สัญชาติไทย ในข้อหา “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ”

    วันที่ 31 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), เจ้าหน้าที่องค์การตำรวจสากล และ เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา ทำการตรวจค้น สถานที่เก็บของ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัด กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และประจวบคีรีขันธ์ รวมจำนวน 4 จุด ดังนี้

    - สถานที่เก็บและบรรจุยาลดน้ำหนักเพื่อส่งให้ลูกค้า ในบ้านพักอาศัย ในพื้นที่ ม.8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุม Mr. Anthonyฯ สัญชาติฟิลิปปินส์ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึด ยาชุดบรรจุเสร็จ 6 ชุด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 54,363 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 51,500 เม็ด และ อุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 135 รายการ

    - สถานที่เก็บและจัดส่งยาให้ Mr. SHABIR และ Mr. Anthony เพื่อนำมาบรรจุส่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้า จำนวน 2 จุด บริเวณบ้านพักในพื้นที่ชุมชนจันทร์เกษม ซ.ประชานฤมิตร ถ.กรุงเทพนนท์ แขวง/เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จับกุม น.ส.วรัญญา ฯ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 65 เม็ด , ยามีทะเบียน จำนวน 4,200 เม็ด, กล่องพัสดุและซองบรรจุยา ประมาณ 140 ชิ้น และอุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 17 รายการ

    - สถานที่เก็บและจัดส่งยาให้ Mr. SHABIR และMr. Anthony เพื่อนำมาบรรจุส่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ในบ้านพักอาศัยพื้นที่ หมู่ 7 ต.บางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม น.ส.พรเพ็ญ ฯ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึด ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 16,160 เม็ด, ยามีทะเบียน 920 เม็ด, แคปซูลเปล่าพร้อมบรรจุ 90,500 แคปซูล, วัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิตยา รวมถึงกล่องพัสดุและซองบรรจุยา กว่า 500 ชิ้น รวมถึงอุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 47 รายการ

    รวมตรวจค้น 6 จุด ตรวจยึด ยาที่มีส่วนผสมวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1(ไซบูทรามีน) กว่า 2,000 เม็ด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยว่าผสมของวัตถุออกฤทธิ์ฯ จำนวน 104,000 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 149,000 เม็ด, ยาชุดลดน้ำหนักพร้อมส่งให้กับลูกค้า 26 ชุด ประมาณ 5,400 เม็ด, แคปซูลเปล่าคละสี จำนวน 90,500 แคปซูล, กล่องพัสดุและซองยาสำหรับส่งให้ผู้บริโภค ประมาณ 10,000 ชิ้นและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาลดน้ำหนัก รวมถึงพยานหลักฐานอื่น รวม 272 รายการ มูลค่ากว่า 6,000,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บตัวอย่างยาของกลางที่ตรวจยึดในแต่ละจุดส่งตรวจ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

    วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ได้รับผลตรวจวิเคราะห์ของกลางที่ตรวจยึดจาก Mr. SHABIRฯ พบว่ามี “ไซบูทรามีน” ผสมอยู่ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2566 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อทางการค้าและร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์และยารวมกันหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดไว้ล่วงหน้า เพื่อประโยชน์ทางการค้า” ส่วนยาของกลางที่ตรวจยึดจากจุดอื่นๆ อยู่ระหว่างรอผลตรวจ หากพบวัตถุออกฤทธิ์ผสมอยู่ จะเรียกมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

    ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย Mr. SHABIRฯ และ Mr. Anthony ฯ ให้การรับว่า Ms. GAUKHAR หรือมาเรีย คิม เป็นผู้สั่งการ ให้ตนทำการบรรจุยาและส่งให้ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 20,000-25,000 บาท ส่วน น.ส.วรัญญา ฯ และ น.ส.พรเพ็ญฯ ให้การรับว่า Ms. GAUKHARฯ ได้สั่งซื้อ ยาลดน้ำหนักและผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ จากตน เมื่อได้รับออเดอร์ ก็จะไปจัดหายาตามแหล่งขายต่างๆ และจัดส่งให้กับ Mr. SHABIRฯ และ Mr. Anthonyฯ โดยผลตอบแทนที่ได้จากการหาซื้อยาลดน้ำหนักจะบวกกำไรจากยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง

    การทลายเครือข่ายดังกล่าวพบว่า มีการส่งยาลดน้ำหนักไปขายต่างประเทศรวมกว่า 34 ประเทศ มากกว่า 600 ครั้ง เช่น สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, อังกฤษ, จีน และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่ มกราคม-มีนาคม 2566 เครือข่ายยาลดน้ำหนักดังกล่าว มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 3 ล้านบาท โดย Ms. GAUKHARฯ หรือมาเรีย คิม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังองค์กรตำรวจสากล เพื่อประสานการจับกุมตัวมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    จากการตรวจค้นห้องพัก Mr. SHABIR ฯ ผู้ต้องหา พบพยานหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินของสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรม จำนวนมาก จึงทำการสืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาลดน้ำหนัก พบว่า Ms.GAUKHARฯ ได้ว่าจ้างให้เอเย่นชาวไทยเปิด OPD กับทางสถานพยาบาลเพื่อให้ได้ เลขประจำตัวผู้ป่วย(เลข HN) ในนามของ Ms.GAUKHAR ฯ จากนั้นจะให้ Mr. SHABIRฯ โทรสั่งซื้อยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำยามาให้ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด Ms.GAUKHAR ฯ ไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่อย่างใด เมื่อกลุ่มผู้ต้องหารับยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรม แล้ว ผู้ต้องหาจะนำไปจัดเป็นชุดและส่งขายต่อให้ผู้บริโภคอีกทอด



    วันที่ 21 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับคณะกรรมการอาหารและยา(อย.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และองค์การตำรวจสากล จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบสถานพยาบาล ยันฮีคลินิกเวชกรรม และตรวจยึด เอกสารประวัติการเข้ารักษาเลขประจำตัวผู้ป่วย(เลขHN) ระบุชื่อ Mrs.GAUKHARฯ ซึ่งพบว่า ประวัติการเข้ารักษา มีการสั่งจ่ายยากลุ่มสมุนไพรและยาแผนปัจจุบันให้ผู้ป่วยตั้งแต่ ปี 2557 – 2566 จำนวน 113 ครั้ง (ปี 2565 จำนวน 78 ครั้ง, ปี 2566 จำนวน 20 ครั้ง) ซึ่งเป็นการจ่ายยาที่มีความถี่สูง และมีจำนวนปริมาณยาที่มากผิดปกติ กว่าการจ่ายยาให้ผู้ป่วยเฉพาะราย และจากการตรวจสอบรายชื่อแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่กลุ่มผู้ต้องหา พบว่า แพทย์ผู้สั่งจ่ายยาเป็นแพทย์แผนจีน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่ผู้ป่วยได้ จึงได้ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียน และพยานหลักฐานอื่น รวม 15 รายการ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดได้แก่ ผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาลของ ยันฮีคลินิกเวชกรรม และแพทย์แผนจีนที่สั่งจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยต่อไป



    การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1.ประมาลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ฐาน “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อทางการค้า” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,500,000 บาท

    2.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510

    - ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

    -ฐาน “ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    3. ในส่วนผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ,ผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาล และแพทย์ผู้จำหน่ายยา จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

    พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า การซื้อผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ต้องเข้ารับการรักษาจากสถานบริการที่ได้รับอนุญาต และการสั่งยาผ่านโดยแพทย์เท่านั้น และขอเตือนผู้ที่ลักลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันและวัตถุออกฤทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายยาลดความอ้วนทางสื่อออนไลน์ ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด ขอพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่อง หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค

    ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ กล่าวว่าปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ค้าตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้จำนวนมาก จนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และแจ้งข่าวเตือนประชาชนให้ทราบข้อมูลอยู่เสมอเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ทานแล้วลดน้ำหนักเห็นผลไวเห็นผลจริง ปลอดภัย การันตี ไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างใช้ลดน้ำหนักเหล่านี้มักพบว่ามีส่วนผสมของไซบูทรามีนหรือยาแผนปัจจุบัน ที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางที่ทำให้ไม่รู้สึกหิว และอิ่มเร็วจึงเป็นที่นิยมในการลักลอบใส่ในกลุ่มยาชุดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างลดน้ำหนัก ผลข้างเคียงที่พบบ่อยสำหรับคนที่กินยาที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน ได้แก่ ปากแห้ง ท้องผูก ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว อาจทำให้เสียชีวิตได้ จึงขอย้ำว่าอย่าซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเองโดยเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์

    ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจากอย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และLine@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่านEmail: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


  • อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นิโคแคล แคลเซียม ชนิดแคปซูลนิ่ม
    อย.เตือน...ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริม อาหาร นิโคแคล แคลเซียม ชนิดแคปซูลนิ่ม (NIKOCAL CALCIUM SOFT GEL CAPSULE DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) เลขอย. 13-2-04959-2-0173 ซึ่งในการยื่นขออนุญาต ไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผล ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหาร ไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการแสดงข้อความ “ไม่สูงมาเป็น 10 ปี เตี้ยกรรมพันธุ์ทานแคลม่วงทุกวัน 2 เม็ด สูงเพิ่ม 5+” “นิโคแคลแคลเซียม เพิ่มความสูง ดีต่อข้อต่อ ปวดข้อปวดเข่า” “ส่วนสูง ทานแคลม่วง 2 เม็ดทุกวัน เพิ่มมา 10+” และ “แคลเซียมเพิ่มความสูง นิโคแคลแคลเซียม” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จ หรือ หลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหารพ.ศ. 2522 ต่อไป..


  • อย. เปิดคอร์สติดปีกความรู้ผู้ประกอบการอาหาร SMEs ยกระดับการแข่งขันสู่เวทีโลก
    อย. ติวเข้มผู้ประกอบการผลิตอาหารระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน มุ่งส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการจัดเตรียมสถานที่ผลิตอาหารให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์วิธีที่ดีในการผลิตอาหาร และการขออนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร ให้สามารถผลิตอาหารตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก



    เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเปิดการอบรม “โครงการส่งเสริมความรู้การขออนุญาตด้านอาหารสำหรับผู้ประกอบการระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 20 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมมารวยการ์เด้น กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการจัดเตรียมสถานที่ผลิตอาหารให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารและการขออนุญาตผลิตภัณฑ์อาหารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย รวมทั้งผู้ประกอบการผลิตอาหารกลุ่มเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ขนมขบเคี้ยวและน้ำพริก ในระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน นำองค์ความรู้ความเข้าใจในการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพด้านอาหาร ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการให้สามารถผลิตอาหารที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย แสดงฉลากและโฆษณาผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผลประโยชน์ของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สร้างโอกาสในการแข่งขันทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งสนับสนุนการกระจายรายได้สู่ประชาชนในท้องถิ่น



    การเสริมทักษะในครั้งนี้ อย. มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน ที่ผ่านการอบรมมีความรู้ความเข้าใจในการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพด้านอาหารเพิ่มมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการตลาดในเวทีระดับโลก มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

  • ความรู้ อย. ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล ลดปัญหาเชื้อดื้อยา
    ที่ผ่านมายังพบว่าคนไทยยังมีความเข้าใจผิดในว่ายาปฏิชีวนะคือยาแก้อักเสบ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง เช่น การซื้อยาใช้เอง การใช้ยาผิดข้อบ่งชี้ ใช้ยาผิดขนาด หรือใช้ยาไม่นานพอที่จะกำจัดเชื้อได้ ทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาตามมา ซึ่งปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะและเกิดเชื้อดื้อยานั้นเป็นปัญหาที่มีมานานและยังเป็นปัญหาที่พบได้มากในปัจจุบัน ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับยาปฏิชีวนะกันก่อน ดังนี้

    ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการทำลาย ฆ่า หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียโดยผ่านหลาย ๆ กลไก ไม่มีฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัส จึงไม่ช่วยให้โรคติดเชื้อไวรัสหรือโรคภูมิแพ้หายเร็วขึ้นหรือมีอาการดีขึ้น และยาปฏิชีวนะไม่ใช่ยาแก้อักเสบ
    การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม พบได้หลายรูปแบบ ได้แก่
    ∙ การใช้ยาที่มีระยะเวลาสั้นเกินไป ลืมรับประทานยารวมถึงการหยุดยาปฏิชีวนะเมื่ออาการดีขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากใช้ยาไม่ครบตามจำนวนวันที่แพทย์สั่ง
    ∙ การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินความจำเป็น เช่น ใช้ยาติดต่อเป็นระยะเวลายาวนานโดยไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้
    ∙ การใช้ยาในขนาดต่ำเกินไป เช่น รับประทานยาแค่ 2 มื้อ แต่ที่ควรจะเป็นคือ 4 มื้อ ทำให้ไม่เพียงพอต่อการออกฤทธิ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    ∙ การใช้ยาไม่ถูกกับโรค เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส
    ∙ การแบ่งยากันใช้ ทำให้เกิดการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมหลายอย่าง เช่น ใช้ยาไม่ถูกกับโรค ใช้ขนาดยาไม่ถูกต้อง เป็นต้น

    เราช่วยกันลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ โดยปฏิบัติตามแนวทางการใช้ยา 3 ข้อ ต่อไปนี้

    1.ใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น การป่วยด้วยโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
    2.กินยาปฏิชีวนะให้ครบขนาดตามที่แพทย์สั่ง หากหยุดกินเองเชื้อแบคทีเรียจะปรับตัวให้คงทนต่อยามากขึ้นและกลายเป็นเชื้อดื้อยาในที่สุด
    3.ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ยาแรงหรือกว้างเกินไป เพื่อมุ่งให้หายจากอาการป่วยโดยเร็ว ซึ่งหากใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงในการรักษาเริ่มแรกทันที เมื่อเกิดการดื้อยาขึ้นจะทำให้ไม่มียาขนานต่อไปเพื่อใช้ในการรักษา

    อันตรายจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ

    1.เกิดการแพ้ยา ซึ่งหากแพ้ยารุนแรงผิวหนังจะเป็นรอยไหม้ หลุดลอก หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต

    2.เกิดเชื้อดื้อยา การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อกระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียกลายพันธุ์เป็นเชื้อดื้อยา ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาปฏิชีวนะที่แรงขึ้น แพงขึ้น อาจได้รับผลข้างเคียงจากยามากขึ้น ซึ่งเหลือให้ใช้อยู่ไม่กี่ชนิด สุดท้ายก็จะไม่มียารักษา และเสียชีวิตในที่สุด

    3.เกิดโรคแทรกซ้อน ยาปฏิชีวนะจะฆ่าทั้งแบคทีเรียก่อโรคและแบคทีเรียชนิดดีมีประโยชน์ในลำไส้ เมื่อแบคทีเรียชนิดดีตายไป เชื้ออื่น ๆ จึงฉวยโอกาสเติบโตมากขึ้น ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

    ยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตรายที่ห้ามจำหน่ายในร้านค้าทั่วไป แนะนำให้เข้ารับบริการ ณ ร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยสังเกตได้จากป้ายกำกับแสดงเลขที่ใบอนุญาตขายยาและป้ายระบุชื่อพร้อมภาพเภสัชกรประจำร้าน ซึ่งจะต้องติดไว้ ณ ที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย และมีเภสัชกรที่ได้มาตรฐานปฏิบัติงานตลอดเวลาที่เปิดทำการ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด


  • อย. เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอรานอล (Eranol Dietary Supplement Product)
    ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอรานอล (Eranol Dietary Supplement Product) เลขอย. 10-1-03958-5-0293 ซึ่งในการยื่นขออนุญาต ไม่มีการยื่นข้อมูล ประสิทธิผล ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และการแสดงข้อความ เช่น “Eranol อาหารเสริมฟื้นฟูเส้นประสาทการได้ยินและลดภาวะเสียงดังในหู” และ “ฟื้นฟูการได้ยิน 100% โดยไม่มีการผ่าตัด ให้คุณใช้ ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องช่วยฟัง” และ “Eranol สามารถรักษาโรคหู ได้ทุกประเภท” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือ สรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการ ฝ่าฝืนพรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป..

  • อย. ตรวจพบซิลเดนาฟิล ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอัลฟ่าพลัส LOT No : AP6510/03 MFG : 28/10/2022 EXP : 28/10/2024
    พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอัลฟ่าพลัส (Alpha+) เลข อย. 11-2-04463-5-0047 ขายทางออนไลน์ ระบุสรรพคุณในการเสริมสมรรถภาพทางเพศ

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ สสจ. สมุทรปราการได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อัลฟ่าพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เลขสารบบอาหาร 11-2-04463-5-0047 LOT No : AP6510/03 MFG : 28/10/2022 EXP : 28/10/2024 ส่งตรวจวิเคราะห์หายาแผนปัจจุบันกลุ่มเสริมสมรรถภาพทางเพศ พบยาแผนปัจจุบันซิลเดนาฟิล จัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ โดยซิลเดนาฟิลจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ออกฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทตา ถึงขั้นตาบอดได้ มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง และอาจเป็นภัยร้ายแรงถึงชีวิตโดยคาดไม่ถึง มีข้อควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคตับ ไต ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ โรคหัวใจล้มเหลว โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บหน้าอกแบบไม่คงที่ ซึ่งขณะนี้ สสจ. สมุทรปราการอยู่ระหว่างดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และ อย. อยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณายกเลิกเลขสารบบอาหารผลิตภัณฑ์ดังกล่าว



    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอัลฟ่าพลัส (Alpha+)” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เตือน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ลูก้า อีฟ (LUCA EVE)
    จากการตรวจสอบการโฆษณาพบข้อความ “LUCA EVE...และตัวนี้มันใช้คู่กันกับอันนี้ใช่ไหมคะ มันจะให้ผลลัพธ์เพิ่มไปอีก 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะมันเป็นเซลล์คอนเน็คกัน....นวัตกรรมตอนนี้มันลงไปข้ามพันธุกรรม ...ครีมสามารถลงไป ที่พันธุกรรมได้ แปลว่าสมมติถ้าคุณเป็นคนผิวเข้มอย่างงี้ คุณขาวได้อีกนิดนึงนะ...มันจะมีความสว่างขึ้นมาอีกเฉดนึงนิดนึง...” และจาก ฐานข้อมูลด้านเครื่องสำอาง พบว่าเครื่องสำอาง ชื่อการค้า ลูก้า อีฟ (LUCA EVE) ชื่อเครื่องสำอาง แอดวานซ์ ไวท์เทนนิ่ง ครีม (ADVANCE WHITENING CREAM) ใบรับจดแจ้งเลขที่ 20-1-6500009507 และเครื่องสำอางซื่อ แอดวานซ์ พี5 บูสเตอร์ เอสเซนส์ (ADVANCE P5 BOOSTER ESSENCE) ใบรับจดแจ้งเลขที่ 20-1-6500038215 ชื่อผู้ผลิต บริษัท บิวตี้ดาราอินเตอร์เทรด จำกัด ที่ตั้ง เลขที่ 99/9 หมู่ 8 ซอย หนองปลาไหล2 ตำบล หนองปลาไหล อำเภอ บางละมุง จังหวัด ชลบุรี 20150 ได้จดแจ้งไว้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุง ผิวหน้าประเภทไม่ล้างออก ซึ่งเครื่องสำอางมีวัตถุประสงค์เพื่อความสะอาด สวยงามเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ร่างกายและรวมถึงการเปลี่ยนแปลงถึงระดับพันธุกรรมได้ ดังนั้นจึงเป็นการโฆษณาด้วยข้อความที่เป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง และทำให้ ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง

  • อย. ลงพื้นที่ประเมินความพร้อม ยกระดับด่านอาหารและยาแม่สอด
    อย. ลงพื้นที่ประเมินความพร้อม ยกระดับด่านอาหารและยาแม่สอด
    วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาดร.วัฒนศักดิ์ ศรรุ่ง ผู้อำนวยการกองด่านอาหารและยา ผู้แทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินความพร้อมในการยกระดับด่านอาหารและยาแม่สอด โดยมีเภสัชกรบุญศักดิ์ อ่อนลิ้ม เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมโรงพยาบาลแม่สอด ให้การต้อนรับและนำเสนอผลการปฏิบัติงานของด่านฯ โดยพบว่าส่วนมากเป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล ซึ่งในปี 2565 มีมูลค่าการนำเข้ามากกว่าพันล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ทีมผู้บริหาร อย.ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รับฟังปัญหาอุปสรรค พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงานด่านอาหารและยา


  • อย. เร่งตรวจข้อเท็จจริงกรณีซอสหอยนางรม
    อย. เผยกรณีพบสิ่งแปลกปลอมในซอสหอยนางรมตามที่มีการนำเสนอบนสื่อสังคมออนไลน์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ลงตรวจสอบสถานที่ผลิตและส่งผลิตภัณฑ์ตรวจวิเคราะห์แล้ว

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์พบสิ่งแปลกปลอมในน้ำมันหอย โดยผู้โพสต์ระบุว่าฉลากแสดงวันหมดอายุวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จากการตรวจสอบพบว่าเป็นซอสหอยนางรม ตราเรือใบ เลขสารบบอาหาร 34-2-01749-2-0017 ผลิตโดย บริษัท นอร์มผลิตอาหาร จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลวารินชำราบ เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิต พบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด สูตรส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนใดมีลักษณะเป็นชิ้นส่วนตามที่ปรากฏในข่าว เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างซอสหอยนางรม ตราเรือใบ ที่ผลิตรุ่นเดียวกับที่เป็นข่าว ส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 แล้ว ผลเป็นประการใด จะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป

    ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ความรู้ อย. ปวดเข่าจากข้อเสื่อม ใช้ยาอะไรดี
    เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนหรือเมื่อมีอายุมากขึ้น หลายคนมักพบเจอกับปัญหาเรื่องกระดูกและข้อทำให้มีอาการปวดเข่าได้ โดยสาเหตุของอาการปวดเข่านั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งที่พบได้บ่อย คือ อาการปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อมที่ถือว่าเป็นโรคที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตมาก บทความนี้จึงมาแนะนำยาที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าจากข้อเสื่อมและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง
    โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมลงของกระดูกอ่อนผิวข้อ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของรูปร่าง หรือโครงสร้างการทำงานของทั้งกระดูกข้อต่อ และกระดูกบริเวณใกล้ข้อ นอกจากนี้ข้อเข่าอาจเสื่อมได้จากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การบาดเจ็บที่ข้อและเส้นเอ็น การบาดเจ็บเรื้อรังที่บริเวณข้อเข่า การเล่นกีฬา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเก๊าต์ รวมถึงการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป อาการของโรคข้อเข่าเสื่อมที่สังเกตได้ง่าย คือ จะมีอาการปวดข้อเข่า มีเสียงลั่นในข้อ หรือรู้สึกเสียดสีเมื่อมีการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเวลาขึ้นบันไดหรือเดินขึ้นทางชัน หรือมีอาการข้อฝืดหรือยึดติดเมื่อหยุดเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
    แนวทางในการรักษาอาการปวดเข่าจาข้อเสื่อม ประกอบด้วย การรักษาแบบใช้ยาและการรักษาแบบไม่ใช้ยา รายละเอียด ดังนี้



    การใช้ยาบรรเทาอาการข้อเสื่อม

    สามารถแบ่งรูปแบบของการใช้ยาได้เป็น 2 รูปแบบ คือ

    1. ยากิน

    วัตถุประสงค์ในการใช้ยา คือ เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ

    ยาที่ใช้ : ยาพาราเซตามอล หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)

    ข้อควรระวัง : ในการรับประทานยาควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับและไต อีกทั้งควรระวังผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ การใช้ยากลุ่ม NSAIDs ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

    2. ยาฉีด

    วัตถุประสงค์ในการใช้ยา คือ เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ ใช้ในกรณีข้อเสื่อมรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น

    ยาที่ใช้ : ยาสเตียรอยด์ (Steroid)

    ข้อควรระวัง : การใช้ยาต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่ควรฉีดประจำเนื่องจากจะไปทำลายกระดูกอ่อนข้อต่อได้



    นอกจากที่จะต้องระวังเรื่องจากการใช้ยาแล้วก็ยังต้องระวังพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย โดยสามารถปรับพฤติกรรมเพื่อลดอาการจากโรคข้อเสื่อมได้ ดังนี้

    1. หลีกเลี่ยงการนั่งในลักษณะที่ต้องงอเข่า เช่น การนั่งพับเพียบ นั่งคุกเข่า หรือนั่งขัดสมาธิ

    2. ไม่ขึ้น - ลงบันไดโดยไม่จำเป็น

    3. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก

    4. ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป

    5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยหลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระโดด แต่หันมาออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ หรือเดินแทน

  • อย.เตือน อันตราย อย่าใช้กาวยึดติดวัสดุในการลอกสิวเสี้ยน
    จากกรณีที่มีคลิปสาธิตการนำกาวสำหรับยึดติดวัสดุมาทาที่จมูกเพื่อลอกสิวเสี้ยน เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ อย.เตือนอย่าทำตาม อันตรายต่อผิวหนัง

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์กาวยึดติดวัสดุ มีคุณสมบัติในการยึดติดแน่นและแห้งเร็ว ใช้ในการเชื่อมติดกันของพื้นผิววัสดุต่าง ๆ เวลาใช้งานต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ประกอบด้วยสารกลุ่มอัลคิลไซยาโนอะคริเลต (Alkyl cyanoacrylate) จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 การใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ อาจได้รับอันตราย ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ บวมแดง หากถูกผิวหนังอย่าพยายามดึงหรือแยกพื้นผิวที่ติดออก ให้ล้างด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ ระวังอย่าให้เข้าตาเพราะเป็นอันตรายต่อดวงตาอย่างรุนแรง หากเข้าตาให้รีบล้างด้วยน้ำอุ่นสะอาดแล้วรีบไปพบแพทย์

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และอย่าทำตาม ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ยาฆ่าเชื้อผสมสเตียรอยด์ ควรใช้เมื่อไหร่
    ยาฆ่าเชื้อผสมสเตียรอยด์ เป็นยาใช้ภายนอก/ยาใช้เฉพาะที่ถูกสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรและมีการใช้อย่างจำกัด เนื่องจากมีส่วนประกอบของยาสเตียรอยด์และตัวยาฆ่าเชื้อ 1 ชนิดขึ้นไปตามวัตถุประสงค์ของการรักษา ซึ่งอาจได้ผลกับบางอาการและตอบสนองกับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่ายาฆ่าเชื้อกับยาสเตียรอยด์มีคุณสมบัติอย่างไร นำมาใช้ผสมกันเพื่อช่วยเรื่องใดบ้าง

    “ยาต้านจุลชีพ”หรือที่มักเรียกกันว่า “ยาฆ่าเชื้อ” ออกฤทธิ์ฆ่าหรือหยุดการเจริญของเชื้อก่อโรค มีการนำมาใช้ในยาสูตรผสมมีหลายกลุ่ม ทั้งยาต้านแบคทีเรีย เช่น เจนตามิซิน (Gentamicin), โพลีมิกซินบี (Polymyxin B) ยาต้านเชื้อรา เช่น โคลไทรมาโซล (Clotrimazole), นิสแททิน (Nystatin) ยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ตลอดจนยาที่มีฤทธิ์ต่อจุลชีพชนิดอื่น ๆ

    สำหรับ “ยาสเตียรอยด์” มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (ลดอาการปวด ร้อน บวม แดง) และฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน เนื่องจากยาสเตียรอยด์มีหลายสูตรโครงสร้าง ทำให้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ยาสเตียรอยด์ที่นำมาผลิตเป็นยาสูตรผสมร่วมกับยาฆ่าเชื้อ เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone), เบตาเมทาโซน (Betamethasone), เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) เป็นต้น

    ยาฆ่าเชื้อผสมสเตียรอยด์ สำหรับใช้ทาภายนอก หรือยาใช้เฉพาะที่ มีทั้งรูปแบบขี้ผึ้ง ครีม เจล ยาน้ำใส และยาน้ำแขวนตะกอน ถูกนำมาใช้รักษาโรคหลายอย่างที่ตอบสนองดีต่อยาสเตียรอยด์และเกิดการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วย ได้แก่

    1. โรคทางระบบผิวหนัง เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบออกผื่น โรคสะเก็ดเงิน

    โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา

    2. โรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ใช้ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่ตา ลดการอักเสบหลังการผ่าตัดตา โรคเยื่อบุตาอักเสบ

    3. โรคเกี่ยวกับหู เช่น รักษาหูชั้นกลางอักเสบ รักษาหูชั้นนอกอักเสบเรื้อรังจากการสัมผัส

    เนื่องจากยาสเตียรอยด์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน จึงใช้รักษาโรคผิวหนังหรืออาการเจ็บป่วยเฉพาะที่ เช่น แผลเริมที่ปาก เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ ระคาย และคัน ตรงบริเวณที่ได้รับยาได้ดี และพบว่าการใช้ยาสูตรผสมที่มีสเตียรอยด์ผสมกับยาฆ่าเชื้อช่วยลดความรุนแรงของโรคหรืออาการข้างต้นได้

    โดยทั่วไปยาสูตรผสมไม่ควรใช้นานเกิน 7 หรือ 10 วัน การใช้เป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการเกิดผลไม่พึงประสงค์มากขึ้น ดังนี้

    1. ยาที่มีสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นยาเดี่ยวหรือยาสูตรผสม หากใช้ตัวยาและความแรงไม่เหมาะสมกับอาการของโรค อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อนรุนแรง รวมถึงผลข้างเคียงบริเวณที่ใช้ยา เช่น ผิวหนังบริเวณที่ทายาบางลง ผิวแดง/ด่าง มีริ้วลาย

    2. หากใช้สูตรยาไม่ตรงกับเชื้อก่อโรค อาจทำให้ไม่ตอบสนองต่อการรักษา เกิดเชื้อดื้อยา และยากต่อการดูแลเมื่อมีการติดเชื้อเรื้อรังหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน อีกทั้งเสี่ยงได้รับผลข้างเคียงจากยาต้านจุลชีพ โดยเฉพาะหากยาสูตรผสมนั้นมียาต้านจุลชีพมากกว่า 1 ชนิดขึ้นไป

    ดังนั้นควรใช้ยาสูตรผสมในระยะเวลาสั้น ๆ หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาชนิดที่มีความแรงสูงเป็นเวลานานและทาเป็นบริเวณกว้าง ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกร ไม่ควรหาซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าการใช้ยาสูตรผสมมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ยาเดี่ยวอย่างชัดเจน และแพทย์จะสั่งใช้เมื่อพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์ในการรักษามากกว่าผลข้างเคียงเท่านั้น

  • อย. เตือนอย่าซื้อเครื่องดื่มโสม กระชายดำ ยี่ห้อนี้ พบสเตียรอยด์ เร่งเอาผิด
    อย. ตรวจเครื่องดื่มสมุนไพรโสมผสม กระชายดำ ตราเทพี พบยกเลิกเลขสารบบไปแล้ว 2 ปี ตรวจพบ สเตียรอยด์ หลังพบโฆษณาเกินจริง เร่งเอาผิดถึงขอนแก่น

    วันที่ 26 พ.ค.2566 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศเผยแพร่ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรโสมผสมกระชายดำ ตราเทพี เลขสารบบอาหาร 40-2-00658-2-0012 ฉลากระบุ “…ชาสมุนไพรตรา เทพี สรรพคุณแก้ปวดตามข้อ ปวดหลัง ปวดเอว โรคเกาท์ รูมาตอยด์ ภูมิแพ้ กระดูกทับเส้นประสาท แก้ปวดประจำเดือน ขับสารพิษออกจากร่างกาย…MFG: 301222 EXP: 301224” ซึ่งจากตรวจเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว พบว่า สถานะผลิตภัณฑ์ยกเลิกโดยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ 16/2/2564

    เมื่อนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตรวจสอบด้วยชุดทดสอบสเตียรอยด์เบื้องต้น พบว่ามีการปนเปื้อนสารสเตียรอยด์ สำหรับสเตียรอยด์ จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย การใช้สเตียรอยด์อย่างไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย

    เช่น มีผลกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เยื่อบุกระเพาะอาหารบางลง อาจทำให้กระเพาะทะลุหรือเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของร่างกาย กระดูกผุ อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออาจเกิดอาการหัวใจล้มเหลวได้

    ทั้งนี้ เนื่องจากสถานที่ผลิตตามเลขสารบบอาหารดังกล่าวตั้งอยู่ที่จ.ขอนแก่น ทาง อย. จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ขอนแก่นเพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น ขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรโสมผสมกระชายดำ ตราเทพี” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน


  • อย.เตือนอย่าเชื่อ เว็บไซต์แอบอ้างชื่อ รพ. หลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
    อย. เตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อเพจและเว็บไซต์ตัดต่อภาพคณะแพทย์โรงพยาบาลชื่อดัง เพื่อการโฆษณาหลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ ตรวจสอบไม่พบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบผลิตภัณฑ์ 3 ชนิด ได้แก่

    1.ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผม ยี่ห้อ Herbs Plant Shampoo ระบุสรรพคุณ “…ช่วยบำรุงผมและปรับปรุงผมชี้ฟู ซ่อมแซมผมขาวตั้งแต่เริ่มต้น...แชมพูแก้ผมหงอก…”

    2.ผลิตภัณฑ์ยารักษาหัวล้าน ยี่ห้อ EELHOE ระบุสรรพคุณ “...ช่วยให้ผมยาวขึ้น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมหนาขึ้น...แก้ผมบาง หัวล้าน...เห็นผลใน 3 วัน...”

    3.ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผม ยี่ห้อ qinf eiyan ระบุสรรพคุณ “…คุณหมอแนะนำรักษาจากราก คนวัย 80 ปี ก็ผมดำได้อีกครั้ง ผมหงอก 20 ปี ได้รับการช่วยชีวิด สูตรสมุนไพรจีน...รักษาที่ต้นเหตุ บอกลาผมสีขาว...”

    ตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีการแอบอ้างใช้ภาพถ่ายของแพทย์ ตลอดจนชื่อและโลโก้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นำไปตัดต่อ ดัดแปลง เติม และใช้ถ้อยคำโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อโดยไม่สมควร ไม่ได้รับอนุญาตโฆษณาและไม่ได้ขออนุญาตผลิตภัณฑ์กับ อย. ทั้งนี้ อย. อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ซึ่งผู้บริโภคสามารถตรวจสอบว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา และเครื่องมือแพทย์ ได้รับอนุญาตหรือไม่ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน ในหัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ความรู้ อย. หมากฝรั่งนิโคติน ช่วยเลิกบุหรี่

    อย่างที่ทราบกันว่าการสูบบุหรี่ทำให้สุขภาพแย่ลง และส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา แต่เนื่องจากในบุหรี่มีสารเสพติดที่ชื่อว่า “นิโคติน” ซึ่งสารชนิดนี้เมื่อร่างกายได้รับแล้ว จะต้องการในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดภาวะเสพติด เมื่อผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ หยุดสูบบุหรี่ จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด ซึมเศร้า กระสับกระส่าย ซึ่งเรียกว่าภาวะถอนนิโคติน ภาวะดังกล่าวเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้เลิกบุหรี่ไม่สำเร็จ หมากฝรั่งนิโคติน จัดเป็นยาที่ช่วยเลิกบุหรี่ที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากใช้ง่าย และสะดวก โดยหมากฝรั่งนิโคติน เป็นหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของนิโคติน มี 2 ขนาด ได้แก่ 2 มิลลิกรัม และ 4 มิลลิกรัม ซึ่งขนาดที่ใช้ขึ้นอยู่กับจำนวนบุหรี่ที่สูบ ใช้ทดแทนนิโคตินจากบุหรี่ ดังนั้นเมื่อเลิกสูบบุหรี่ ก็จะยังได้รับนิโคตินจากหมากฝรั่ง ทำให้เกิดอาการถอนนิโคตินน้อยลงหรือไม่เกิดเลย จึงสามารถช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีจึงจะเห็นผล ผู้ที่ต้องการใช้ควรปฏิบัติดังนี้

    1.เคี้ยวหมากฝรั่งช้า ๆ จนเริ่มมีรสเผ็ดซ่า

    2.เมื่อรู้สึกถึงรสเผ็ดซ่าให้หยุดเคี้ยว แล้วนำหมากฝรั่งไปพักไว้ที่กระพุ้งแก้มข้างใดข้างหนึ่ง

    3.เมื่อรสเผ็ดซ่าหายไปให้นำหมากฝรั่งมาเคี้ยวใหม่

    4.เคี้ยวหมากฝรั่งจนมีรสเผ็ดซ่าแล้วนำไปพักไว้ที่กระพุ้งแก้มเช่นเดิม สลับกันไป ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    5.ห่อหมากฝรั่งด้วยกระดาษให้มิดชิดก่อนทิ้ง เพื่อป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงนำไปเคี้ยวและอาจเกิดอันตรายได้จากนิโคตินที่ค้างอยู่ในหมากฝรั่ง

    ก่อนเริ่มใช้หมากฝรั่งนิโคตินควรหยุดสูบบุหรี่ทันที เพราะหากสูบบุหรี่ควบคู่ไปกับการเคี้ยวหมากฝรั่งนิโคติน อาจทำให้ร่างกายได้รับสารนิโคตินมากขึ้นจนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และควรงดเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด เช่น กาแฟ น้ำส้ม น้ำอัดลม ก่อนเคี้ยวหมากฝรั่ง 15 นาที เนื่องจากทำให้การดูดซึมนิโคตินลดลง และควรกลืนน้ำลายช้า ๆ ไม่กลืนน้ำลายมากเกินระหว่างเคี้ยว เพื่อลดการระคายเคืองทางเดินอาหาร และไม่ควรหยุดหรือปรับเปลี่ยนการใช้หมากฝรั่งเองแม้อาการอยากบุหรี่จะดีขึ้นแล้วก็ตาม หมากฝรั่งนิโคตินเป็นเพียงทางเลือกอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ แต่การเลิกบุหรี่ก็มีอีกหลากหลายวิธี หากสนใจควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม หรือโทร สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600

  • อย.จัดการประชุมสัมมนาเพื่อสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไปยังประเทศมาเลเซีย
    เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยกองความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดการประชุมสัมมนาให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายขององค์กรในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย การประชุมสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออก โดยได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากหน่วยงานของประเทศมาเลเซียที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Malaysia External Trade Development Corporation (MATRADE), Food Safety and Quality Division, Ministry of Health Malaysia และ National Pharmaceutical Regulatory Agency (NPRA) มานำเสนอข้อมูลแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์สุขภาพ กฎระเบียบในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมไปถึงข้อกำหนดที่จำเป็นสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศมาเลเซีย ซึ่งการประชุมสัมมนาดังกล่าว มีผู้ประกอบการไทยที่เข้าสนใจร่วมผ่านทางระบบออนไลน์กว่า 150 คน

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานเปิดการประชุมสัมมนา โดยได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของบทบาท อย. ในการส่งเสริมผู้ประกอบการตั้งแต่ช่วงกลางน้ำ ในการพัฒนาระบบให้คำปรึกษาเพื่อการออกสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม ซึ่งรับผิดชอบโดยกองผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมและการบริการไปจนถึงปลายน้ำโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการรักษาและขยายตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทยซึ่งรับผิดชอบโดยกองความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งนี้มีหัวข้อการอบรมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่

    1. Market insight, trends, and opportunities of Malaysia market นำเสนอภาพรวมของตลาด แนวโน้ม ความต้องการ และโอกาสของผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศมาเลเซีย

    2. Food Control Regulations in Malaysia & Food Import Requirement to Malaysia ซึ่งนำเสนอการแนวทางการกำกับดูแล กฎระเบียบ และข้อกำหนดในการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมาเลเซีย

    3. Cosmetic Registration in Malaysia นำเสนอถึงแนวทางการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนำเข้า รวมไปถึงขั้นตอนในการจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของประเทศมาเลเซีย และ

    4. Herbal Product/Extraction Registration in Malaysia นำเสนอข้อกำหนดกฎระเบียบเกณฑ์การแบ่งประเภท และขั้นตอนกระบวนการสำหรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณในประเทศมาเลเซีย

    ในระหว่างการประชุมสัมมนาผู้ประกอบการมีการซักถามประเด็นข้อสงสัยกับวิทยากรจากหน่วยงานของประเทศมาเลเซียซึ่งทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับการส่งออก นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้จากการประชุมจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาเป็นข้อสรุปแนวทางสำหรับการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อเผยแพร่ผ่านทางส่วนส่งเสริมการส่งออกเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้กับผู้ประกอบการต่อไป

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์สมุนไพร "ประสมบุญ ขี้ผึ้งมรกต ฤทธิ์เย็น"
    อย.เตือนผลิตภัณฑ์สมุนไพร "ประสมบุญ ขี้ผึ้งมรกต ฤทธิ์เย็น" จากการตรวจสอบข้อมูลการโฆษณาผลิตภัณฑ์ตามที่ปรากฏดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ “ขี้ผึ้งสกัด ฤทธิ์เย็น ใช้กัวซา หรือใช้นวดตามร่างกายเพื่อถอนพิษร้อน คลายเส้นเอ็น แก้เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อย แมลงสัตว์กัดต่อย” ซึ่งจากการ สืบค้นในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ไม่พบปรากฏผลิตภัณฑ์สมุนไพร ดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวนี้

  • รู้ทัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมุนไพร ซึ่งเป็นผลิตผลธรรมชาติที่ได้จากพืช สัตว์ จุลชีพ หรือแร่ นำมาใช้ผสม ปรุง หรือแปรสภาพมาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ปัจจุบันคนทั่วไปนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาและป้องกันโรค เพราะทำให้รู้สึกปลอดภัยในการเลือกใช้ และเพื่อความสะดวกและประโยชน์ในการได้รับข้อมูลจากฉลากบรรจุภัณฑ์อย่างครบถ้วน

    “ผลิตภัณฑ์สมุนไพร”ครอบคลุมไปถึง ยาจากสมุนไพร ที่มีทั้งยาแผนไทย ยาพัฒนาจากสมุนไพร และยาแผนโบราณที่ใช้กับมนุษย์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้สำหรับการรักษา บรรเทา ป้องกันโรคหรือ ให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้าง หรือการทำหน้าที่ของร่างกายมนุษย์

    แต่สำหรับ “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม” สามารถสังเกตได้จากลักษณะดังต่อไปนี้

    1) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรือวัตถุที่ทำเทียมทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรแท้ เช่น ผลิตภัณฑ์ “ฟ้าทะลายโจรแคปซูล100%” อาจพบการใช้ผงบอระเพ็ดแทนฟ้าทะลายโจร

    2) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่แสดงชื่อผลิตภัณฑ์ หรือแสดงวัน เดือน ปีที่สิ้นอายุ ซึ่งไม่ใช่ความจริง เช่น จดแจ้งผลิตภัณฑ์กับ อย. ในชื่อ “ABC” หมดอายุ 10/67 แต่นำมาจำหน่ายในชื่อ “AAA” หมดอายุ 10/70

    3) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่แสดงชื่อ เครื่องหมายของผู้ผลิต หรือที่ตั้งสถานที่ผลิต ซึ่งไม่ใช่ความจริง เช่น ผลิตภัณฑ์ “ฟ้าทะลายโจรหรรษา” ฉลากระบุผลิตโดย บริษัท หรรษา จำกัด แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าผลิตจาก บริษัท เริงรื่น จำกัด

    4) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่แสดงฉลากหรือเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่ใช่ความจริง เช่น ฟ้าทะลายโจรB ตอนขึ้นทะเบียนระบุสรรพคุณ “ลดไข้” แต่ตอนจำหน่ายระบุสรรพคุณในฉลากเป็น “รักษาโรคความดัน เบาหวาน ยับยั้งเซลล์มะเร็ง”

    5) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่แสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามตำรับที่ขึ้นทะเบียน แจ้งรายละเอียด หรือจดแจ้งไว้ซึ่งไม่ใช่ความจริง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. แต่อ้างว่ามีเลขทะเบียนตำรับสมุนไพร แต่ใช้เลข อย. ของผลิตภัณฑ์อื่นมาแอบอ้าง

    6) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในตำรับที่ขึ้นทะเบียน แจ้งรายละเอียด จดแจ้ง หรือมีค่าคลาดเคลื่อนผิดจากเกณฑ์ที่รัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการประกาศกำหนด เช่น “ฟ้าทะลายโจรDD” ขึ้นทะเบียนตำรับโดยระบุมีสาร Andrographolide 60 mg. แต่ผลิตออกมาจำหน่ายจริงมีสาร Andrographolide เพียง 15 mg.

    ผู้บริโภคที่มีโรคประจำตัวควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพร ควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์จาก อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งตามกฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะต้องมีเลขทะเบียนตำรับสมุนไพร ขึ้นต้นด้วยอักษร “G” หรืออักษร “K” เช่น G 123/45, K 123/45 และควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หากพบว่ารายละเอียดไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาตอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ชื่อผู้ผลิต ชื่อผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต วัน เดือน ปีที่ผลิตและหมดอายุ เลขทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ปริมาณส่วนประกอบและสารสำคัญ การกล่าวอ้างสรรพคุณ ไม่ควรซื้อมารับประทาน เพราะอาจทำให้ไม่ทราบแต่ละรายละเอียดสำคัญเช่น มาตรฐานการผลิต แหล่งผลิตที่แท้จริง ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เสี่ยงได้รับอันตรายจากสารปนเปื้อน และเสียโอกาสในการรักษา

  • อย. เตือน อย่าซื้อเยลลี่ผสมกัญชาไม่มีเครื่องหมาย อย. แนะอ่านฉลากก่อนบริโภค
    อย. เตือนผู้บริโภคอย่าซื้อเยลลี่ผสมกัญชา ไม่มีเลข อย. เป็นผลิตภัณฑ์ลักลอบนำเข้า เสี่ยงได้รับอันตราย แนะซื้ออาหารที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง และอ่านข้อความบนฉลากให้ละเอียดก่อนบริโภค เพื่อความปลอดภัย

    จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ว่ามีผู้บริโภครับประทานขนมเยลลี่แล้วเกิดอาการผิดปกติจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นขนมเยลลี่ผสมกัญชา โดยมีสติ๊กเกอร์ปิดทับส่วนประกอบที่ระบุว่ามีกัญชาไว้

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบแล้ว เป็นอาหารผลิตจากต่างประเทศ ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้ขอ อย. จากการตรวจสอบข้อมูลการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทย ไม่พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อย. อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน หากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าซื้อขนมเยลลี่ดังกล่าวมารับประทาน เลือกซื้ออาหารที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง และเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการบริโภคและข้อความคำเตือนที่แสดงบนฉลาก

    ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย.เตือน "ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาเอ็น-ดานอล น้ำมันว่าน 801 บวรเวช"
    อย.เตือน "ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาเอ็น-ดานอล น้ำมันว่าน 801 บวรเวช" จากการตรวจสอบข้อมูลและเนื้อหา ตามที่ปรากฏดังกล่าวและจากสืบค้นฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ยาแผนไทย เลขทะเบียนยาที่ G 13/57 แต่อยู่ภายใต้ข้อบ่งใช้ บรรเทา อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ดังนั้นการนำเอาผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวมาใช้เพื่อ “บรรเทาอาการปวด ไหล่ติด ปวดหลัง คอบ่าไหล่ ออฟฟิศซินโดรม นิ้วล็อค ปวดเข่า รอง” ตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่สอดคล้องตามสรรพคุณที่ขึ้นทะเบียนไว้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวในสรรพคุณตามที่กล่าวอ้าง

  • ความรู้ อย. วัคซีนในวัยรุ่น
    วัคซีนในวัยรุ่น
    วัคซีนในวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นวัคซีนต่อเนื่อง ใช้สำหรับการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งถือเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะช่วยลดการเกิดโรคและลดความรุนแรงของโรคได้ โดยวัคซีนแต่ละชนิดมีเกณฑ์การได้รับแตกต่างกันไป ดังนี้
    1.วัคซีนตับอักเสบบี
    โดยปกติทารกควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีครั้งแรกเมื่อแรกเกิด และจะต้องฉีดวัคซีนจนครบชุดเมื่ออายุครบ 6 เดือน
    - แต่สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้มาก่อน ควรฉีดวัคซีนโดยแนะนำให้ฉีด 3 เข็ม ระยะห่าง 0 , 1 และ 6 เดือนตามลำดับ โดยวัคซีนเข็มที่สองไม่ควรฉีดก่อน 1 เดือน หากเลยกำหนด 1 เดือนให้ฉีดเข็มที่สองทันทีที่นึกได้ และนับต่อไปอีก 5 เดือนสำหรับเข็มที่สาม
    - กรณีได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีไม่ครบตามกำหนด (ไม่ครบ 3 เข็ม) ควรฉีดวัคซีนต่อโดยเร็วที่สุด
    https://www.immunize.org/vis/thai_hepatitis_b.pdf
    https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1243
    https://ddc.moph.go.th/uploads/files/1641720210104092850.pdf (Slide18)
    2.วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม

    ปกติจะฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 9 เดือน และเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 1 ปี 6 เดือน
    - สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่หากเคยได้รับมาแล้ว 1 เข็มควรฉีดเพิ่มอีก 1 เข็ม
    - หลีกเลี่ยงการใช้ยาในผู้ที่แพ้ยานีโอมัยซิน เจลาติน หรือเคยมีปฏิกิริยากับวัคซีน MMR อย่างรุนแรง
    3.วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
    - ยุงรำคาญเป็นพาหะนำโรค จะแพร่เชื้อไวรัสในตัวยุงไปยังคนหรือสัตว์ที่ถูกกัด
    - สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรรับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 3-12 เดือน ขึ้นกับชนิดของวัคซีน อาจต้องฉีดกระตุ้นทุก ๆ 4-5 ปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูงพอที่จะป้องกันโรคได้
    4.วัคซีนตับอักเสบเอ
    - ไวรัสตับอักเสบเอติดต่อทางการกิน ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบและตับวายเฉียบพลันได้
    - ปัจจุบันมีวัคซีนตับอักเสบเอชนิดฉีด 1 เข็ม เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น และวัคซีนฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน
    5.วัคซีนอีสุกอีใส
    - โรคอีสุกอีใสในวัยรุ่นมีความรุนแรงสูง ควรฉีดวัคซีนนี้ในวัยรุ่นทุกคนที่ยังไม่เป็นโรคและไม่เคยฉีดวัคซีน
    - ฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน แนะนำในผู้ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 13 ปีขึ้นไป ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน
    6.วัคซีนโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์
    - แนะนำให้กระตุ้นเมื่ออายุ 11-12 ปี และหลังจากนั้นกระตุ้นด้วยวัคซีนโรคคอตีบ-บาดทะยัก ทุก 10 ปี
    - หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน ที่อายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ในทุกการตั้งครรภ์
    7.วัคซีนเอชพีวี
    - ป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอดและทวารหนัก
    - วัคซีนมีหลายชนิด คือ วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์
    - แนะนำฉีดในวัยรุ่น อายุ 9-26 ปี ฉีด 3 เข็ม และในวัยรุ่นแข็งแรงดี หากเข็มแรกฉีดก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม
    - ประสิทธิภาพของวัคซีนจะสูงในผู้ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่เคยติดเชื้อมาก่อน


    8.วัคซีนไข้หวัดใหญ่

    - วัคซีนมี 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิด 3 และ 4 สายพันธุ์
    - แนะนำฉีดวัคซีนในวัยรุ่นทุกปี ปีละ 1 เข็ม เนื่องจากสายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี
    - ห้ามให้ในผู้ที่แพ้ยา/แพ้วัคซีน หรือส่วนประกอบของวัคซีนนี้ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ไข่ โปรตีนจากไก่ ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในกระบวนการผลิตวัคซีน เช่น ยานีโอมัยซิน (Neomycin) และยาโพลีมัยซิน (Polymyxin)
    9.วัคซีนไข้เลือดออก
    - ฉีดได้ในผู้มีอายุ 9-45 ปี ฉีด 3 เข็ม แต่ละเข็มฉีดห่างกัน 6 เดือน สามารถสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไข้เลือดออกได้ 5-6 ปี นับจากวันที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก
    - แนะนำฉีดในผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนและผู้อาศัยในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก สำหรับผู้ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกควรตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน

    หลังได้รับวัคซีนอาจพบอาการข้างเคียง 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
    1.อาการทั่วไป เช่น อาการไข้ อ่อนเพลีย ผื่น เป็นต้น

    2.อาการเฉพาะที่ เช่นอาการปวด บวมแดง เจ็บ คันบริเวณที่ฉีด

    สามารถบรรเทาได้โดยประคบเย็นบริเวณที่บวม ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลง หรืออาจทานยาแก้ปวดลดไข้ร่วมด้วย
    การรับวัคซีนแต่ละชนิดมีข้อบ่งใช้ ระยะเวลา รูปแบบการฉีด และข้อจำกัดของแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป จึงควรได้รับการพิจารณาจากแพทย์ถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยก่อนทุกครั้ง

  • อย. เตือน ผลิตภัณฑ์น้ำมันว่านสมุนไพร "ตราวินไพรด์"
    อย. เตือน ผลิตภัณฑ์น้ำมันว่านสมุนไพร "ตราวินไพรด์"
    อย. เตือน ผลิตภัณฑ์น้ำมันว่านสมุนไพร "ตราวินไพรด์" จากการตรวจสอบข้อมูลการโฆษณา ตามที่ปรากฏดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ “รักษากระดูกทับเส้น ปวดสะโพก ปวดก้นกบร้าวลงต้นขา ไหล่ติดไหล่ยึด พังผืดตามข้อ ปวดจากเกาท์ รูมาตอยด์ รองช้ำ อัมพฤต อัมพาต นิ้วล็อค ข้ออักเสบ” ซึ่งจากการสืบค้นในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แล้ว ไม่พบปรากฏผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวนี้

  • อย. เตือนผลิตภัณฑ์สมุนไพร "ประสมบุญ น้ำสกัดย่านาง ฤทธิ์เย็น" จากการตรวจสอบข้อมูลการโฆษณาพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ “ใช้ดื่มเพื่อ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เพื่อดับพิษร้อน ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือด ต้านมะเร็ง ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด” ซึ่งจากการสืบค้นในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ไม่พบปรากฏผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวนี้

  • อย.เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน่า คอฟฟี่
    อย.เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน่า คอฟฟี่
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน่า คอฟฟี่ ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตรา ลูทีน่า กลิ่นกาแฟ (Dietary Supplement Product LUTENA COFFEE FLAVOUR Brand) เลขอย. 65-1-03662-5-0371 ซึ่งการ แสดงภาพผลิตภัณฑ์และข้อความ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตรา ลูทีน่า กลิ่นกาแฟ ป้องกันโรคต้อลม ต้อกระจกเพิ่มความชุ่มชื้นของดวงตา ป้องกันตาแห้ง ตาล้า ลดอาการตาพร่า ตามัว” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวง ให้ เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืนพรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป

  • อย.เตือน ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ "SATTOCHI สารสกัดจากบอระเพ็ด"
    อย.เตือน ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ "SATTOCHI สารสกัดจากบอระเพ็ด" ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน” และ “ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม SAT TOCHI ปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบจาก อย.” รวมทั้งแสดงใบสำคัญการจดทะเบียนอาหารที่มีข้อมูลไม่ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริง เป็นการ ข้อความ โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพของอาหารโดย ไม่ได้รับอนุญาต และแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่ สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป

  • อย. เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารริชชี่ (ตราพิมพ์พญา)
    อย. เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารริชชี่ (ตราพิมพ์พญา) ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารริชชี่ (ตราพิมพ์พญา) เลขอย. 50-2-02661-5-0021 ซึ่งการแสดงภาพผลิตภัณฑ์และข้อความ “ริดสีดวงดีขึ้นได้ ถ้าได้รับการบำรุงที่ดี โดยไม่ต้อง ถึงห้องผ่า บรรเทา และฟื้นฟู ให้ดีขึ้น ทานสมุนไพรริชชี่พิมพ์พญา ช่วยได้ทุกระยะ” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป

  • อย.เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิซิแนกซ์ (Vizinex)
    อย.เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิซิแนกซ์ (Vizinex) ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริม อาหารวิเนกซ์ (VIZINEX DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) เลขอย. 11-1-06353-5-0020 ซึ่งการแสดงภาพผลิตภัณฑ์และ ข้อความ “Vizinex ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นโดยไม่ต้องทำเลสิก ช่วยฟื้นคืนค่าสายตาได้ถึง 95-100% ผลิตภัณฑ์นี้ใช้ในการแก้ปัญหาโรค ทางตาเช่น สายตาสั้น ต้อหิน ต้อกระจก เส้นประสาทตาอักเสบ จอประสาทตาเสื่อม และโรคตาอื่นๆ ” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ ของอาหารอันเป็นเท็จโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ.2522 ต่อไป

  • ความรู้ อย. สเปรย์ระงับกลิ่นปาก ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริงหรือ ?
    หลังจากที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดมาพักใหญ่ ทำให้ความใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภคยิ่งมีมากขึ้น จึงเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกัน รักษา อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ มาไว้ใกล้ตัว จนบางครั้งพบเห็นการโฆษณาอวดอ้างประโยชน์ต่าง ๆ อาจหลงเชื่อและซื้อมาทดลองใช้แบบไม่ทันคิด เช่น “สเปรย์ระงับกลิ่นปาก”
    สเปรย์ระงับกลิ่นปากเป็นยาหรือไม่ ?
    ตอบ ไม่ใช่ยา สเปรย์ระงับกลิ่นปากจัดเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางสำหรับช่องปาก เช่นเดียวกับยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก ใช้ฉีดพ่นเข้าในช่องปากเพื่อระงับกลิ่นปาก ให้ความรู้สึกหอมสดชื่นจากส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย จึงไม่มีผลต่อการฆ่าเชื้อ ป้องกัน หรือรักษาโรค แต่บางครั้งอาจสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่ามีพืชสมุนไพรหรือส่วนประกอบบางอย่างที่สามารถป้องกันและลดความรุนแรงของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จึงไม่ควรหลงเชื่อ

    รู้ได้อย่างไร “สเปรย์ระงับกลิ่นปาก” ยี่ห้อไหนโฆษณาเกินจริง ?
    ตอบ โฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับช่องปาก ต้องสื่อถึงสรรพคุณหลักในการทำความสะอาด และส่งเสริมสุขอนามัยในช่องปากและฟัน ถึงแม้การโฆษณาเครื่องสำอางจะไม่มีเลขที่โฆษณาให้ผู้บริโภคสังเกต เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้สามารถทำการโฆษณาได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่หากพบการโฆษณาด้วยถ้อยคำหรือภาพที่สื่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของเหงือกและฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ กันเชื้อลงปอด เป็นต้น ข้อความเหล่านี้ถือว่าเข้าข่ายโฆษณาโอ้อวด หลอกลวง เกินจริง

    สเปรย์ระงับกลิ่นปากที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริงไหม ?
    ตอบ อย. ไม่รับจดแจ้งสเปรย์ระงับกลิ่นปากที่แสดงสรรพคุณในการต้านหรือป้องกันเชื้อโควิด-19 เพราะเครื่องสำอางไม่มีผลในการฆ่าหรือยับยั้งเชื้อโรคแต่อย่างใด ดังนั้นการที่มีผลิตภัณฑ์สเปรย์ระงับกลิ่นปากว่าสามารถฆ่ายับยั้ง ป้องกัน รักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จึงไม่เป็นความจริง หากซื้อมาใช้จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองโดยเปล่าประโยชน์ รวมทั้งเสียโอกาสในการรักษาให้หายขาดแต่เนิ่น ๆ

    ทั้งนี้หากต้องการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สเปรย์ระงับกลิ่นปาก ควรตรวจดูเลขที่ใบรับจดแจ้ง โดยจะแสดงเป็นตัวเลข 10 หรือ 13 หลัก เช่น xx-x-xxxxxxx เป็นต้น และหากพบว่ามีการโฆษณาในด้านการรักษาโรค ไม่ควรเสี่ยงซื้อมาใช้


  • อย.ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ทลายเครือข่ายแก๊งค์นายทุนเวียดนาม แอบอ้างชื่อแพทย์ดัง หลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

    อย.ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ทลายเครือข่ายแก๊งค์นายทุนเวียดนาม แอบอ้างชื่อแพทย์ดัง หลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
    วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงข่าวกรณี ทลายเครือข่ายนายทุนชาวเวียดนาม แอบอ้างบุคลากรทางการแพทย์ชื่อดังหลายราย ดำเนเนคดีกับผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 27 รายการ มูลค่าความเสียหาย 61,354,000 บาท พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับแจ้งจาก พญ.ณิชา (สงวนนามสกุล) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ศูนย์โรคผิวหนังโรงพยาบาลกรุงเทพ ว่าพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “โรคผิวหนังในโรงพยาบาล - พญ.ณิชาฯ (https://www.facebook.com/SorionST5/) นำชื่อ-นามสกุลของตน ไปแอบอ้างทำการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายรายการ ตามเพจเฟซบุ๊กอย่างแพร่หลาย โดยที่ตนเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวพบว่ามีการใช้ชื่อแพทย์ตามโรงพยาบาลชื่อดัง 3 ราย โดยมีการตัดต่อรูปภาพแพทย์ รวมถึงแอบอ้างสถานพยาบาลต่างๆ มาประกอบการโฆษณาโดยมีการจัดทำผู้ซื้อสินค้าและผู้รีวิวการใช้ปลอมขึ้น เพื่อหลอกลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อในตัวแพทย์ และอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าเกินความจริงว่าสามารถรักษาอาการต่างๆ ได้ เช่น ท้าทุกอาการ ทา 5 วัน ไร้คันช่วยปกป้อง, เสริมสร้างการทำงานของตับ, ช่วยในการฟื้นตัวของร่างกาย กำจัดเชื้อโรคจากภายในร่างกายจากเม็ดเลือดและช่วยในการไหลเวียนของเลือดเป็นต้นโดยมีการขายในลักษณะ Call-Center คือเมื่อมีผู้บริโภคทำการสั่งซื้อ โดยกรอกรายละเอียดของผู้ซื้อพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับผ่านเว็บไซต์ หรือกล่องข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก จะมีการติดต่อกลับซึ่งเป็นข้อความในรูปแบบข้อความอัตโนมัติ เพื่อบรรยายสรรพคุณเกินจริง โน้มน้าวให้ผู้ซื้อหลงเชื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งหลังจากที่ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าแล้วพบว่าไม่ได้ผลตามโฆษณาผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะปล่อยผ่านไปไม่มาแจ้งความร้องทุกข์ จึงเป็นการเอาเปรียบหลอกลวงผู้บริโภคที่คาดหวังผลการรักษา ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงทำให้เสียโอกาสทางการรักษาโรคที่ถูกต้อง
    เมื่อทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ Sorion Forte Plus และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Sorion HERBAL SKIN CREAM ที่เว็บไซต์ดังกล่าวขาย พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่แสดงฉลากภาษาไทย, ไม่มีการแสดงเลข สารบบอาหาร และเครื่องสำอางไม่มีการแสดงเลขจดแจ้ง จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำผิด พบว่ากลุ่มดังกล่าวนายทุนชาวเวียดนามมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ที่ใช้โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ยี่ห้อ Sorion เป็นจำนวนมาก รวม 27 เพจ เพื่อกระจายการโฆษณาหากถูกปิดกั้นเพจ โดยมีการโฆษณาขายสินค้าและรับออเดอร์สินค้าอยู่ที่ประเทศเวียดนาม และทำการส่งข้อมูลการจัดส่งสินค้าให้กับพนักงานในประเทศไทยทำการบรรจุและจัดส่งโดยมีผู้สั่งการในประเทศไทยเป็นชาวเวียดนามทำหน้าที่ดูแล สั่งการอีกทางหนึ่ง
    ต่อมา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ ค.297/2566 เข้าทำการตรวจค้นสถานที่เก็บและบรรจุสินค้าในพื้นที่ ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบนายเสน่ห์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าตนมีหน้าที่ผิดฉลาก-บรรจุ และจัดส่งสินค้า แสดงตนเป็นพนักงานของสถานที่ดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ Sorion Forte Plus, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Sorion HERBAL SKIN CREAM,ผลิตภัณฑ์เสริมอารลดน้ำหนักยี่ห้อ lishou และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ.2522, พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558, พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 13 รายการ
    จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยาบผลทราบว่ามีสถานที่เก็บ, บรรจุ และจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายอีกแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ซ.๓๗ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว พบ นายชัยพร (สงวนนามสกุล) แสดงตนเป็นพนักงานของสถานที่ดังกล่าว มีหน้าที่บรรจุ และจัดส่งสินค้า เป็นผู้นำตรวจค้น ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ Sorion Forte Plus, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Sorion HERBAL SKIN CREAM, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนักยี่ห้อ lishou และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522, พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558, พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 14 รายการ
    สอบถาม นายชัยพรฯ พนักงานของสถานที่ดังกล่าว แจ้งว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของ น.ส.แก้ว หรือ MISS TIEU NY (สงวนนามสกุล) สัญชาติเวียดนาม ซึ่งทำหน้าที่ดูแลผลิตภัณฑ์ และสั่งการอยู่ที่ประเทศไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ Miss TIEU NY (สงวนนามสกุล) นายจ้างชาวเวียดนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา Miss TIEU NY และ น.ส.สุวิมล (สงวนนามสกุล) ในความผิดฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, ร่วมกันขายเครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง, ร่วมกันขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง และร่วมกันจำหน่ายอาหารโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้องโดยไม่แสดงฉลากเป็นภาษาไทย” ตรวจยึดของกลาง จำนวน 27 รายการ มูลค่าความเสียหาย 61,354,000 บาท โดย น.ส.สุวิมลฯ รับว่าตนเป็นเจ้าของสถานที่ทำหน้าที่ดูแล และแพ็คสินค้าตามออเดอร์ของ นายจ้างชาวเวียดนาม ชื่อ น.ส.แก้วฯ หรือ Miss TIEU NY โดยรับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท และทำมาแล้วประมาณ 1 ปี
    การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
    1. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
    2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 72 (4) ฐาน “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    3. พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 6 (10) ฐาน “จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
    4. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 มาตรา 32(4) ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย” ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 32(1) ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง” ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
    5.กรณีการนำเข้าข้อมูลเท็จและโฆษณาสินค้าดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ฐาน "นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ" ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และ ข้อหา "โฆษณาเครื่องสำอางเป็นเท็จ" ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ค้าตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้จำนวนมาก
    ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็น ยา อาหาร และเครื่องสำอางที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ไม่มีฉลากภาษาไทย ลักลอบนำเข้า และพบการโฆษณาหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ไม่มีหลักฐาน หรือผลการทดสอบประสิทธิภาพทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน จึงขอเตือนผู้บริโภคว่า ไม่มีอาหารหรือเครื่องสำอางที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าขอให้ระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อออนไลน์ที่โฆษณาหลอกลวงเกินจริง เช่น ลดน้ำหนักภายใน 7 วัน, รักษาเบาหวาน, รักษาเชื้อรา, รักษาหลอดเลือด, รักษาต่อมลูกหมาก, อายุยืนทำความสะอาดหลอดเลือด, ถ่ายพยาธิ,เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ, เรียกความจำคืน, เพิ่มขนาดหน้าอก, แก้ปัญหาการได้ยิน, ลดริ้วรอยย้อนอายุไป 30 ปี เป็นต้น และหากผู้บริโภคหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้ามาใช้ อาจทำให้ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ และทำให้เสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์เฉพาะทาง บางรายอาจส่งผลต่อสุขภาพ และขอเตือนไปยังผู้คิดจะกระทำความผิดหลอกลวงคนอื่นด้วยวิธีการเอาความเจ็บป่วย, สรรพคุณการรักษา หรือชื่อเสียงของแพทย์และสถานพยาบาลต่างๆ มาหลอกลวงขายสินค้าให้กับผู้บริโภค หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

  • อย. เตือน ทดสอบการแพ้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย
    กรณีมีผู้ซื้อแชมพูปิดผมขาวจากร้านสะดวกซื้อมาใช้แล้วเกิดการแพ้จนหน้าบวม ตาบวม ลืมตาไม่ขึ้นและได้เข้าร้องทุกข์กับ สคบ. นั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่ผลิตเครื่องสำอางตามข่าว พบว่า ขออนุญาตผลิตถูกต้อง ผ่านมาตรฐาน ASEAN GMP ผลิตภัณฑ์จดแจ้งเครื่องสำอางต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ฉลากผลิตภัณฑ์แสดงข้อความครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในรุ่นการผลิตเดียวกับที่เป็นข่าวและรุ่นการผลิตล่าสุด ส่งตรวจ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบหาสารห้ามใช้ รวมถึงปริมาณสีย้อมผมว่าเป็นไปตามที่จดแจ้งไว้หรือไม่ หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย

    อย่างไรก็ตาม สารเคมีในยาย้อมผมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ การแพ้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล จึงควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ โดยผสมผลิตภัณฑ์ตามที่ฉลากระบุและทาผลิตภัณฑ์ในปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณใต้ท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 - 48 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ระคายเคือง ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์นั้น นอกจากนี้จะต้องปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด ขณะใช้หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น แสบร้อน คัน ระคายเคือง ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วรีบไปพบแพทย์

    ผู้บริโภคควรตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ข้อมูลต้องตรงกับที่ปรากฏบนฉลาก มีสถานะใบรับจดแจ้งคงอยู่ และก่อนซื้อให้พิจารณาว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีฉลากภาษาไทย ระบุชื่อ ประเภทเครื่องสำอาง แสดงชื่อสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม มีชื่อ-ที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ (สำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน) คำเตือนและเลขที่ใบรับจดแจ้ง ควรซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือและมีชื่อ - ที่ตั้งแน่นอน หากใช้แล้วเกิดปัญหาสามารถติดตามย้อนกลับได้

    หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สงสัยว่าจะไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ความรู้ อย. ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาลดการดูดซึมไขมัน
    ยาลดการดูดซึมไขมัน (Orlistat) จัดเป็นยาสำหรับการรักษาในระยะยาวในผู้ป่วยโรคอ้วน หรือ ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน รวมทั้งผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงสัมพันธ์กับความอ้วน โดยใช้ร่วมกับอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ออกฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ไขมันบางส่วนจากอาหารที่รับประทานเข้าไปถูกดูดซึมในทางเดินอาหาร โดยให้รับประทานยาพร้อมกับอาหารหลักที่มีไขมันหรือหลังอาหารไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งนอกจากผลข้างเคียงของยาที่เกิดจากไขมันไม่ถูกย่อยและไม่ถูกดูดซึม ทำให้มีไขมันออกมาพร้อมอุจจาระและระบบขับถ่ายผิดปกติแล้วนั้น รู้หรือไม่ว่ายาลดการดูดซึมไขมันยังมีผลต่อยาอื่น ๆ รวมถึงมีข้อควรระวัง ดังนี้

    1. หากมื้อไหนไม่ได้รับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมัน สามารถเว้นการกินยาลดการดูดซึมไขมันได้

    2. ห้ามปรับขนาดยาให้มากขึ้นหรือลดลงกว่าที่แพทย์กำหนดหรือที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา

    3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดการดูดซึมไขมันในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีภาวะท่อทางเดินน้ำดีอุดตัน และมีการดูดซึมอาหารผิดปกติ

    4. ยาลดการดูดซึมไขมันมีผลต่อการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (Vitamin A,D,E และ K) และเบต้าแคโรทีนของร่างกาย ทำให้ได้รับวิตามินดังกล่าวลดลง

    5. ยาลดการดูดซึมไขมันมีผลต่อยาที่ละลายในไขมัน เช่น รักษาอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (Amiodarone) และยากดภูมิคุ้มกัน (Cyclosporine) ทำให้ระดับยาดังกล่าวในเลือดลดลง ลดประสิทธิภาพในการรักษา

    6. ยาลดการดูดซึมไขมันรบกวนการดูดซึม Vitamin K จึงอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้

    ผู้ที่มีโรคประจำตัวสัมพันธ์กับการรับประทานอาหาร เช่น เบาหวาน นิ่วในไต นิ่วในถุงน้ำดี หรือต่อมไทรอยด์ ควรแจ้งแพทย์ก่อนการใช้ยา

    ก่อนเลือกใช้ยาลดการดูดซึมไขมัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพื่อหาสาเหตุและแนะนำวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อโฆษณาด้วยถ้อยคำและภาพชวนเชื่อต่าง ๆ เพราะอาจเสี่ยงได้รับอันตรายจากสารปนเปื้อน ควรพึงระวังไว้ว่ายาลดการดูดซึมไขมันไม่จำเป็นต้องใช้ในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินทุกคน อย่านำมาใช้พร่ำเพรื่อเพื่อหวังผลในการลดน้ำหนัก รวมถึงคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องโรคอ้วน แต่อยากหุ่นดี ผอมเพรียวแต่หวังผลควบคุมน้ำหนักด้วย เพราะมีผลเสียที่ต้องพึงระวังตามที่กล่าวมา การควบคุมน้ำหนักที่ดีควรมีการดูแลภาวะโภชนาการให้ถูกต้องและออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีแรกที่ปลอดภัยและควรเลือกใช้

  • น่ารู้ อย. เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับยาเลื่อนประจำเดือน
    เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับการมีประจำเดือนในช่วงเวลาที่ไม่ต้องการให้มี
    ดังนั้น การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนจึงเป็นทางออกหนึ่งที่สาวๆ หลายคนเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว
    ยาเลื่อนประจำเดือนควรใช้อย่างไร สามารถใช้ตามใจชอบได้หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบ

    ยาเลื่อนประจำเดือน เป็นยาเม็ดที่มีตัวยาสำคัญคือ นอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) ขนาด 5 มิลลิกรัม เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรน ออกฤทธิ์มีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน (จนกว่าจะหยุดยา) จึงมีข้อบ่งใช้ในการเลื่อนประจำเดือน

    คำแนะนำเกี่ยวกับการกินยาเลื่อนประจำเดือน

    1. ใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยต้องไปพบแพทย์หรือเภสัชกรก่อน

    2. ควรเริ่มกินอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่จะมีประจำเดือน

    3. การกินยาก่อนมีประจำเดือนแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือน อาจมีผลช่วยลดปริมาณ และจำนวนวันของการมีประจำเดือน แต่ประจำเดือนอาจมาซ้ำได้ในช่วงเวลาใกล้ ๆ หลังหยุดยาได้

    4. การใช้ยานาน ๆ หรือบ่อยมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรือไม่มาเลย นอกจากนี้ อาจพบอาการปวดหัว
    คัดเต้านม คลื่นไส้ เวียนศีรษะได้

    5. ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

    6. ห้ามใช้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน

    7. ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับขั้นรุนแรง

    8. ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม

    ก่อนจะใช้ยาอะไร ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง และไม่ควรซื้อยามาใช้เอง

  • อย. ตรวจสอบแล้ว ไม่พบยาแก้ไอที่ผลิตจากโรงงานในประเทศอินเดีย ที่พบสารปนเปื้อนจำหน่ายในไทย
    อย. ตรวจสอบแล้ว ยาแก้ไอที่ผลิตจากโรงงานในประเทศอินเดียที่ตรวจพบสารปนเปื้อนไม่พบการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าวในประเทศไทยและไม่พบข้อมูลการขายบนอินเทอร์เน็ตรวมทั้งไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปและวัตถุดิบที่มาจากบริษัทที่ผลิตยาดังกล่าว แนะผู้บริโภคซื้อยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

    นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศเตือนพบสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายในยาแก้ไอ "ไกวเฟนิซิน ทีจี" (Guaifenesin TG syrup) ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศอินเดีย โดยตรวจพบการปนเปื้อนสารไดเอทิลีนไกลคอล และเอทิลีนไกลคอล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าว และไม่พบข้อมูลการขายบนอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย รวมทั้งไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปและวัตถุดิบที่มาจากบริษัท QP Pharmachem Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาด้วย

    สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเลือกซื้อและได้รับยาที่มีความปลอดภัยควรซื้อจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยสังเกตป้ายที่แขวนอยู่ในร้านมีข้อความว่าสถานที่ขายยาแผนปัจจุบัน หรือสถานที่ขายยาแผนโบราณ ซึ่งจะมีเภสัชกรประจำร้านยาให้คำแนะนำ และก่อนใช้ยาควรตรวจสอบภาชนะบรรจุยาโดยต้องมีฉลากและเอกสารกำกับยาครบถ้วนและผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

  • ยาชุดที่มาพร้อมกับอันตรายเป็นชุด
    หลายครั้งที่เห็นยาชุดขายตามตลาดนัด หรือคนแถวบ้านเอามาขายบ้าง อ้างว่ายาดี รักษาหายได้ทุกโรค หรือบางครั้งก็บอกว่าเป็นยาแก้ปวดขนานแรงที่สามารถแก้ปวดให้หายชะงัดหลายคนซื้อยาชุดรับประทานเพราะหวังจะให้โรคที่เป็นอยู่หายได้ไว แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่ายาชุดนั้นมีอันตรายต่อร่างกายมาก ไม่ควรซื้อมารับประทาน

    ยาชุด คือ การจัดยาหลายเม็ดหรือหลายชนิดรวมกันไว้ โดยมีวัตถุประสงค์ให้กินเป็นชุด โดยอันตรายจากการรับประทานยาชุดสามารถแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้

    1. การแพ้ยารุนแรง

    เนื่องจากในยาชุดมักจะไม่มีฉลาก หรือ แสดงฉลากไม่ครบถ้วน ทำให้ไม่รู้ว่ามียาที่แพ้ปนอยู่หรือไม่ เมื่อรับประทานเข้าไปจึงส่งผลทำให้เกิดการแพ้ยารุนแรงได้

    2. ผลเสียจากยาสเตียรอยด์

    ในยาชุดมักมีการลักลอบใส่ยาสเตียรอยด์ เช่น Prednisolone ซึ่งหากได้รับเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากยาสเตียรอยด์ได้ เช่น กระดูกพรุน มีอาการบวมตามใบหน้า ผิวหนังบาง เลือดออกในกระเพาะอาหาร เบาหวาน และความดันโลหิตสูง

    3. การได้รับยาซ้ำซ้อนเกินขนาด

    เนื่องจากเกิดจากการผสมของยาหลายชนิด บางตัวอาจมีส่วนผสมที่ซ้ำซ้อนกับยาตัวอื่น ทำให้ได้รับยาชนิดเดียวกันจากยาหลายตัว มากเกินขนาดที่ควรจะเป็น
    หลายครั้งมีการจัดยาเป็นชุดแล้วโฆษณาว่าเป็นยาแก้ปวดที่เห็นผลเร็ว หรือโฆษณาว่าเป็นยาครอบจักรวาล ซึ่งควรพึงระวังว่าการรับประทานยาชุดนั้นมีอันตรายตามมามากมาย หากมีอาการเจ็บป่วยหรือหากต้องใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

  • รวมช่องทางการร้องเรียนของ อย.
    ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ ขายตามท้องตลาดและทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ที่ทำผิดกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในบทความนี้จึงมาแนะนำตัวอย่างเรื่องที่ควรร้องเรียนและช่องทางในการร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ



    ตัวอย่างประเด็นที่ควรร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ

    1. ผลิตภัณฑ์ไม่มีเลข อย.

    2. ผลิตภัณฑ์สวมเลข อย. ของผลิตภัณฑ์อื่น (เช็กได้ที่ www.oryor.com เมนูตรวจเลขผลิตภัณฑ์)

    3. ผลิตภัณฑ์โฆษณาโอ้อวด หลอกลวง หรือทำให้เข้าใจผิด

    4. ร้านขายยา ขายยาอันตรายโดยไม่มีเภสัชกรประจำร้าน

    5. ผลิตภัณฑ์อาหารเสียก่อนถึงวันหมดอายุ

    6. ผลิตภัณฑ์ไม่มีฉลากภาษาไทย หรือการแสดงฉลากไม่ครบถ้วน



    ช่องทางการร้องเรียนของ อย.

    ผู้บริโภคสามารถแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพได้ในช่องทางต่าง ๆ ของ อย. เช่น



    1. Line: @FDATHAI (เมนู แจ้งเรื่องร้องเรียน)
    2. www.oryor.com (เมนู แจ้งเรื่องร้องเรียน)
    3. www.fda.moph.go.th (เมนู เรื่องร้องเรียน)
    4. ทางโทรศัพท์ ติดต่อ 02 590 1556 หรือสายด่วน อย. 1556
    5. ทางอีเมล์: 1556@fda.moph.go.th
    6. ทางจดหมาย ส่งมาที่ ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

  • [ความรู้ อย.] แอฟลาทอกซิน สารพิษจากเชื้อราในอาหารแห้ง

    ประเทศไทยมีภูมิอากาศร้อนชื้น ยิ่งถ้าเข้าสู่ฤดูฝน อากาศจะชื้นมากขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะกับการเกิดเชื้อราในอาหาร โดยเฉพาะเชื้อราบางกลุ่มที่สามารถสร้างสาร “แอฟลาทอกซิน” ซึ่งเป็นสารพิษที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

    องค์การอนามัยโลกกำหนดให้แอฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่งโดยปริมาณเพียง 1 ไมโครกรัมสามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรียและทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ หากได้รับอย่างต่อเนื่อง

    สารแอฟลาทอกซินสามารถพบได้ทั่วไปในอาหาร และผลผลิตทางการเกษตร อาหารที่มักพบว่ามีสารแอฟลาทอกซิน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทแป้ง อาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วลิสงและยังพบปนเปื้อนอยู่ใน ข้าวโพด มันสำปะหลัง อาหารแห้ง เช่น ผักและผลไม้อบแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ธัญพืช เนื้อมะพร้าวแห้ง หัวหอมแห้ง กระเทียมแห้ง พริกแห้ง พริกไทย งา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วอื่น ๆ

    ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับสารแอฟลาทอกซินในระยะแรกจะไม่มีอาการแต่จะแสดงอาการเมื่อร่างกายได้รับสารพิษในปริมาณมาก ๆ ทำให้เกิดอาการอาเจียน ทองเดิน หรือหากรับประทานปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งจะไปสะสมเป็นพิษที่ตับทำให้เนื้อตับมีไขมันสะสมมากเซลล์ตับถูกทำลายจนอักเสบมีเลือดออกจนตับแข็ง อาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือโรคตับอื่น ๆ ทั้งนี้ ระดับของความเป็นพิษขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณที่ได้รับ ความถี่ของการรับประทาน อายุ เพศ การทำงานของเอนไซม์ในตับ และปัจจัยโภชนาการอื่น ๆ

    วิธีการป้องกันสารแอฟลาทอกซิน

    1.เลือกซื้ออาหารหรือวัตถุดิบแห้งที่อยู่ในสภาพใหม่บรรจุภัณฑ์ได้มาตรฐาน ไม่แตกหรือชำรุด ไม่มีเชื้อรา สะอาด

    2.ต้องไม่มีกลิ่นเหม็นอับ ส่งกลิ่นเหม็น หรือชื้น

    3.ไม่เก็บอาหารแห้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อรา ควรเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น

    4.นำอาหารแห้งไปตากแดดจัด ๆ เพราะสามารถช่วยลดความชื้นในอาหารได้

    5.หากอาหารมีราขึ้น ควรทิ้งให้หมด ไม่ควรตัดเฉพาะส่วนที่ขึ้นราทิ้งไป เพราะอาจมีสารแอฟลาทอกซิน กระจายไปทั่ว


  • อย. ชี้แจง ยาเสพติดในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ คอลลาเจน และกาแฟ เป็นวิธีการปกปิดอำพรางเจ้าหน้าที่รัฐของนักค้ายาเสพติด

    อย. ชี้แจง ยาเสพติดในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ คอลลาเจน และกาแฟ เป็นวิธีการปกปิดอำพรางเจ้าหน้าที่รัฐของนักค้ายาเสพติด
    จากกรณีที่มีข่าวเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามพบยาเสพติด เช่น ยาอี ยาเค ผสมอยู่ในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ ซองคอลลาเจน และซองกาแฟ ลักลอบขายตามสถานบันเทิงและช่องทางออนไลน์ นั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การนำยาเสพติดมาใส่ในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ คอลลาเจน และกาแฟ เป็นการปกปิดอำพรางของนักค้ายาเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมจากเจ้าหน้าที่
    ฝ่ายปราบปราม และขายให้เฉพาะกลุ่มผู้เสพยาเสพติด ในราคาที่แพงกว่าสินค้าทั่วไป โดยขายราคา 1,200-1,500 บาท/ซอง จากการตรวจสอบจนถึงขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่พบการปนเปื้อน ยาเสพติดในเครื่องดื่มเกลือแร่ คอลลาเจน และกาแฟ ที่จำหน่ายโดยทั่วไป จึงขอให้พี่น้องประชาชนโปรดวางใจ ท่านสามารถบริโภคเครื่องดื่มทั้ง 3 ประเภท ที่ขอ อย. ถูกต้อง และมีเลขสารบบอาหาร ได้ตามปกติ ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะบริโภคยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว

    หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม อย. รวบหมอจีน บุกทลายสถานที่ลักลอบผลิต และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเถื่อน
    25 เมษายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก.ฉัตรชัย พานิชศุภภรณ์ ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์สมุนไพร ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติ กรณีตรวจค้นสถานที่ลักลอบผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเถื่อน ย่านเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จำนวนกว่า 60,000 แคปซูล และเครื่องจักรสำหรับผลิตสมุนไพรจีน มูลค่ากว่า 800,000 บาท

    สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคว่า มีเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “หมอเถียรแพทย์แผนจีน” มีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนทั้งชนิดแคปซูลและน้ำสมุนไพรจีน ในลักษณะกล่าวถึงสรรพคุณการรักษาที่เกินจริง โดยมีการกล่างอ้างว่า ยาสมุนไพรขนานเดียวสามารถรักษาอาการต่าง ๆ ได้ครอบจักรวาล เช่น สามารถปรับสมดุลร่างกาย รักษาเรื่องการนอนไม่หลับ คอแห้ง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ตาแห้ง เวียนหัว ไมเกรน กรดไหลย้อน ขับถ่ายไม่ดี ชาปลายมือปลายเท้า ออฟฟิตซินโดรม ปวดหลัง ปวดคอ บำรุงตับและสรรพคุณอีกหลายประการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่าผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในเพจเฟซบุ๊กนั้น ไม่มีการขออนุญาตในการผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนกระทั่งทราบว่ามีแหล่งจำหน่าย และผลิตสมุนไพรอยู่ที่พื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

    ต่อมาในวันที่ 21 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายค้นของศาลจังหวัดพระโขนง เข้าตรวจค้นอาคารแห่งหนึ่งในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร พบผลิตภัณฑ์สมุนไพรชนิดแคปซูล จำนวน 1,000 กระปุก (60,000 แคปซูล), ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนชนิดน้ำบรรจุถุง รอการจำหน่าย กว่า 700 ถุง, อุปกรณ์การผลิตยาสมุนไพร, หม้อต้มน้ำสมุนไพรอัตโนมัติ 12 เครื่อง, เครื่องบรรจุยาชนิดแคปซูล จำนวน 1 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่น ๆ จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดี

    จากการตรวจสอบพบว่า สถานที่ดังกล่าวตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนโดยไม่มีการขออนุญาตในการผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อีกทั้งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีการขออนุญาตขึ้นทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผู้บริโภคจึงไม่สามารถทราบได้เลยว่า มีส่วนผสมอะไรในนั้นบ้าง จึงมีการอ้างถึงสรรพคุณในลักษณะสมุนไพรขนานเดียวรักษาโรคครอบจักรวาลเช่นนี้ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ได้แจ้งข้อกล่าวหา นาย จวิ้น เฉียง สงวนนามสกุล อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสมุนไพรดังกล่าว ฐาน “ผลิต และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหาว่า ตนจบแพทย์แผนจีนมาจากประเทศจีน จากนั้นได้ขอใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ แพทย์แผนจีน (ใช้ชื่อว่าหมอเถียร) เนื่องจากมีความรู้เรื่องสมุนไพรจีน จึงได้ทำการผลิตสมุนไพรบรรจุด้วยตนเอง โดยไม่ได้ขออนุญาตผลิตและขายแต่อย่างใด และเปิดจำหน่ายมาแล้วมากว่า 1 ปี

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    1.พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562

    - ฐาน “ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต”ระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน

    สามแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    - ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    ภก.ฉัตรชัย พานิชศุภภรณ์ ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์สมุนไพร กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ในการบำบัด บรรเทารักษา ป้องกันหรือลดความเสี่ยงของการเกิดโรค อย. ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยสามารถตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรใดได้รับอนุญาตแล้ว จากเลขที่ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ หรือเลขที่แจ้งรายละเอียด หรือเลขที่รับจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่วนการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้น ผู้ขายต้องมีใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยกเว้นการขาย “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไป” ที่ผู้ขายไม่ต้องมีใบอนุญาตขาย ซึ่งสังเกตได้จากบนฉลากผลิตภัณฑ์ ระบุคำว่า “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไป” เป็นตัวอักษรอยู่ในกรอบสีเขียว จึงขอฝากพี่น้องประชาชน ให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับอนุญาต และซื้อจากผู้ขายที่มีหลักแหล่งชัดเจน กรณีสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ได้รับอนุญาตหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จาก www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai และหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

    พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรและยามารับประทานเพื่อรักษาโรค ควรเลือกซื้อจากร้านขายยา หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับอนุญาต เนื่องจากเป็นสิ่งที่ร่างกายรับประทานและส่งผลโดยตรงกับร่างกาย กระบวนการผลิตต้องได้มาตรฐานตามหลักวิชาการ และขอเตือนผู้ที่ลักลอบผลิต และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลและกวาดล้างต่อไป หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะท่านกำลังทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตราย เกิดผลกระทบกับร่างกายและเสียโอกาสได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค

  • อย. ห่วงใย การดูแลสุขภาพ เมื่อท้องร่วง-ท้องเสีย
    เมื่อเกิดอาการท้องเสียแล้ว ต้องจิบเกลือแร่แบบไหนกันแน่นะ หลายคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าสามารถใช้เกลือแร่แบบไหนก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเลือกประเภทของเกลือแร่ไม่ถูก อาจจะทำให้อาการท้องเสียเป็นมากขึ้นได้ วันนี้ อย. จะพาไปทำความรู้จักประเภทของเกลือแร่กัน

    เกลือแร่ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมีอยู่ 2 ประเภท คือ

    1. เกลือแร่สำหรับคนที่ท้องเสีย (Oral Rehydration Salt ย่อว่า ORS)

    2. เกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย (Oral Rehydration Therapy ย่อว่า ORT)

    เกลือแร่ทั้ง 2 ประเภทนั้นแต่งต่างกันสิ้นเชิง โดยเกลือแร่สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย จะมีปริมาณเกลือแร่หรือปริมาณโซเดียมสูงกว่า ส่วนเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย ปริมาณน้ำตาลจะสูงกว่า

    การเสียน้ำจากอาการท้องเสีย เป็นภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ในทันที ร่างกายจึงต้องการน้ำและเกลือแร่มาทดแทน ส่วนการเสียน้ำหรือเสียเหงื่อจากการออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะเสียน้ำและน้ำตาลเป็นหลัก โดยจะเสียเกลือแร่ในปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นร่างกายจึงต้องการน้ำและน้ำตาลมาทดแทน หากเกิดอาการท้องเสีย แต่ไปจิบน้ำเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกายจะยิ่งเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดอาการท้องเสียได้มากขึ้น เนื่องจากเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกายจะมีปริมาณน้ำตาลและเกลือแร่บางชนิดที่สูงกว่า ทำให้ร่างกายดึงน้ำเข้ามาในทางเดินอาหาร ส่งผลให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น กระตุ้นการถ่ายเหลวมากขึ้น ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้เกลือแร่ ควรพิจารณาให้ดีก่อนว่าเกลือแร่นั้นเป็นเกลือแร่สำหรับผู้ที่ท้องเสีย หรือเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย สามารถสังเกตง่าย ๆ ที่ฉลากบรรจุภัณฑ์โดยเกลือแร่สำหรับผู้ที่ท้องเสีย จะระบุเลขทะเบียนตำรับยา เช่น 2A999/99 และระบุใช้สำหรับผู้ที่ท้องเสีย ส่วนเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย จะระบุเลขสารบบอาหาร 13 หลัก ในกรอบเครื่องหมาย อย. และระบุใช้สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย

  • อย. ห่วงใย การใช้ยาให้ปลอดภัย…ในผู้สูงอายุ
    การใช้ยาในผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องใช้รักษาโรคและอาการเจ็บป่วยต่างๆ แต่เนื่องจากผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ซึ่งไม่แข็งแรงสมบูรณ์เหมือนก่อนก็อาจก่อให้เกิดอันตรายในการใช้ยาได้

    สำหรับแนวทางในการใช้ยาอย่างปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ มีดังนี้

    1. ควรติดตามรับการรักษาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

    2. ศึกษารูปร่าง ลักษณะ และสรรพคุณของยาที่ใช้อยู่ พร้อมทั้งแจ้งแพทย์เมื่อมีอาการข้างเคียงซึ่งอาจเกิดจากยาที่ได้รับ

    3. ผู้สูงอายุไม่ควรซื้อยาสมุนไพร , ยาหม้อ รวมถึงยาลูกกลอนมากินเอง เพราะเสี่ยงต่อการรับยาที่อาจผสมยาประเภทสเตียรอยด์ ซึ่งมีผลเสียในระยะยาว

    4. ไม่ควรเก็บสะสมยาเก่า แต่ควรเอายา สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้อยู่ทั้งหมดไปด้วยทุกครั้งเมื่อต้องพบแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงและลดความซ้ำซ้อนของการใช้ยา ผลเสียของยา และยาตีกัน

    5. ควรกินยาตามแพทย์สั่ง ไม่ปรับเพิ่มลดหรือหยุดยาเอง เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา

    6. ในรายที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือขยับร่างกายไม่ได้ ควรมีผู้ดูแลช่วยจัดยาให้แต่ไม่ควรแบ่งยาล่วงหน้า ถ้าจำเป็นควรจัดแบ่งแบบวันต่อวัน หากยาอยู่ในแผงฟอยล์หรือซองสีชา ควรตัดแบ่งทั้งฟอยล์และไม่แกะยาออกจากแผงฟอยล์



    สำหรับลูกหลานอาจช่วยแนะนำและทบทวนผู้สูงอายุทุกครั้งที่ได้รับยาใหม่ ช่วยตั้งนาฬิกาปลุก ตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือ หรือจดปฏิทินไว้เพื่อป้องกันการลืมกินยา นอกจากนี้หากต้องการจะแบ่งยาตามมื้อไว้ล่วงหน้าควรตัดแบ่งทั้งฟอยล์และไม่แกะยาออกจากแผงฟอยล์หรือแผงยาเพราะยาอาจเสื่อมสภาพได้



    ทั้งนี้ยาที่ควรระมัดระวังการใช้ในผู้สูงอายุเป็นพิเศษ ได้แก่

    - ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด : ยา 3 กลุ่มนี้ทำให้เกิดอาการง่วงซึม มึนงง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างใช้ยาได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัย

    - ยาแก้ปวดอักเสบ (NSAIDs) : ยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงคือทำให้ทางเดินอาหารเกิดการระเคือง และหากกินอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ยากลุ่มนี้ยังมีผลทำให้ไตวายอีกด้วย

    - ระวังการใช้ยากลุ่มโรคประจำตัว เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาเบาหวาน ห้ามหยุดยา เพิ่มหรือลดขนาดยาเองอย่างเด็ดขาด และควรกินให้ตรงเวลาทุกวัน

    หากมีข้อสงสัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาหรือสุขภาพอย่านิ่งนอนใจ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อที่จะได้ใช้ยาอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้สูงอายุนั่นเอง


  • อย. แนะเลือกใช้ครีมกันแดดให้ปลอดภัยในหน้าร้อน
    หน้าร้อนนี้ประชาชนมักเดินทางท่องเที่ยวไปทะเล เล่นน้ำตก สาดน้ำสงกรานต์หรือมีกิจกรรมกลางแจ้ง อาจได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่ทำให้ผิวหมองคล้ำเหี่ยวย่นก่อนวัย เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แนะการเลือกซื้อครีมกันแดดเพื่อป้องกันภัยจากรังสียูวี โดยดูได้จากค่า PA (Protection grade of UVA) และค่า SPF (Sun Protection Factor)

    ค่า PA แสดงความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอ (ยิ่ง + มากยิ่งป้องกันได้ดี) ในขณะที่ค่า SPF จะแสดงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (ยิ่งมากยิ่งป้องกันได้ดี โดยค่า SPF สูงกว่า 50 ในฉลากจะแสดงเป็น SPF 50+) ผู้บริโภคควรเลือกซื้อครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมและช่วงเวลาที่อยู่กลางแจ้ง กรณีที่มีกิจกรรมทางน้ำหรือกิจกรรมที่ต้องโดนน้ำ ให้เลือกครีมกันแดดที่กันน้ำ โดยดูจากคำว่า Water Resistant นอกจากนี้ควรใช้ครีมกันแดดให้ถูกวิธีและปฏิบัติตามคำเตือนบนฉลากอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์รูปแบบสเปรย์ควรใช้ฉีดพ่นบริเวณลำตัวเท่านั้น ไม่ควรฉีดพ่นบริเวณใบหน้าและระวังอย่าใช้ใกล้เปลวไฟ หากใช้ครีมกันแดดแล้วมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ให้หยุดใช้ รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที หากอาการยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์

    รองเลขาธิการฯ แนะเพิ่มเติมว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ ควรระวังการเกิดฮีทสโตรกซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงควรสังเกตตนเองและคนรอบข้าง หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตัวร้อน ไม่มีเหงื่อ อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40.5°C กระวนกระวาย เพ้อ สับสน ชัก ซึมลงหรือหมดสติ ควรรีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทดี ถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยออก เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อน นำผ้าเปียกวางตามร่างกาย เช็ดตามข้อพับต่างๆ เพื่อทำให้อุณหภูมิเย็นลงและรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

  • โกรทฮอร์โมนในผู้ใหญ่ ช่วยชะลอวัย จริงหรือ ?
    โกรทฮอร์โมน (Growth hormone, GH) ไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะในวัยเด็กที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตเท่านั้นแต่มีความสำคัญในทุกช่วงอายุ เพราะทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างมวลกระดูก ช่วยย่อยน้ำตาลและไขมัน รวมถึงส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณโกรทฮอร์โมนถูกผลิตในร่างกายลดลง ผู้ใหญ่ที่ขาดหรือมีโกรทฮอร์โมนไม่เพียงพอ จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือความบกพร่องหลายอย่าง เช่น ไขมันลงพุง โรคเบาหวาน โรคของหัวใจและหลอดเลือด กระดูกบาง อ่อนล้าง่าย ผิวหนังแห้งและหย่อนยาน สุขภาวะทางจิตลดลง ไปจนถึงไม่ชอบเข้าสังคม

    ภาวะการขาดโกรทฮอร์โมนในผู้ใหญ่มาจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ 1.) การขาดโกรทฮอร์โมนต่อเนื่องมาจากวัยเด็ก และ 2.) การขาดโกรทฮอร์โมนที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่อมไร้ท่อ โดยผู้ใหญ่ที่ขาดฮอร์โมนชนิดนี้ควรได้รับยาโกรทฮอร์โมนทดแทน ซึ่งจัดเป็นยาควบคุมที่ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งใช้ยาและติดตามผลการรักษาเพื่อให้เกิดประสิทธิผล และความปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยปริมาณและระยะเวลาการใช้ยานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ยาโกรทฮอร์โมน ใช้รักษาผู้ที่ร่างกายบกพร่องในการสร้างฮอร์โมนชนิดนี้แต่กำเนิดหรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจำเป็นต้องได้รับโกรทฮอร์โมนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลเสียจากการขาดโกรทฮอร์โมนและเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีจากประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้มีการนำยาโกรทฮอร์โมนมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยนำมาใช้ในการลดไขมันส่วนเกิน เสริมสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ เพิ่มการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้การออกกำลังกายและการสูบฉีดเลือดของหัวใจได้ดี ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด

    อย. ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ยาโกรทฮอร์โมนเพื่อวัตถุประสงค์การฉีดให้ชะลอวัยหรืออ่อนเยาว์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ทำให้เกิดโรคเบาหวาน เสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกและโรคมะเร็ง ปวดและบวมบริเวณแขน-ขา ความดันโลหิตสูง และปวดศีรษะ ซึ่งการใช้ยาโกรทฮอร์โมนเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวถือเป็นการใช้ยานอกเหนือจากที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา ยาโกรทฮอร์โมนอนุญาตให้จำหน่ายแก่โรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากแพทย์ที่จ่ายยาชนิดนี้ให้คนไข้ด้วยวัตถุประสงค์ของการชะลอวัย ถือมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน

    ดังนั้น อย่าหลงเชื่อโฆษณาหรือหาซื้อยาโกรทฮอร์โมนมาใช้ด้วยตัวเองเพื่อหวังต้านความชรา ทั้งจากสื่อออนไลน์ คลินิกความงามต่าง ๆ เพราะไม่เป็นความจริง หากอยากฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้กลับมาสดใสแข็งแรงอีกครั้ง สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เพียงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ จัดการกับความเครียดให้ดี และเลิกยาหรือสารเคมีที่ทำลายสุขภาพ เช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น

  • ความรู้ อย. ระวังการใช้เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน
    เมื่อคุณนึกถึงเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนคุณนึกถึงอะไรบ้าง ด้วยชื่อที่มักใช้เรียกผิด ๆ ตามสื่อโฆษณาว่า คือ “เครื่องดื่มชูกำลัง”หรือ “เครื่องดื่มบำรุงกำลัง” ก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในคุณประโยชน์หรือโทษต่อร่างกายของเครื่องดื่มชนิดนี้ เนื่องจากบางส่วนไม่ทราบว่าส่วนผสมหลักคือกาเฟอีน

    สารกาเฟอีนหรือคาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารที่ร่างกายจะดูดซึมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ไปมีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต อาจก่อให้เกิดอันตรายหากได้รับในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นประจำ
    เครื่องดื่มผสมกาเฟอีนเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ และให้แสดงข้อความในฉลากว่า “มีกาเฟอีน” และ“ห้ามดื่มเกินวันละ ........ (ระบุภาชนะที่ใช้บรรจุ เช่น กระป๋อง ขวด เป็นต้น) เพราะอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้มีโรคประจำตัวหรือผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ก่อน”

    ผู้ที่จะดื่มเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนควรอ่านคำเตือนในฉลาก ปริมาณกาเฟอีนที่ได้รับต่อวันต้องไม่เกิน 400 มิลลิกรัม

    ดังนั้น ควรให้ความสำคัญในเรื่องของปริมาณกาเฟอีนที่ได้รับต่อวันและบริโภคแต่พอดี ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนหลายชนิดพร้อมกันหรือในเวลาใกล้ ๆ กัน อาจส่งผลเสียจากการได้รับปริมาณกาเฟอีนมากเกินไป ทั้งนี้ความไวต่อกาเฟอีนจะแสดงอาการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคนด้วย

  • อย. ตรวจพบจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์เลอรส ก๋วยเตี๋ยวเรือกึ่งสำเร็จรูปเส้นเล็ก
    อย. ตรวจพบจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Bacillus cereus เกินมาตรฐาน ในผลิตภัณฑ์เลอรส ก๋วยเตี๋ยวเรือกึ่งสำเร็จรูปเส้นเล็ก วันผลิต 01.02.23 วันหมดอายุ 01.05.23
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เก็บตัวอย่างอาหารจากสถานที่ผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย ชื่อ ก๋วยเตี๋ยวเลอรส เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ส่งตรวจวิเคราะห์ โดยมีรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารบรรจุถุงพลาสติกสีแดงฉลากระบุ “เลอรสเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน ก๋วยเตี๋ยวเรือกึ่งสำเร็จรูปเส้นเล็ก เลขสารบบอาหาร 12-2-01765-6-0002 MFD.01.02.23 EXP.01.05.23 ผลิตโดย : ก๋วยเตี๋ยวเลอรส เลขที่ 9/10 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จัดจำหน่ายโดย : บริษัท เลอรส อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด เลขที่ 408/6 หมู่ 7 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ” เครื่องปรุงที่บรรจุในซองก๋วยเตี๋ยว รายงานผลการตรวจวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจพบจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Bacillus cereus เท่ากับ 6,600 CFU/กรัม ไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ. 2563 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดให้ตรวจพบ Bacillus cereus ในเครื่องปรุงที่บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ บะหมี่ เส้นหมี่ และวุ้นเส้น ได้ไม่เกิน 1,000 CFU/กรัม จึงจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน
    ข้อแนะนำ
    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ “เลอรส เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนก๋วยเตี๋ยวเรือกึ่งสำเร็จรูปเส้นเล็ก” ที่ฉลากระบุรายละเอียดข้างต้นมารับประทาน ทั้งนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


  • ความรู้ อย. ร้อนนี้ เลือกรับประทานไอศกรีมหรือน้ำแข็งอย่างไรดี
    เมื่อหน้าร้อนมาถึง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือของเย็น ๆ ที่จะช่วยให้ดับกระหายคลายร้อน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกเพศทุกวัย ก็จะต้องวิ่งเข้าหาไอศกรีมเย็น ๆ หรือน้ำแข็งเย็น ๆ มารับประทานคลายร้อนกัน วันนี้เรามีวิธีเลือกซื้อไอศกรีมและน้ำแข็งหลอดบรรจุถุงมาฝากกัน

    วิธีเลือกซื้อไอศกรีมในภาชนะบรรจุ

    1. อ่านฉลากอาหารก่อนซื้อ โดยฉลากที่แสดงบนบรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อความภาษาไทย และมีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ส่วนประกอบ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า วันเดือนและปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่หมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน วิธีการเก็บรักษา และข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร เป็นต้น

    2. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ”เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับอาหารหวาน มัน เค็ม มากเกินไป ที่เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เนื่องจากกลุ่มไอศกรีมที่ผ่านเกณฑ์สารอาหาร และได้การรับรองให้ใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวต้องมีค่าพลังงานทั้งหมด =130 กิโลแคลอรี่ต่อหน่วยบริโภค น้ำตาลทั้งหมด ≤20 กรัม ต่อ 100 กรัม โซเดียม ≤100 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

    3. ลักษณะภาชนะบรรจุ ต้องสะอาด ปิดสนิท ไม่ฉีกขาด ไอศกรีมไม่รั่วซึมออกมา

    4. ลักษณะไอศกรีม ตัวไอศกรีมต้องไม่เหลวเหมือนเคยละลายมาแล้ว มีสี กลิ่นรส ตามลักษณะของไอศกรีมนั้น ๆ

    5. สถานที่จำหน่าย ต้องมีตู้แช่แข็งไอศกรีม จัดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย ไม่แช่ปะปนกับอาหารหรือสิ่งอื่น ๆ

    วิธีเลือกซื้อน้ำแข็งหลอดบรรจุถุง

    1. อ่านฉลากอาหารก่อนซื้อ โดยฉลากบนบรรจุภัณฑ์น้ำแข็ง ต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยแต่จะมีภาษาต่างประเทศด้วยก็ได้ ระบุรายละเอียดของชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร มีข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้แบ่งบรรจุ ผู้นำเข้า และประเทศผู้ผลิตสำหรับน้ำแข็งนำเข้าแล้วแต่กรณี น้ำหนักสุทธิเป็นกรัมหรือกิโลกรัม

    2. ลักษณะภาชนะบรรจุ ถุงที่บรรจุต้องสะอาด ปิดสนิทแน่นหนา ไม่ฉีกขาด

    3. ลักษณะน้ำแข็ง ต้องใส สะอาด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีสิ่งแปลกปลอมในก้อนน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งละลายจะต้องใส ไม่มีตะกอนขาวขุ่น ๆ อยู่ก้นแก้ว

    4. สถานที่จำหน่าย ตู้เก็บต้องสะอาดและถูกสุขลักษณะ

  • อย. ตรวจพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐานในผลิตภัณฑ์โนริ (สาหร่ายทะเลย่าง) วันผลิต 2022.11.3 วันหมดอายุ 2023.5.2
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหาร ณ ด่านอาหารและยาลาดกระบัง นำเข้าโดยบริษัท เจเอฟซี (ไทยแลนด์) จำกัด ส่งตรวจวิเคราะห์โดยมีรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์โนริ (สาหร่ายทะเลย่าง)” ผลิตโดยบริษัท ยามาโทคุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เลขสารบบอาหาร 10-3-07157-5-0780 ไม่ระบุรุ่นการผลิต วันผลิต 2022.11.3 วันหมดอายุ 2023.5.2 ขนาดบรรจุ 250 กรัม ผลการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ จากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบแคดเมียม 3.81 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ต้องไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ซึ่งเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์และอาหารผิดมาตรฐานตามพระราชบัญญัติอาหารพ.ศ. 2522 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภค และ อย. อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด



    ข้อแนะนำ

    ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังอย่าซื้อ “ผลิตภัณฑ์โนริ (สาหร่ายทะเลย่าง)” ที่ฉลากระบุรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. เตือน เลือกน้ำดื่ม น้ำแข็ง อย่างปลอดภัย ช่วงหน้าร้อน
    อย. ห่วงใยสุขภาพประชาชนในช่วงหน้าร้อน ขอให้ระมัดระวังการบริโภคอาหาร น้าดื่ม และโดยเฉพาะน้ำแข็งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท สะอาด มีฉลากแสดงรายละเอียดครบถ้วน และมีวิธีการขนส่งเก็บรักษาที่เหมาะสม หากมีการบริโภคน้ำแข็งที่ผลิตและเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้ออีโคไล แซลโมเนลลา วิบริโอ คอเลอเร่ และสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษได้

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อน ประชาชนมีการบริโภคน้ำดื่ม และน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก โอกาสที่จะเกิดการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์มีมากขึ้น ผู้บริโภคควรเลือกซื้อน้ำดื่ม หรือน้ำแข็ง ที่บรรจุในภาชนะบรรจุที่สะอาดและปิดสนิท มีการแสดงฉลากภาษาไทย ระบุรายละเอียดของชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิเป็นกรัมหรือกิโลกรัม วัน เดือน และปีที่ผลิต หรือ ควรบริโภคก่อน เป็นต้น โดยเฉพาะฉลากของผลิตภัณฑ์น้ำแข็งต้องมีข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน สำหรับการเลือกซื้อน้ำแข็งบดหรือน้ำแข็งหลอดที่ตักแบ่งหรือกดจากตู้จำหน่าย หรือเสิร์ฟตามร้านอาหาร ที่ไม่มีฉลากนั้น ผู้บริโภคควรหมั่นสังเกตลักษณะของน้ำแข็งที่จะบริโภคต้องใสสะอาด ไม่มีคราบ สี หรือกลิ่นที่ผิดปกติ ไม่มีฝุ่นผงหรือสิ่งแปลกปลอมในก้อนน้ำแข็ง โดยเลือกซื้อจากแหล่งผลิต และแหล่งจำหน่ายที่ถูกสุขลักษณะ

    รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หาก อย. ตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะดำเนินการตามกฎหมาย โดยจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ

    ทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • การอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ VS การอนุญาตโฆษณา
    การอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ สมุนไพร วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข และวัตถุเสพติด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภค อย. จึงมุ่งเน้นในการพิจารณาคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพในแต่ละกลุ่ม แล้วนำมาเป็นข้อกำหนดหลักเกณฑ์การผลิต/นำเข้า ของแต่ละผลิตภัณฑ์สุขภาพให้เหมาะสมมากที่สุด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีความเสี่ยงสูง กำหนดให้ผู้ผลิต/นำเข้าจะต้องมาขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียน ส่วนที่ความเสี่ยงต่ำให้จดแจ้งผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อเจ้าหน้าที่ก่อนผลิต/นำเข้า และจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด

    ดังนั้น เครื่องหมาย อย. หรือเลขที่แจ้ง หรือเลขทะเบียนของผลิตภัณฑ์ จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่ให้ผู้บริโภค ทราบว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการปฏิบัติตามกฎหมายในเบื้องต้นแล้ว เช่น มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นต้น แต่ไม่ได้หมายความรวมถึงได้รับอนุญาตโฆษณาแล้ว ซึ่งการมีเครื่องหมาย อย. อยู่บนฉลากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการใช้เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันได้ในระดับหนึ่ง โดยในกรณีที่ไม่พบเครื่องหมาย อย. หรือเลขที่รับแจ้ง ในผลิตภัณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าไม่ควรซื้อ เพราะเสี่ยงต่อการได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย เป็นต้น

    การอนุญาตโฆษณา นอกจากการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพแล้ว อย. มีหน้าที่กำกับดูแลการโฆษณา การกล่าวอ้างสรรพคุณ คุณประโยชน์ ประสิทธิผล ของผลิตภัณฑ์สุขภาพการตรวจสอบการโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอินเทอร์เน็ต เพื่อลดปัญหาการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายที่อาจเกิดจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ สื่อ และพิธีกรผู้ดำเนินรายการ โดยมีหลักเกณฑ์ของการอนุญาตโฆษณา ดังนี้

    1. ผลิตภัณฑ์ประเภทยา อาหาร เครื่องมือแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภายในพื้นที่รับผิดชอบ ก่อนการโฆษณา

    - ยา โฆษณายาแผนโบราณ/ยาแผนปัจจุบันที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ ต้องแสดงเลขที่อนุญาตโฆษณา ฆท. xxx/xxxx

    - อาหาร โฆษณาคุณประโยชน์/คุณภาพ สรรพคุณอาหาร ต้องแสดงเลขที่อนุญาตโฆษณา ฆอ. xxx/xxxx

    - เครื่องมือแพทย์ โฆษณาเพื่อประโยชน์ทางการค้า & ส่งเสริมการขาย แม้จะไม่ได้โฆษณาขายเครื่องมือแพทย์โดยตรง ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจาก อย. ก่อน ต้องแสดงเลขที่อนุญาตโฆษณา ฆพ. xxx/xxxx

    2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และวัตถุอันตราย เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ต้องขออนุญาตโฆษณาแต่จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งกำหนดไม่ให้โฆษณาโอ้อวด หลอกลวง เป็นเท็จ หรือทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ

    3. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาท ยาเสพติดให้โทษ ยาอันตราย และยาควบคุมพิเศษ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ห้ามโฆษณาเพื่อการค้าต่อประชาชนทั่วไป

    ดังนั้นผลิตภัณฑ์สุขภาพแต่ละประเภทที่มีเครื่องหมาย อย. หรือเลขที่รับแจ้ง ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการรับรองให้โฆษณาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเสมอไปหรือจะโฆษณาแบบไหนก็ได้ ผู้บริโภคต้องหมั่นสังเกตและรู้ทันโฆษณา โดยตรวจสอบว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่พบตามสื่อสาธารณะนั้นเป็นข้อมูลที่ได้รับอนุญาตด้านเนื้อหาและวิธีการโฆษณาอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยสามารถสืบค้นได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ www.fda.moph.go.th เลือกหัวข้อ “สืบค้นข้อมูลใบอนุญาตโฆษณา” และคู่มือโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพภายใต้การกำกับดูแลของ อย. ทั้งนี้อาจพบโฆษณาด้วยข้อความ ภาพ หรือเสียง ที่สื่อให้เข้าใจอีกอย่างหนึ่งโดยไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต แต่อ้างว่าได้รับการอนุญาตให้โฆษณาแล้วก็เป็นได้

  • อย. เตือน อย่าใช้น้ำยาซักผ้าขาวร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ อันตรายถึงชีวิต
    อย. เตือน อย่าใช้น้ำยาซักผ้าขาวร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ อันตรายถึงชีวิต
    กรณีมีคลิปออกมาแชร์ประสบการณ์ล้างห้องน้ำโดยใช้น้ำยาซักผ้าขาวและเทน้ำยาล้างห้องน้ำตามลงไป ปรากฏว่าเกิดกลิ่นที่รุนแรงมาก ทำให้แสบตา แสบจมูก แสบคอ ต่อมามีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้น เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ห่วงใยสุขภาพประชาชน ขอย้ำว่า การนำน้ำยาซักผ้าขาวผสมหรือใช้ร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

    น้ำยาซักผ้าขาวและน้ำยาล้างห้องน้ำ จัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข สารเคมีในน้ำยาซักผ้าขาว เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติฟอกขาวและฆ่าเชื้อโรค เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรต์ ส่วนสารเคมีที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ ประกอบด้วยสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง เช่น กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก เมื่อนำผลิตภัณฑ์ที่มีกรดไฮโดรคลอริกและโซเดียมไฮโปคลอไรต์มาผสมกันหรือใช้ร่วมกัน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนเป็น “ก๊าซคลอรีน” มีกลิ่นฉุน มีความเป็นพิษสูง หากสูดดมจะระคายเคืองทางเดินหายใจ อาจเกิดอาการไอ คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย บางรายที่อาการรุนแรง อาจมีภาวะน้ำท่วมปอด ขาดออกซิเจน ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและมีภาวะเลือดเป็นกรด อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

    ที่ผ่านมาพบว่าเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้กับผู้ใช้หลายราย เนื่องจากเชื่อคำแนะนำทางสื่อออนไลน์ ที่เป็นข่าวปลอม (แนะนำให้ใช้น้ำยาซักผ้าขาวร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ) อย. จึงขอเตือนผู้บริโภค อย่าเชื่อ หยุดแชร์ข่าวปลอมดังกล่าว ห้ามนำน้ำยาซักผ้าขาวและน้ำยาล้างห้องน้ำมาผสมกัน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน โดยก่อนใช้ต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามวิธีใช้ คำแนะนำ คำเตือนอย่างเคร่งครัด ขณะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำควรสวมถุงมือยางหรือรองเท้ายาง และภายหลังการใช้ต้องล้างถุงมือยาง รองเท้ายางและมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทุกครั้ง ควรเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีเลขทะเบียนวัตถุอันตราย โดยสังเกตเครื่องหมาย อย. วอส. โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. ได้ที่ เว็บไซต์ fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” หากพบผลิตภัณฑ์ที่น่าสงสัย หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อ อย. จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในที่สุด

  • อย. ตรวจพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐาน ในผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกล้วยต้มหั่นแช่แข็ง รุ่นการผลิตที่ 076/2022
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหาร ณ ด่านอาหารและยาท่าเรือกรุงเทพ นำเข้าโดยบริษัท วายเอเจ เทรด ทราน จำกัด ส่งตรวจวิเคราะห์โดยมีรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ “ผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกล้วยต้มหั่นแช่แข็ง (FROZEN COOKED SQUID SLICES (GRADE B))”ผลิตโดย FUJIAN HUAXIAN AQUATIC SEAFOOD CO., LTD สาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่นการผลิตที่ 076/2022 วันผลิต 20/10/2022 และวันหมดอายุ 20/10/2024 น้ำหนักสุทธิ 10 กิโลกรัมต่อกล่อง ผลการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบแคดเมียม 6.30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ต้องไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ซึ่งเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์และอาหารผิดมาตรฐานตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภค และ อย. อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด

  • ยาที่ต้องระวังระหว่างขับขี่ยานพาหนะ
    “กินยาแล้วง่วง” อาการที่หลายคนเคยเป็น จนบางครั้งกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน รวมไปถึงเสี่ยงต่อการขับขี่ยานพาหนะด้วย นอกจากยาที่ทำให้ง่วงซึม ยาบางกลุ่มส่งผลให้อ่อนเพลีย วูบ หรือรบกวนการมองเห็นได้ วันนี้เราจึงพามารู้จักยาที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างขับรถ พร้อมวิธีสังเกตคำเตือนบนฉลากยาง่าย ๆ

    ยาที่มีผลต่อการขับขี่ เช่น
    1. ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine) ที่รู้จักกันในชื่อ ยาแก้แพ้หรือยาแก้โรคภูมิแพ้ รวมถึงกลุ่มยาแก้เมารถ เช่น คลอเฟนิรามีน พบทั้งชนิดที่เป็นยาเดี่ยวและชนิดผสม ส่งผลให้เกิดการกดประสาท ทำให้ง่วงนอน มึนงง มองไม่ชัด นอกจากไม่ควรใช้ยาก่อนที่จะขับขี่ยานพาหนะแล้วไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ร่วมกับการดื่มสุรา หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาทด้วย

    2. ยาคลายเครียด/ยานอนหลับ/ยารักษาโรคจิตเวช และยารักษาโรคทางระบบประสาทบางชนิด เช่น ไดอะซีแพม อัลพาโซแลม ยากลุ่มนี้เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง มีผลต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น เกิดอาการซึมมาก หลับนานผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน ส่งผลให้การตัดสินใจล่าช้า มีผลต่อการทำงานของร่างกายในการรับรู้ของอวัยะต่างๆ และสั่งการทำงานของแขนขา ซึ่งหากรับประทานยาในกลุ่มนี้แล้วมาขับขี่ยานพาหนะอาจจะมีอาการง่วงซึมค้างจากยา หรือประสิทธิภาพในการตัดสินใจในการขับขี่ลดลง อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

    3. ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมอนุพันธ์ของฝิ่น เช่น ทรามาดอล มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้พบผลข้างเคียงตั้งแต่อาการใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม จนถึงรุนแรง เช่น กดศูนย์การหายใจของร่างกาย กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก ประสาทหลอน จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะด้วยตนเองขณะที่ใช้ยานี้

    4. ยาแก้ไอหลายชนิดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่น เช่น ยาแก้ไอน้ำดำที่มีส่วนผสมของโคเดอีน จะส่งผลให้คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม ลดประสิทธิภาพในการขับขี่ การใช้ยาในขนาดสูงทำให้การหายใจหยุด ช็อก และหัวใจหยุดเต้น

    5. ยาคลายกล้ามเนื้อ/แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง ลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดตึง ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย จนบางครั้งอาจทำให้แขนขาอ่อนแรง และใช้งานในการควบคุมได้ไม่ดีพอ

    6. ยาประเภทอื่น ๆ เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง/ยารักษาโรคหัวใจ และยาหยอดตา ที่มีผลรบกวนการขับขี่ยานพาหนะ




    ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอาการง่วงนอนจากยาขณะขับรถ
    1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในช่วงก่อนและขณะขับรถ โดยสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา เช่น “ยานี้ทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานยนต์หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงต่อการพลัดตกจากที่สูง” หรือ “ควรทดสอบก่อนว่า รับประทานยานี้แล้วไม่ง่วง” เป็นต้น
    2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนร่วมกับแอลกอฮอล์ โดยสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา เช่น “ไม่ควรรับประทานร่วมกับสุราหรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ” หรือ “ยานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่…% ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง”
    3. ยาบางชนิดรบกวนการมองเห็น เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม แม้จะทำให้ตาพร่ามัวเพียงชั่วคราวแต่ไม่ควรใช้ระหว่างขับรถ
    4. การใช้ยาที่ทำให้วูบ ใจสั่น หน้ามืด อ่อนเพลีย ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาลดความดันโลหิต ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลข้างเคียงให้ชัดเจน ไม่ควรหยุดยาหรือปรับการใช้ยาเองเพื่อขับรถ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเอง
    ยาที่ส่งผลต่อการขับขี่ยานพาหนะ พบได้ทั้งชนิดที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ซึ่งได้จากโรงพยาบาล และเป็นยาสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้เองตามร้านขายยาและร้านค้าทั่วไป ดังนั้นก่อนใช้ควรอ่านคำแนะนำบนฉลาก และปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยควรเลือกซื้อยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง มีเภสัชกรประจำร้านที่ได้มาตรฐาน สามารถให้คำแนะนำการใช้ยาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจะดีที่สุด

  • อย. ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง โดย ปคบ. บุกทลายโกดังกระจายอาหารเสริมปลอมยาปลอม และเครื่องสำอางปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 10.5 ล้านบาท
    วันที่ 23 มีนาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายโกดังเก็บผลิตภัณฑ์อาหาร, ยาปลอม และเครื่องสำอางปลอม โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 19 รายการ รวม 6,320 กล่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 10,500,000 บาท พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบันค่านิยมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพเป็นที่ได้รับความสนใจของผู้บริโภคยุคใหม่ จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอมในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้รับการร้องเรียน และข้อมูลจาก บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาร์ จำกัด (มหาชน) ว่าพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ TS6 Probiotic และ Probac7 ปลอม แพร่ระบาดในแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นจำนวนมาก
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบว่า มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ TS6 Probiotic และ Probac7 ปลอมบนแพลตฟอร์มช้อปปี้มากกว่า 15 ร้าน และพบว่า กลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดมีการลักลอบนำสินค้าปลอมเข้ามาจากประเทศจีน จากนั้นนำมาเก็บไว้ที่โกดังเก็บสินค้าในพื้นที่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร อีกทั้งพบว่าร้านค้าดังกล่าวมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร ยา และเครื่องสำอางชื่อดังที่ต้องสงสัยว่าปลอมหลายอีกหลายยี่ห้อ ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละรายการมีราคาค่อนข้างสูง ผู้บริโภคที่ซื้อย่อมคาดหวังในคุณภาพ การขายผลิตภัณฑ์ปลอมในราคาสูงจึงเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค เมื่อรับประทานแล้วอาจทำให้ไม่ได้ผลตามต้องการ และอาจทำให้ได้รับอันตรายต่อสุขภาพต่อผู้บริโภคโดยตรง
    ต่อมาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าทำการตรวจค้นอาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนบรรทัดทอง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้น พบ นายเชง (สงวนนามสกุล) สัญชาติ จีน แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่และกิจการดังกล่าว ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ตามที่ปรากฏในเรื่องร้องเรียน และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 19 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10,500,000 บาท โดยของกลางส่วนใหญ่ที่ยึดในครั้งนี้ และมีบริษัทผู้นำเข้ายืนยันว่าไม่ใช่สินค้าของบริษัทตน ได้แก่
    1.บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาร์ จำกัด (มหาชน)
    2.บริษัทแอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
    3.บริษัทเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

    โดยในการตรวจค้นครั้งนี้พบผลิตภัณฑ์ “Pre-conception&Pregnancy” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มสตรีมีครรภ์ โดยเป็นวิตามินและแร่ธาตุที่ใช้ในการบำรุงระหว่างตั้งครรภ์ จนถึงคลอดบุตร หากทำปลอมและมีสารเคมีอันตรายผสมเจือปน อาจเป็นอันตรายโดยตรงต่อผู้บริโภค เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ฐาน “จำหน่ายอาหารปลอม” โดยผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่า สินค้าของกลางในคดีทั้งหมดถูกส่งมาจากประเทศจีน แล้วนำมาเก็บไว้ ในอาคารที่เกิดเหตุจริง เพื่อนำส่งลูกค้าคนไทยที่ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มในประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอมอื่นๆ อยู่ระหว่างติดต่อให้ บริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์ตรวจสอบและยืนยันเพิ่มเติม ในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์พนักงานสอบสวนจะส่งผลิตภัณฑ์ตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากพบสารต้องห้ามจะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.อาหาร ฐาน “จำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์” ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับการกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
    1. พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 ฐาน “จำหน่ายอาหารปลอม” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาท ถึงหนึ่งแสนบาท
    2. กรณีพบว่าผลิตภัณฑ์ยาเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510
    ฐาน “ขายยาปลอม” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่สองพันถึงหนึ่งหมื่นบาท
    3. กรณีพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
    ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุกหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผล จนสามารถตรวจยึด อาหาร ยา เครื่องสำอาง ผิดกฎหมายได้จำนวนมากในส่วนของพี่น้องประชาชนขอย้ำเตือนว่า อาหาร ยา เครื่องสำอางจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์ หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจาก ร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว สำหรับยาไม่สามารถซื้อทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านยา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายจากแพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถ แจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
    พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่ออนไลน์ เพียงเพราะเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาด ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น อาหารเสริม และยา ที่ถูกเกินกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ เช่น ลด 50 -70 % , ซื้อ 1 แถม 2, สินค้า Pre Order, กล่าวอ้างซื้อตัดล็อต หรือเป็นของแท้นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่เสียภาษีจึงราคาถูก เป็นต้น ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อการโฆษณาและได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์ม อี-มาร์เก็ตเพลส และทางสื่อออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

  • อย. ยัน น้ำตาเทียมที่พบเชื้อแบคทีเรีย ไม่มีนำเข้าในไทย
    กรณีที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) พบเชื้อแบคทีเรียในน้ำตาเทียม 2 ยี่ห้อ ได้แก่ EzriCare และ Delsam Pharma ซึ่งผลิตในอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย สูญเสียการมองเห็น 8 ราย และต้องผ่าลูกตาออก 4 ราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบการขึ้นทะเบียนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และไม่พบข้อมูลการจำหน่ายบนอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
    ทั้งนี้ อย. มีมาตรการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวด และติดตามรายงานสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ยาในต่างประเทศอย่างใกล้ชิดสำหรับการใช้น้ำตาเทียมให้ปลอดภัย ควรใช้ตามคำแนะนำของแต่ละรูปแบบ เช่น น้ำตาเทียมแบบรายวัน ต้องใช้ไม่เกิน 12-24 ชั่วโมง หลังจากเปิด หรือแบบรายเดือน ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน หลังจากเปิดแล้ว เป็นต้น และไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่นเพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้ โดยวิธีการหยอดน้ำตาเทียมนั้นจะต้องระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดสัมผัสบริเวณดวงตา หรือขนตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อจนดวงตาอักเสบ และหากมีน้ำตาเทียมและยาหยอดตาที่ต้องใช้เพิ่มเติม ควรใช้ห่างกันประมาณ 10 นาที ที่สำคัญ หากมีอาการผิดปกติ เช่น เกิดการระคายเคือง มีภาวะตาแห้งมากขึ้น ควรพบจักษุแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและรักษาเป็นลำดับถัดไป

  • อย. เตือนระวังคุกกี้กัญชาลักลอบนำเข้า ไร้ อย.
    อย. เตือนผู้ปกครองระวังเด็กๆ รับประทานคุกกี้ผสมกัญชา พบลักลอบนำเข้า ไม่มี อย. มีปริมาณ THC สูงถึง 600 มิลลิกรัม

    นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีเด็กรับประทานคุกกี้ช็อกโกแลตที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย แล้วมีอาการเจ็บป่วยหนักที่โรงพยาบาล แถวภาคใต้ นั้นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบภาพผลิตภัณฑ์ตามข่าวดังกล่าว พบข้อมูลระบุ “Twix Chocolate sand THC 600 MG PER BAG PER 2 COOKIES” ซึ่งไม่พบข้อมูลการได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์ และ อย. ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสืบหาข้อเท็จจริงไม่พบการนำเข้า ณ ด่านอาหารและยาแต่อย่างใดนอกจากนี้จากการตรวจสอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางร้านค้าตลาดออนไลน์ไม่พบว่ามีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นการลักลอบนำเข้า

    ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายจัดเป็นอาหารที่ต้องได้รับอนุญาตเลขสารบบอาหารซึ่งต้องผ่านการประเมินความปลอดภัย โดยมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค (THC ต้องไม่เกิน 1.6 มิลลิกรัมต่อขวด/กล่อง/ซอง) และเข้มงวดในการพิจารณาสูตรส่วนประกอบ รวมทั้งผลตรวจพิสูจน์ปริมาณ THC กำหนดให้ฉลากผลิตภัณฑ์แสดงข้อแนะนำการบริโภคเพื่อความปลอดภัย เช่น" ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 2 หน่วยบรรจุ (ขวด/กล่อง/ซอง)" และแสดงข้อความคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ได้แก่ “เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน” “หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที” “ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสาร THC หรือ CBD ควรระวังในการรับประทาน” และ “อาจทำให้ง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล” ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตต้องมีความปลอดภัย และมีผลวิเคราะห์ยืนยันปริมาณ THC ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ อย. ได้ดำเนินแผนเก็บตัวอย่างเฝ้าระวังคุณภาพและการแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาที่วางจำหน่ายในท้องตลาด และดำเนินคดีกับผู้ผลิตอาหารผิดมาตรฐาน

    รองเลขาธิการ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง และอ่านฉลาก ว่ามีกัญชาเป็นส่วนประกอบหรือไม่ ชื่ออาหารต้องมีคำว่า “กัญชา” หรือ “กัญชง” หรือชื่อส่วนของกัญชาหรือกัญชงที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเป็นส่วนหนึ่งของชื่ออาหาร หรือกำกับชื่ออาหาร ฉลากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย ต้องแสดงเลขสารบบอาหาร และเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการบริโภคและข้อความคำเตือนที่แสดงบนฉลาก

  • อย. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านอาหารและยาท่าอากาศยานหาดใหญ่ และด่านอาหารและยาสะเดา จ. สงขลา มุ่งคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค
    เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้คำแนะนำและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาท่าอากาศยานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นด่านตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ติดตัวมากับผู้โดยสารเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งการเฝ้าระวังให้เป็นไปตามกฎหมายและป้องกันการลักลอบนำเข้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด 19 จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านอาหารและยาสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นด่านอาหารและยาที่มีหน้าที่กำกับดูแลการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย และป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตหรือไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 5,347 ใบขน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ากว่า 7,291 ล้านบาทต่อปี โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำเข้ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องสำอาง เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ตกแต่งใบหน้า และน้ำหอม เป็นต้น รองลงมาคือ อาหาร เช่น บิสกิต แครกเกอร์ เวเฟอร์ หอยแครง หอยลาย เป็นต้น ทั้งนี้ ด่านอาหารและยาสะเดาตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านระบบ National Single Window: NSW โดยเชื่อมโยงข้อมูลการนำเข้ากับกรมศุลกากร นอกจากนี้ ยังมีการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สุขภาพด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น และเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ ณ ห้องปฏิบัติการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา หากผลวิเคราะห์ไม่ได้มาตรฐานจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และกรณีอาหารที่มีผลตรวจวิเคราะห์ไม่ได้มาตรฐานจะถูกนำเข้าระบบกักกันของด่านอาหารและยา เพื่อตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าครั้งต่อไปอย่างเข้มงวด

    การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น ร่วมรับฟังปัญหาอุปสรรค แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งนี้ อย. มุ่งมั่นในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ และเฝ้าระวังการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพให้เป็นไปตามกฎหมาย

  • เตือน!! เครื่องสำอาง “ผงพอกผิวขาว” แสดงเลขที่จดแจ้งปลอม
    อย. เตือนประชาชนระมัดระวังการซื้อเครื่องสำอางผงพอกผิวขาว พบปลอมเลขจดแจ้งแนะตรวจสอบเลขอนุญาตผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ
    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้บริโภคใช้ผงพอกผิวขาว พอกแขน และหน้า เมื่อล้างออก ผิวไม่ได้ขาวขึ้นตามคำโฆษณา แต่กลับคล้ำลงเห็นได้อย่างชัดเจน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สอบถามข้อมูลจากผู้เสียหายทราบว่าสั่งซื้อผงดังกล่าว จากเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ผงสาหร่ายขัดผิวขาว Organic แท้100%” ลักษณะเป็นผงสีเขียว บรรจุในซองพลาสติก ขนาด 100 กรัม ด้านหน้าเป็นภาษาประเทศเพื่อนบ้าน ฉลากแสดงเลขที่ใบรับจดแจ้ง 10-2-6600188171 เมื่อตรวจจากฐานข้อมูลการอนุญาตพบว่าเป็นเลขปลอม ขณะนี้ผู้จำหน่ายปิดเฟซบุ๊กดังกล่าวแล้ว
    อย. จะได้ตรวจสอบการขายผลิตภัณฑ์ข้างต้นทางออนไลน์ช่องทางอื่น และประสานตำรวจ บก.ปคบ. สืบหาแหล่งผลิตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จึงขอเตือนร้านค้าอย่าซื้อมาขาย ประชาชนอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้
    ทั้งนี้ ผู้ขายเครื่องสำอางที่ไม่จดแจ้งมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ผู้ขายเครื่องสำอางปลอมเลขที่ใบรับจดแจ้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    อย. ขอแนะนำให้ผู้บริโภค ตรวจสอบเลขอนุญาตผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อมาใช้ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน มีฉลากภาษาไทยครบถ้วน ระบุเลขที่ใบรับจดแจ้งที่ตรวจสอบแล้วพบข้อมูลตรงตามข้อมูลที่แสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์ และหากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556 หรืออีเมล์ 1556@fda.moph.go.th หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. ห่วงใย ส้นเท้าแตก ทำอย่างไรดี
    ส้นเท้าแตก ไม่ได้เกิดจากอากาศที่แห้งหรือหนาวเย็นเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีสาเหตุมาจากสภาพผิวที่มีความยืดหยุ่นน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ภาวะผิวขาดน้ำจากการอาบน้ำหรือแช่น้ำที่ร้อนจนเกินไป หรือจากการใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง และขาดการบำรุงผิวด้วยครีมที่ช่วยทำให้เท้ามีความชุ่มชื้น นอกจากนี้การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมเท้าหรือเปิดผิวเท้ารวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ก็มีโอกาสเสี่ยงเกิดส้นเท้าแตกได้เช่นกัน

    ส้นเท้าแตก หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้รอยแตกลึกขึ้นจนถึงชั้นผิวหนังแท้ มีเลือดออก เกิดความเจ็บปวดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ซึ่งในเบื้องต้นหากสังเกตว่าเริ่มมีรอยแตกตื้น ๆ ที่เท้า เราสามารถดูแลตัวเองได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นและลดการหนาตัวผิดปกติของผิวหนังชั้นนอก ดังนี้

    1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความนุ่มลื่นแก่ผิว (Emollients) เช่น เซราไมด์ น้ำมันละหุ่ง ลาโนลิน เป็นสารที่ถือว่ามีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงต่ำ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ปกคลุมผิวชั้นนอกป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว อาจอยู่ในรูปแบบของขี้ผึ้ง ครีม โลชั่น เจล และสเปรย์ สาร emollients สามารถใช้เป็นทั้งสารทดแทนสบู่เพื่อทำความสะอาดผิว และใช้ทาผิวทิ้งไว้เพื่อเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ได้ ยิ่งหากใส่ถุงเท้าร่วมด้วยจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวบริเวณเท้าได้ดียิ่งขึ้น



    2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารดูดซับความชุ่มชื้นให้ผิว (Humectant) เช่น ยูเรีย กรดแลคติก และกลีเซอรีนจะช่วยเสริมการรักษาความชุ่มชื้นผิว สำหรับยูเรียที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 10% ขึ้นไปจัดเป็นผลิตภัณฑ์ยาใช้ภายนอก การใช้ยาควรต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์ หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง

    แม้เราจะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อผลด้านสุขภาพผิวเท่านั้น แต่ก็ควรจะคํานึงถึงความปลอดภัยในการใช้ ด้วยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อน สังเกตส่วนประกอบบนฉลากบรรจุภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ emollients ผสมกับยูเรียความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดการแสบผิวหรือไม่สบายผิว ซึ่งสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณความเข้มข้นของยูเรียลดลง หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความรุนแรงของโรค

    เราสามารถป้องกันส้นเท้าแตกได้แต่เนิ่น ๆ ดังนี้

    1. เลือกใช้สบู่ที่ถนอมผิว ไม่ใช้สบู่ที่มีสารเคมีเข้มข้นหรือที่มีส่วนผสมทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองผิว

    2. ผู้ที่มีภาวะผิวแห้งง่ายควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ใช้ทาหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก

    3. ควบคุมน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักตัวมาก และในผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อป้องกันผิวบริเวณเท้าไม่ให้รองรับน้ำหนักมากเกินไป

    4. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำหรือแช่น้ำที่อุณหภูมิร้อนจัด

    5. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะผิวขาดน้ำ

    หากมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าที่แตกมากมีหนองหรืออาการไม่บรรเทาโดยการรักษาด้วยตนเองควรไปพบแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาการติดเชื้อและรักษาได้อย่างทันท่วงที

  • ระวัง!! 2 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่แสดงฉลากภาษาไทย ไม่มีเลขสารบบอาหาร ไม่มีชื่อและที่ตั้งผู้นำเข้า และการแสดงสารอาหารที่ได้รับต่อวันบนฉลาก เกินกว่าที่กำหนดในประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง ข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดวิตามินและแร่ธาตุ จำนวน 2 รายการ ได้แก่

    1.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Celebrate Nutritional Supplements Calcium Plus Dietary Supplement การแสดงสารอาหารที่ได้รับต่อวันบนฉลาก พบว่ามีปริมาณวิตามินดี และแคลเซียมในปริมาณ 90 ไมโครกรัมต่อวัน และ 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งเกินกว่าที่กำหนดในประกาศฯ คือ ไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อวัน และไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อวัน ตามลำดับ

    2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Celebrate Nutritional Supplements Iron 30 Plus Vitamin C การแสดงสารอาหารที่ได้รับต่อวันบนฉลาก พบว่ามีปริมาณเหล็ก 30 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเกินกว่าที่กำหนดในประกาศฯ คือ ไม่เกิน 15 มิลลิกรัมต่อวัน

    ทั้งนี้ อย.ได้แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดตรวจสอบเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้วจึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อมารับประทาน

    ข้อแนะนำ

    ขอแนะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาไทย แสดงชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือชื่อและที่ตั้งผู้นำเข้า และประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิต และวันเดือนและปีที่ควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ เป็นต้น ทั้งนี้ หากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะไม่ปลอดภัย ขอให้แจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

  • อย. สนับสนุน สปป. ลาว จัดอบรมสร้างความเข้มแข็งกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
    อย. ไทย และ สปป. ลาว ร่วมพัฒนางานด้านสาธารณสุข โดย อย. ได้จัดอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีคณะผู้แทนและเจ้าหน้าที่จากกรมอาหารและยา แขนงตรวจสอบอาหารและยา ศูนย์วิจัยอาหารและยา หน่วยอาหารและยาจังหวัด และโรงงานผลิตยาเลข 3 สปป. ลาว เข้าร่วมอบรม เพื่อใช้ในการดำเนินงานสำหรับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของ สปป. ลาว ต่อไป

    นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมอาหารและยา (Food and Drug Department : FDD) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ได้มีความร่วมมือการพัฒนาไทย - ลาว สาขาสาธารณสุข ภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการกำกับดูแลอาหารและยา (Strengthening Food and Drug Regulatory Capacity) โดยได้มีการจัดอบรมให้กับบุคลากรของสปป.ลาว ในหลักสูตร Medical Device Regulation ซึ่งเป็นการอบรมเกี่ยวกับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทย และการติดตามความปลอดภัยหลังออกสู่ตลาด ที่สอดคล้องกับประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ สปป.ลาว อยู่ระหว่างการออกข้อกำหนดเพื่อกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ในภาพรวม ซึ่งเทียบเท่ากับการออกพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทย ดังนั้น การอบรมหลักสูตรดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจให้กับผู้แทน สปป. ลาว มากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานสำหรับการกำกับดูแลเครื่องมือแพทย์ของสปป.ลาวต่อไป

  • อย. ย้ำ อย่านำยาทาเล็บไปใช้ทาฟัน มีสารเคมีหลายชนิด ห้ามเข้าปากหรือกลืน
    กรณีข่าวในสื่อออนไลน์มีผู้นำยาทาเล็บมาทาฟันให้ฟันขาว อย. เตือน ยาทาเล็บเป็นเครื่องสำอางตกแต่งทำสีเล็บเพื่อความสวยงาม สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น ห้ามนำเข้าปาก เพราะมีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นอันตรายหากดูดซึมในเยื่อบุช่องปากหรือกลืนกิน

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงว่า ยาทาเล็บมีส่วนประกอบของสารที่ทำให้เกิดฟิล์ม สารให้ความยืดหยุ่น ตัวทำละลาย สี และสารต้านการเกิดฟอง เป็นสารเคมีสำหรับใช้ภายนอกร่างกายการใช้ทาเล็บแล้วปล่อยให้สีแห้งสนิทก่อนหยิบจับอาหารหรือใช้ชีวิตประจำวันสามารถกระทำได้ไม่เกิดอันตราย แต่หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำมาทาฟัน สารเคมีจะถูกดูดซึมเข้าทางเยื่อบุช่องปากที่สามารถดูดซึมสารเคมีได้ดีกว่าเล็บ จึงทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้หากใช้ผิดวิธี

    ภก. วีระชัย นลวชัย แนะเลือกซื้อยาทาเล็บให้สังเกตฉลากบนบรรจุภัณฑ์ ต้องแสดงเลขที่ใบรับจดแจ้ง ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ คำเตือน ชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ ยาทาเล็บที่ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่ระบุผู้ผลิต อาจมีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น ไดบิวทิลทาเลต (Dibutyl Phthalate) หรือสารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่ปัจจุบันถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางแล้ว เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง สารก่อการกลายพันธุ์และสารที่มีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ (CMR Substances)

  • อย. เตือน!! ผลิตภัณฑ์ CHEMRICH BORAX โฆษณาอ้างสรรพคุณรักษาโรค
    พบผลิตภัณฑ์ “CHEMRICH BORAX” โฆษณาขายทางสื่อออนไลน์ ระบุสรรพคุณ“...cds ดีจริง ๆ พี่อาการดีขึ้นมาก ๆ ภายใน 5 วัน...แฟนพี่งงมาก ๆ ทำไมตื่นนอนตอนเช้าไม่ไอไม่จาม นอนหลับลึกหลับสนิทไม่ตื่นนอนกลางดึก พี่เป็นภูมิแพ้....ความดัน เบาหวาน อย่ารอช้าค่ะมาเอาน้ำอัมฤทธิ์ไปดื่มเลยนะคะ...”

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่พบการอนุญาตผลิตภัณฑ์และโฆษณากับ อย. จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาลักษณะนี้

  • อย. ยันไม่พบการใช้สารกลุ่ม PFAS ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่จำหน่ายในไทย ขอประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
    จากข่าว EPA นิวซีแลนด์เสนอให้ยกเลิกการใช้สาร PFAS ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อให้สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) อย. ตรวจสอบเครื่องสำอางที่จดแจ้งในประเทศไทยแล้วไม่พบการใช้สารในกลุ่มดังกล่าวและอนุพันธ์ของสารทั้ง 13 รายการ เป็นส่วนผสม ขอประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย อย. มีการเฝ้าระวัง ติดตามความปลอดภัยในการใช้สารต่าง ๆ ในเครื่องสำอางอย่างสม่ำเสมอ

    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงข่าวออนไลน์ของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ประเทศนิวซีแลนด์ที่ได้เสนอให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ยกเลิกการใช้สารเพอร์ฟลูออโรอัลคิลและโพลีฟลูออโรอัลคิล (perfluoroalkyl and polyfluoroalkyl substances : PFAS) ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อให้สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) ภายในสิ้นปี 2568 นั้น การดำเนินการเรื่องดังกล่าวในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอยู่ระหว่างการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. 2566 ซึ่งมีสาร PFAS และอนุพันธ์ของสารจำนวน 13 รายการอยู่ในประกาศฉบับดังกล่าว โดยร่างประกาศฯ ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเครื่องสำอางแล้ว อยู่ในขั้นตอนเสนอรัฐมนตรีลงนามประกาศฯ ต่อไป จากการตรวจสอบฐานข้อมูลเครื่องสำอางที่จดแจ้งเพื่อผลิต นำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทย ไม่พบการใช้สารในกลุ่ม PFAS และอนุพันธ์ของสารทั้ง 13 รายการ เป็นส่วนผสม และ อย. มีแผนเก็บตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวังสารห้ามใช้ หากพบการฝ่าฝืน ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกกรณี

  • หากพูดถึงโรคพิษสุนัขบ้าหลายคนคงนึกถึงแต่การติดเชื้อที่เกิดจากสุนัขเพียงเท่านั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่า โรคพิษสุนัขบ้านั้นเกิดได้จากการที่เราโดนกัด ข่วน หรือไปโดนน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น แมว กระต่าย ลิง กระรอก หนู วัว ควาย ม้า ดังนั้นหากเราโดนสัตว์เหล่านี้กัด ข่วน หรือน้ำลายของสัตว์สัมผัสบาดแผลจะทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสเรบี่ส์ (Rabies Virus) ที่เป็นสาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำได้

    แม้โรคพิษสุนัขบ้าจะยังไม่สามารถรักษาได้ แต่เราสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้หากพิจารณาแล้วว่าตนเองมีความเสี่ยง

    เมื่อไหร่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

    1. ฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัสสัตว์ (Prophylaxis)

    สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สัตวแพทย์ โดยฉีด 3 ครั้ง คือ วันที่ 0, 7 และ 21 หรือ 28 หลังจากนั้นอีก 1 ปี สามารถฉีดกระตุ้นอีกครั้งเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้

    2. ฉีดวัคซีนหลังการสัมผัสสัตว์ โดยพิจารณาความเสี่ยง ดังนี้

    น้ำลาย/เลือด : หากสัมผัสผิวหนังที่ไม่มีแผล ไม่มีรอยถลอก ไม่ต้องฉีดวัคซีน

    : หากสัมผัสผิวหนังที่มีแผล มีรอยถลอก กระเด็นเข้าตา จมูกหรือปาก ต้องฉีดวัคซีน

    ถูกข่วน : บริเวณผิวหนัง โดยจะมีเลือดออกหรือไม่มีก็ตาม ต้องฉีดวัคซีน

    ถูกงับ : บริเวณผิวหนังแล้วมีรอยช้ำ โดยจะมีเลือดออกหรือไม่มีก็ตาม ต้องฉีดวัคซีน

    ถูกกัด : จนเป็นแผลมีเลือดออก ต้องฉีดวัคซีน

    ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนหลังสัมผัสสัตว์ จะพิจารณาจำนวนครั้งของการฉีดวัคซีนจากประวัติของการได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า

    สำหรับบางคนถูกกัดหรือข่วนจนเป็นแผลและมีเลือดออก หรือถูกกัดจนเป็นแผลบริเวณใบหน้า ศีรษะ คอ มือ และนิ้วมือ หากมีแผลลึกหรือเป็นแผลในลักษณะที่ฉีกขาดมากอาจจะต้องได้รับการฉีดอิมมูโนโกลบุลิน (Immunoglobulin; IG) ร่วมด้วยเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง

    ดังนั้นจึงควรระวังตนเองอยู่เสมอและหากถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด งับ ข่วน หรือโดนสารคัดหลั่งจากสัตว์นั้น ๆ ควรรีบปฐมพยาบาล โดยล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง อย่าบีบเค้นแผลหรือปิดปากแผล แต่ควรใช้โพวีโดนไอโอดีน (Povidone Iodine) เช็ดแผลเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วรีบไปโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว เพื่อรับการฉีดป้องกันบาดทะยัก ยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดตามอาการ รวมถึงวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าหรืออิมมูโนโกลบุลินตามความเหมาะสม

  • ความรู้ อย. เรื่องของ นม ที่คนมักเข้าใจผิด
    อย่างที่ทราบกันดีว่า นมวัวเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมี

    ข่าวแชร์ผิด ๆ ที่ส่งต่อกันในโลกออนไลน์ว่า การดื่มนมจะทำให้เสี่ยงโรค หรือ เราควรเลิกดื่มนมวัว เพราะมีสิ่งอันตรายอย่างยาฆ่าแมลง อุจจาระและยาปฏิชีวนะเจือปนอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงข่าวแชร์ที่ว่า การดื่มนมเปรี้ยวจะช่วยรักษาอาการท้องเสียได้ ข่าวแชร์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรามาดูกัน...



    - เราควรเลิกดื่มนมวัว จริงหรือ?



    ไม่จริง อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า มีกระแสในโลกออนไลน์ให้ข้อมูลว่า เราควรเลิกดื่มนมวัว เพราะนมวัวมีเชื้อโรคและยาปฏิชีวนะเจือปนอยู่ การดื่มนมวัวจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกระดูกพรุน และโรคมะเร็ง เราสามารถดื่มนมที่มาจากพืชทดแทนนมวัวได้ เรื่องนี้ยืนยันว่า ไม่จริง และเป็นไปได้ยากที่เราจะเสี่ยงได้รับเชื้อโรคหรือยาปฏิชีวนะ เนื่องจากกระบวนการผลิตนั้นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร และต้องได้รับอนุญาตผลิตจาก อย. อย่างถูกต้อง แต่กลับเป็นผลดีต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกทั้งในเด็กและวัยรุ่น เนื่องจากนมวัวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โปรตีน หรือวิตามินต่าง ๆ ดังนั้นสรุปได้ว่า การดื่มนมวัวไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย อย่างที่แชร์กัน



    - ดื่มนมทำให้เสี่ยงโรค จริงหรือ?



    ไม่จริง อย่างที่รู้กันดี นมเป็นแหล่งของโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะนมช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ถึงแม้ว่าในน้ำนมจะมีไขมัน แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ไขมันที่อยู่ในอาหารประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยโรคเบาหวานแนะนำดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย และควรเลี่ยงนมที่รสหวานหรือปรุงแต่งรสต่าง ๆ เพราะอาจทำให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป ดังนั้นสรุปได้ว่า การดื่มนมไม่ได้ทำให้เสี่ยงโรค อย่างที่แชร์กัน



    - ดื่มนมเปรี้ยวรักษาอาการท้องเสียได้ จริงหรือ?



    ไม่จริง หลายคนอาจเคยได้ยินว่า นมเปรี้ยวสามารถแก้อาการท้องเสียได้ และหลายคนก็อาจเคยใช้วิธีนี้เพื่อแก้อาการท้องเสียมาแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ยังไม่มีการศึกษาวิจัยใดยืนยันได้ว่าการดื่มนมเปรี้ยวขณะท้องเสียสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียให้ดีขึ้นได้ ฉะนั้น หากมีอาการท้องเสียแนะนำให้กินอาหารสุกสะอาด งดอาหารรสจัด และจิบน้ำผสมผงเกลือแร่ ORS (Oral Rehydration Salts) เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป และหากมีไข้ อุจจาระมีมูกเลือดปน และอาการรุนแรงขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นสรุปได้ว่า การดื่มนมเปรี้ยวไม่สามารถรักษาอาการท้องเสียได้ อย่างที่แชร์กัน



    อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า “นม” เป็นแหล่งสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โปรตีน หรือวิตามินต่าง ๆ และไม่ได้เสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคอย่างที่แชร์กัน รวมถึงนมเปรี้ยวไม่สามารถรักษาอาการท้องเสียได้ สรุป... การดื่มนมวัวเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างที่เข้าใจผิดกัน

  • อย. ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของกลุ่มอุตสาหกรรมยา สภาอุตสาหกรรมและสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน (TPMA) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่โรงแรมริชมอนด์นนทบุรี

    นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้นำเสนอนโยบายต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมยาประกอบด้วยทิศทางการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย กลยุทธ์ของ อย.ในการขับเคลื่อนการทำงาน การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ เช่น การปรับลดอัตราการจัดเก็บ การปรับกระบวนการขึ้นทะเบียน ปรับปรุงกระบวนงานให้เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เป็นต้น

    นอกจากนี้ ภญ. วรสุดา ยูงทอง ผู้อำนวยการกองยา ยังได้บรรยายนโยบายและภารกิจของกองยาในการดำเนินงานสำหรับปี 2566 อาทิ การต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา GMP clearance E-labelling

    การนำเสนอแนวนโยบายของ อย. ในการประชุมดังกล่าว นอกจากจะช่วยสร้างความเข้าใจในด้านการดำเนินงานของ อย. ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยาแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินงานในสนับสนุนผู้ประกอบการตามพันธกิจของสำนักงานฯ ต่อไป

  • อย. ห่วงใย วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว
    ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่เฉพาะสาว ๆ กันแล้ว กลายเป็นสิ่งที่ทุกเพศทุกวัย หันมาสนใจใช้ในการปกป้องดูแลผิวจากแสงแดดที่บ้านเรานับวันจะร้อนแรงมากขึ้นทุกที ครีมกันแดดจึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี และต้องใช้ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง แต่จะเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิว เพื่อสุขภาพผิวที่ดี สวยใส และท้าแดด

    ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด จัดเป็นเครื่องสำอางมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี ที่มาจากแสงแดด ช่วยลดปริมาณรังสีอัลตราไวโอเลตที่จะมาถึงผิว โดยอาศัยคุณสมบัติของสารป้องกันแสงแดด

    SPF คืออะไร?

    SPF หรือ Sun Protection Factor ของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันการไหม้แดงของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวีบี (UVB) โดยทั่วไปสามารถใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 และเมื่ออยู่กลางแจ้งหรือขณะเล่นกีฬาอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป

    PA คืออะไร?

    PA หรือ Protection grade of UVA หรือ UVAPF คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวีเอ (UVA) โดยดูจากเครื่องหมาย "+" ซึ่งมีค่าตั้งแต่ PA+ ไปจนถึง PA++++ ซึ่งแสดงถึงระดับประสิทธิภาพจากน้อยไปหามาก



    ครีมกันแดดควรเลือกให้เหมาะกับผิว จึงต้องใส่ใจในการเลือกให้ดี ซึ่งก็มีวิธีการเลือกให้เหมาะกับผิว ดังนี้


    1. เลือกตามการใช้งาน ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ ถ้าต้องอยู่กลางแดดนาน ๆ หรือต้องเล่นกีฬาที่มีเหงื่อออก ก็ควรเลือกที่มี SPF สูงและกันน้ำได้


    2. สังเกตค่า SPF ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป สามารถป้องกันได้ทั้งแสง UVA และ UVB


    3. ป้องกันตัวเอง ด้วยครีมกันแดดไม่ได้ป้องกัน 100% ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดควบคู่ไปด้วย หรือหาอุปกรณ์การป้องกันแดดมาเป็นตัวช่วย เช่น หมวก ร่ม แว่นกันแดด เสื้อแขนยาว เป็นต้น


    4. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม จะต้องทาซ้ำเพิ่ม ถ้าว่ายน้ำหรือเล่นน้ำ ต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง


    5. ปริมาณ ทาครั้งละประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือทาครั้งละ 1 ข้อนิ้วมือ โดยให้ทาซ้ำ 2 รอบในแต่ละครั้งราคาหรือยี่ห้อ อาจไม่สะท้อนถึงคุณภาพของสินค้าเสมอไป แต่ควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เป็นเครื่องสำอางที่จดแจ้งแล้ว และควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้


  • อย. ห่วงใย โรคไตนอกจากเลี่ยงกินเค็ม ควรเลี่ยงอาหารอะไรอีก
    ไตเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญของร่างกาย หน้าที่หลักของไต คือการกรองของเสียจากเลือดและขับถ่าย
    ออกทางปัสสาวะ รวมทั้งรักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่ และความเป็นกรดด่างของเลือด ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
    ที่มีการทำงานของไตลดลง จะทำให้ขับของเสียได้น้อยลง ดังนั้นเพื่อที่จะรักษา และยืดอายุการทำงานของไต
    ให้ยาวนานยิ่งขึ้น การเลือกกินอาหารให้ถูกต้องจึงมีความสำคัญในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรัง แล้วอาหารอะไรที่ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรเลี่ยงการรับประทาน มาติดตามกันเถอะ

    ในคนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง นอกจากอาหารเค็มแล้ว อาหารที่ควรเลี่ยงมีอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น

    1. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีโซเดียมมาก เช่น ผงชูรส ผงปรุงรส ซุปก้อน ผงฟู ซอสต่าง ๆ อาหารหมักดอง เช่น
    ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ผักกาดดอง เนื้อสัตว์ปรุงรสหรือแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แฮม หมูหยอง
    และอาหารเติมเกลือ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวต้ม/โจ๊กซอง

    2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอล หรือไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม ขาหมู
    รวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสมของเนย และครีม เช่น เค้ก พิซซ่า และผลิตภัณฑ์ขนมอบ

    3. ลดการกินเนื้อสัตว์ลงโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น คอหมูย่าง เอ็นหมู เอ็นวัว ข้อไก่

    4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องในสัตว์ เมล็ดถั่ว กุ้งแห้ง

    5. สำหรับผู้ป่วยที่มีโพแทสเซียมในเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผัก ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น หัวปลี
    แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม ผักคะน้า กล้วย ฝรั่ง ลูกพรุน น้ำมะพร้าว เป็นต้น

    นอกจากนี้ในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังควรให้รับประทานไข่ขาววันละ 1-2 ฟอง ใช้น้ำมันถัวเหลือง น้ำมันรำข้าว ในการประกอบอาหาร โดยวิธีการประกอบอาหาร ควรใช้วิธีการ ย่าง ต้ม และอบ แทนวิธีการทอดจะดีกว่านะ

  • อย.เตือนผลิตภัณฑ์สมุนไพร “ไมโครโดส”
    จากการตรวจสอบข้อมูลการโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร “ไมโครโดส” ตามที่ ปรากฏดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ “เพื่อบำบัด หรือ รักษาช่วยให้เลิกสุรา บุหรี่ กัญชา และสารเสพติดชนิดอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ลดอาการซึมเศร้าและไบโพลาร์ เพิ่มสมาธิและความคิด สร้างสรรค์ในการทำงาน” ซึ่งจากการสืบค้นในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แล้ว ไม่พบปรากฏผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวนี้


  • อย. แนะ 3 เคล็ดลับ เลือกซื้ออาหารถวายพระวันมาฆบูชา เสริมมงคลชีวิต
    6 มีนาคม 2566 วันมาฆบูชา อย. แนะชาวพุทธทำบุญตักบาตร โดยใช้ 3 เคล็ดลับ “2 สังเกต 1 เลี่ยง” สังเกตฉลาก GDA และสังเกตสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) หลีกเลี่ยงอาหาร หวาน มัน เค็ม เพื่อสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า 6 มีนาคมนี้ ตรงกับวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่พุทธศาสนิกชนมักนิยมทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง หรืออาหารที่อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว โดยอาหารที่นำมาถวายมีจำนวนไม่น้อยที่มีไขมันสูง มีรสเค็มจัด หรือมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ่ในปริมาณสูง เช่น กาแฟปรุงสำเร็จ ชนิดผง เครื่องดื่มช็อกโกแลตปรุงสำเร็จ ชนิดผง ประเภท 3in1 ผลิตภัณฑ์ขนมอบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้พระสงฆ์ได้รับสารอาหารเกินความต้องการของร่างกาย เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และโรคอื่น ๆ ตามมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและ (อย.) มีความห่วงใยสุขภาพพระสงฆ์ จึงขอแนะนำให้ชาวพุทธทุกคนคำนึงถึงคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ เหมาะสำหรับนำไปถวายพระสงฆ์ โดยก่อนเลือกซื้ออาหารที่อยู่ในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่ายมาใส่บาตรหรือถวายสังฆทาน ให้ยึดหลัก 2 สังเกต 1 เลี่ยง ดังนี้

    2 สังเกต

    1. สังเกตข้อมูลฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ (Guideline Daily Amounts ; GDA) ที่แสดงปริมาณค่าของพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม ในหน่วยเมตริก (หน่วยของพลังงานเป็นกิโลแคลอรี่) ของอาหารทั้งบรรจุภัณฑ์ (1 ซอง/ 1 กล่อง) ในรูปทรงกระบอกเรียงติดกัน 4 รูป และช่วงล่างใต้รูปทรงกระบอกแสดงค่าร้อยละของปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวัน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร

    2. สังเกตสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้นมีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียม ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดของกลุ่มอาหารนั้น ๆ เป็นตัวช่วยสำคัญให้เราเลือกซื้ออาหารที่ลดหวาน มัน เค็ม ให้เหมาะสมต่อสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ให้กับพระสงฆ์ได้

    1 เลี่ยง

    เลี่ยงอาหาร หวาน มัน เค็ม เพื่อสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ผู้บริโภคใส่ใจกับการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารมาใส่บาตรในทุกวันสำคัญทางศาสนา ด้วยการอ่านข้อมูลฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ (GDA) หรือสังเกตสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) เพื่อสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์

  • อย. จัดทีมเสริมแกร่งผู้ประกอบการเครื่องสำอางและ SME เน้นทักษะด้านการจดแจ้งและการขอเอกสารใบรับรองการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ให้มีความเข้าใจสอดคล้องกับกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อลดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสการแข่งขันการส่งออกเครื่องสำอางสู่ตลาดโลก

    นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้มีการผลักดัน ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้ผู้ประกอบการ ซึ่งโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจในการจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและการขอเอกสารใบรับรองเพื่อการส่งออกให้สอดคล้องกับกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกแก่ผู้ประกอบการเครื่องสำอาง

    ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ตั้งแต่ ปี 2563 มีมูลค่าการส่งออก 92,517.08 ล้านบาท ปี 2564 มีมูลค่าการส่งออก 96,132.75 ล้านบาท และปี 2565 มีมูลค่าการส่งออก 112,860.53 ล้านบาท โดยจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผม และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ประเทศที่ส่งออกไปมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ประเทศในอาเซียน เป็นต้น

    โดยการอบรมที่จัดขึ้นในวันนี้ (วันที่ 3 มีนาคม 2566) เป็นการอบรมผ่านระบบออนไลน์ ประกอบด้วยการบรรยายเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายและหลักเกณฑ์การยื่นคำขอต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การชี้แจงประเด็นคำถามที่พบบ่อยรวมถึงเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และตอบข้อซักถาม โดยวิทยากรจากกองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย ผู้เข้าร่วมการอบรมประกอบด้วย ผู้ประกอบการเครื่องสำอางและผู้ที่สนใจ จำนวนประมาณ 200 คน

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. หวังให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้มีความรู้ทักษะพื้นฐานในการจดแจ้งเครื่องสำอางและการขอเอกสารใบรับรองเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น และพบการเกิดปัญหาข้อผิดพลาดที่น้อยลง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในเวทีสากลโลกนำไปสู่เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป

  • อย. รุกหนัก สั่งกวาดล้างโฆษณาผิดกฎหมายในลาซาด้า ช้อปปี้
    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลง อย. ตรวจพบโฆษณาอาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ ผิดกฎหมาย ในลาซาด้า ช้อปปี้ จำนวนมาก หวั่นผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ จึงได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม และฝ่ายกฎหมายเร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี 2 ตลาดออนไลน์รายใหญ่ที่ผ่านมา อย. เปรียบเทียบปรับลาซาด้าไปแล้ว 45 คดี ได้เงินค่าปรับกว่า 4.9 ล้านบาท เปรียบเทียบปรับช้อปปี้ไปแล้ว 22 คดี ได้เงินค่าปรับกว่า 1.9 ล้านบาท และมีคดีที่มีโทษจำคุกอีกจำนวนมากที่ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อ โดย อย. ได้นัดเข้าพบผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อหารือการทำงานร่วมกันในการกวาดล้างตลาดออนไลน์ให้เป็นตลาดปลอดโฆษณาเถื่อน

    รองเลขาธิการ อย. กล่าวเตือนเจ้าของตลาดออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มต้องมีมาตรการตรวจสอบผู้ค้าที่ขอสิทธิเข้ามาเปิดร้านค้าในแพลตฟอร์มของตนเอง มิให้ขายสินค้า หรือโฆษณา ผิดกฎหมาย หลอกลวงผู้บริโภค หาก อย. ตรวจสอบพบจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งเจ้าของตลาดออนไลน์ และร้านค้า

  • อย. ชี้แจงอนุมัติทะเบียนยารักษาวัณโรครวมเม็ดแล้ว 2 รายการ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2564
    เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาแสดงความเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าเหตุใดประเทศไทยจึงไม่มียารักษาวัณโรคแบบสูตรผสม 4 ชนิดในเม็ดเดียว ทำให้ผู้ป่วยต้องรับประทานยามากเม็ดต่อวันนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยา ขอชี้แจงว่า อย.อนุมัติการขึ้นทะเบียน ยารักษาวัณโรคแบบสูตรผสม Isoniazid + Rifampicin + Pyrazinamide + Ethambutol จำนวน 2 ตำรับ ได้แก่

    1) ไรป์-900 (RIPE-900) เลขทะเบียนตำรับยา 2A 110/64 ผลิตโดย บริษัท ยูเมด้า จำกัด (อนุมัติทะเบียน ปี พ.ศ. 2564)

    2) ฟอสค๊อส-แทรค (FORECOX-TRAC) เลขทะเบียนตำรับยา 2C 13/65 ผลิตโดย MACLEODS PHARMACEUTICALS LIMITED สาธารณรัฐอินเดีย นำเข้าโดย บริษัท แอตแลนต้า เมดดิคแคร์ จำกัด (อนุมัติทะเบียน ปี พ.ศ. 2565)

    ยาทั้ง 2 ตำรับดังกล่าว เป็นยาที่อยู่ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ บัญชี ข และใช้รักษาวัณโรคในระยะเริ่มต้น

    และมีข้อมูลจาก กองวัณโรค กรมควบคุมโรค ได้จัดซื้อยารักษาวัณโรครวมเม็ด ชื่อการค้า Rifampicin 150 mg, Isoniazid 75 mg, Pyrazinamide 400 mg & Ethambutol hydrochloride 275 mg Tablet USP โดยใช้เงินกองทุนโลก ปี 2566 จัดซื้อสำหรับรักษาผู้ป่วย 2,000 ราย

    อย. ยืนยันว่า ประเทศไทยมียารักษาวัณโรคแบบสูตรผสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแพทย์ในการเลือกใช้ยาสำหรับรักษาผู้ป่วย และการดำเนินธุรกิจของบริษัทยาที่ได้รับอนุมัติทะเบียนไป

  • อย. ห่วงใยก่อนใช้เครื่องสำอางทุกชนิด อย่าลืมทดสอบการแพ้
    นอกจากการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างถูกต้องและปลอดภัยแล้ว ในบทความนี้ อย. จะขอเจาะลึกในเรื่องของการทดสอบการแพ้ก่อนที่จะใช้เครื่องสำอางทุกชนิด เนื่องจากหากใช้เครื่องสำอางแล้วเกิดการแพ้อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้



    การทดสอบการแพ้ควรทำในเครื่องสำอางใดบ้างและทดสอบอย่างไร?

    ในการทดสอบการแพ้เครื่องสำอางนั้นควรทดสอบก่อนที่จะใช้เครื่องสำอางทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นครีมทาหน้า ครีมบำรุงผิว ลิปสติก บรัชออน ฯลฯ โดยควรทดสอบก่อนใช้แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมายหรือมีความน่าเชื่อถือก็ตามการทดสอบการแพ้สามารถทำได้โดยทาเครื่องสำอางที่ท้องแขนทาทิ้งไว้ 24 – 48 ชั่วโมง หากไม่มีผื่นคันแดงหรือไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น แสดงว่าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นได้



    การแพ้เครื่องสำอางเกิดขึ้นได้กับทุกคนหรือไม่?

    การแพ้เครื่องสำอางขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ระคายเคืองผิวหรือไม่ก่อให้เกิดการแพ้ 100% แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายจะมีความเสี่ยงในการแพ้สูงขึ้น



    ดังนั้นเราสามารถใช้เครื่องสำอางได้อย่างปลอดภัยได้โดย ก่อนซื้อ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีเลขที่ใบรับจดแจ้งเครื่องสำอาง 10 หรือ 13 หลัก และมีฉลากภาษาไทย ก่อนใช้ หลังจากที่ทดสอบการแพ้ของเครื่องสำอางแล้ว ก่อนที่จะใช้ควรอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และหมั่นสังเกตผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทุกครั้ง หากมีสี กลิ่น หรือลักษณะที่ผิดปกติไม่ควรใช้ต่อ ควรนำไปทิ้ง อีกทั้งควรดูวันหมดอายุของเครื่องสำอางอยู่เสมอ หากพบว่าเครื่องสำอางหมดอายุแล้วก็ควรทิ้งไป ไม่ควรนำมาใช้


  • การเลือกนมสำหรับทารกและเด็กเล็ก
    นมแม่ถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก โดยอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ต่อการเจริญเติบโตตามวัย รวมทั้งมีสารช่วยเสริมสร้างูมิคุ้มกัน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร แต่หากคุณแม่อยู่ในสภาวะที่ไม่อาจให้นมหรือนมแม่มีไม่เพียงพอ จะมีวิธีเลือกซื้อนมให้ลูกน้อยอย่างไรดี วันนี้ อย. มีคำตอบ

    ผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและเด็กเล็ก คือ นมหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงทารกและเด็กเล็ก สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท

    1. นมดัดแปลงสำหรับทารกหรืออาหารทารก เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งหมายใช้เลี้ยงทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน มีสารโปรตีน ไม่น้อยกว่า 1.8 กรัมของเคซีน สารคาร์โบไฮเดรตต้องเป็นน้ำตาลแลคโตส และสารไขมันไม่น้อยกว่า 3.3 กรัม และไม่เกิน 6.0 กรัม ในจำนวนที่ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่

    2. นมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็กหรืออาหารสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็กเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งหมายใช้เลี้ยงทารกที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 12 เดือน หรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีถึง 3 ปี มีสารโปรตีน ไม่น้อยกว่า 3.0 กรัมของเคซีน และสารไขมันไม่น้อยกว่า 3.0 กรัม และไม่เกิน 6.0 กรัม ในจำนวนที่ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่

    ทั้งนี้ หากเด็กอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป สามารถกินนมกล่อง UHT หรือพาสเจอร์ไรซ์ได้ เนื่องจากเด็กจะได้รับอาหารตามวัยซึ่งครบ 5 หมู่อยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้นมที่เติมสารอาหารตามข้างตัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะโภชนาการของเด็กแต่ละคน


    หลักการเลือกซื้อนม
    1. ควรอ่านฉลากอาหารและข้อมูลทางโภชนาการก่อนเลือกซื้อ

    สารอาหารที่กฎหมายบังคับให้ต้องแสดงค่าพลังงานและปริมาณสารอาหาร ได้แก่ ปริมาณพลังงานและสารอาหารที่ให้พลังงานวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ

    การอ่านฉลากอาหารและข้อมูลโภชนาการจะช่วยให้คุณแม่สามารถเลือกซื้อนมให้ลูกน้อยได้เหมาะสมกับความต้องการหรือภาวะทางโภชนาการ

    2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเลขสารบบอาหาร และเลือกซื้อให้เหมาะสมกับอายุของทารก ผลิตภัณฑ์ส่วนมากจะระบุอายุของทารกไว้ที่ฉลากอาหาร

    3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์เรียบร้อยและยังไม่หมดอายุ

    4.รายละเอียดที่ต้องแสดงบนฉลากอาหาร ได้แก่ ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ส่วนประกอบสำคัญ ข้อมูลโภชนาการ คำแนะนำการใช้และการเก็บรักษา วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ ปริมาณอาหาร วิธีเตรียม ข้อความสิ่งสำคัญที่ควรทราบ

    แม้นมแม่จะดีที่สุดสำหรับทารก แต่หากคุณแม่มีปัญหาในการให้นมแม่ คุณแม่ควรศึกษาประเภทของนมและเลือกนมที่ดีและเหมาะสมสำหรับลูกน้อยเพื่อทดแทนนมแม่ แต่อย่างไรก็ตาม อย.ขอเตือนคุณแม่อย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณเพิ่มน้ำนมมากินเอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้ และที่สำคัญ อย. ไม่เคยอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าว

  • อย. จับมือมูลนิธิกสิกรไทย บพข. และ TCELS ลงนามบันทึกความเข้าใจ ดำเนินโครงการ “น่านแซนด์บอกซ์” เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนายาจากสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ และสามารถออกสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์ได้ พร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ มาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566 - 2569

    เมื่อวันที่ (20 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ผ่านมา ณ ธนาคารกสิกรไทย อาคารราษฎร์บูรณะ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ดร.จิตต์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืชสมุนไพร ในพื้นที่จังหวัดน่าน บนความพยายามแก้ไขปัญหาให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์ป่าไม้ที่ยั่งยืน สามารถเป็นตัวอย่างให้กับพื้นที่อื่นในประเทศ

    เลขาธิการฯ อย. เปิดเผยว่า ทั้ง 4 หน่วยงาน จะร่วมกันจัดตั้งโครงการบ่มเพาะต้นแบบในลักษณะคลินิกให้คำปรึกษา เพื่อส่งเสริมการวิจัย ผลักดัน และสนับสนุนการพัฒนายาและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืช ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพภายใต้ พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องตามระเบียบขั้นตอน และยกระดับอุตสาหกรรมพืชยาให้มีความปลอดภัยมีคุณภาพและมาตรฐานสูง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเพื่อเป็นประโยชน์หรือกรณีศึกษาในการส่งเสริมให้เกิดการขึ้นทะเบียนกับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ อีกทั้งจะร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมการพัฒนายาและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืช เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและการคืนกลับมาของป่าในจังหวัดน่าน ตามแนวทางของโครงการ “น่านแซนด์บอกซ์” ต่อไป

  • อย. และมาเลเซียร่วมหารือความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ
    อย. ให้การต้อนรับทูตพาณิชย์ประเทศมาเลเซีย ประจำประเทศไทย ในการเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รวมถึงหารือความร่วมมือเพื่อการส่งเสริมการส่งออก

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 คณะผู้บริหาร อย. ร่วมให้การต้อนรับ Mr. Mohamed Hafiz Md Shariff, Trade Commissioner สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงาน Malaysia External Trade Development Corporation (MATRADE) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการส่งเสริมการส่งออกของประเทศมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางมาเข้าเยี่ยมคารวะและหารือความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทย–มาเลเซีย โดยประเทศมาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันกับไทย ถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและในภาพรวมระดับโลก ซึ่งทั้งสองประเทศได้ตกลงร่วมกันที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ อย. และ MATRADE ได้มีการประสานงานระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดย อย. ได้ให้การสนับสนุนข้อมูลด้านกฎระเบียบเป็นอย่างดีมาโดยตลอด การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองหน่วยงานจะได้หารือความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการส่งออก และเกิดการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อย.

    รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้นำเสนอกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2566 และขอความอนุเคราะห์หน่วยงาน MATRADE ช่วยประสานวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการจัดกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ อย. ยังนำเสนอความร่วมมือทางวิชาการสำหรับการประเมินผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ (Novel Food) และความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับด่านอาหารและยา ทั้งความร่วมมือทางวิชาการ ด้านกฎระเบียบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ การเฝ้าระวังความปลอดภัย รวมไปถึงการรับรองแหล่งผลิตที่ต้นทาง ซึ่งได้มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบหลักเพื่อการประสานงานประเด็นดังกล่าวกับประเทศมาเลเซียต่อไป

  • รู้และเข้าใจ PrEP กับ PEP ยาต้านไวรัส HIV
    การมีเพศสัมพันธ์ที่เปิดกว้างและเสรี ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวียังเพิ่มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนวัตกรรมทางด้านยาและสาธารณสุขก็ได้ปรับตัวให้สอดคล้องเพื่อป้องกันและลดจำนวนผู้ติดเชื้อด้วยเช่นกัน อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันบ้างแล้วกับยาต้านไวรัสเอชไอวีทั้งแบบป้องกันและฉุกเฉิน คืออะไร วันนี้มาทำความรู้จักไปพร้อมกัน
    PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis (ยาต้านก่อนเสี่ยง) เป็นยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวี ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในผู้ที่มีภาวะสุ่มเสี่ยง หรือรับประทานเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการติดเชื้อ เช่น ในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ทราบผลเลือดหรือมีคู่นอนหลายคน , ผู้ที่คู่นอนเป็นผู้ติดเชื้อ HIV , ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น , มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นต้น แต่ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้

    ประสิทธิภาพของยา PrEP จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการรับประทานยา โดยต้องรับประทานยาทุกวัน วันละ 1 เม็ด ให้ตรงเวลา รวมถึงป้องกันการติดเชื้อโดยใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การลดจำนวนคู่นอน เป็นต้น หลังจากใช้ยา PrEP ควรตรวจเลือดเพื่อติดตามประสิทธิภาพของยาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีทุก ๆ 3 เดือน สำหรับระยะเวลาการใช้ยาและการหยุดยาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
    PEP หรือ Post exposure prophylaxis (ยาต้านฉุกเฉิน) ใช้รับประทานหลังจากมีความเสี่ยงได้รับเชื้อเอชไอวีให้ไวที่สุดหรือภายใน 72 ชม. เช่น การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน ถูกข่มขืน สัมผัสเลือดหรือได้รับสารคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อ HIV บุคลากรทางการแพทย์ที่เกิดอุบัติเหตุ มีดบาด เข็มตำในโรงพยาบาลจากการทำหัตถการให้คนไข้ เป็นต้น แต่หากเกินกว่า 72 ชม. การใช้ยา PEP จะไม่เกิดประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อ จึงไม่จำเป็นต้องรับยา แต่ควรมาตรวจเลือดหลังจากวันที่มีความเสี่ยงอย่างน้อย 14-21 วัน
    ยา PEP ต้องรับประทานจนครบ 28 วันตามที่แพทย์กำหนด นอกจากนี้ยังต้องมาตรวจหาเชื้อซ้ำหลังผ่านไป 1 เดือนและ 3 เดือน ระหว่างนี้ผู้กินยาต้องใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง หากกินไม่ครบประสิทธิภาพการป้องกันจะลดลง และจะต้องมีการตรวจหาเชื้อ HIV ซ้ำหลังรับประทานยาครบ

    เชื้อเอชไอวีสามารถป้องกันได้ หากรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับยาได้ที่สถานบริการของรัฐ เอกชน หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีแพทย์ประจำ เนื่องจากการใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และมีเงื่อนไขว่าผู้นั้นจะต้องผ่านการตรวจเลือดแล้วพบว่ามีผล HIV เป็นลบ รวมถึงการตรวจไวรัสตับอักเสบบี และตรวจการทำงานของตับและไตร่วมด้วย เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากยา

  • อย. เตือนการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม อ่านฉลากให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ เพื่อความปลอดภัย
    จากเหตุมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมแล้วผมร่วง แสบร้อนทั้งหัว อย. เตือน ระวังการเลือกซื้อและการใช้เพราะเป็นเครื่องสำอางที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ แนะเพื่อความปลอดภัย อ่านฉลากให้ละเอียดก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ ปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด

    กรณีมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แล้วเกิดอาการผมร่วงขาดเป็นจำนวนมากแสบร้อนไหม้พอง เป็นแผลบนหนังศีรษะ เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สั่งการตรวจสอบ พบว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้เสียหายใช้ คือ KOTA COSMETICS COLOR CREAM SEPlA (ASH GREY) ใบรับจดแจ้งเลขที่ 10-2-6500043714 นำเข้าโดย บริษัท โคทาคอสเมติก จำกัด สถานะใบรับจดแจ้งถูกยกเลิกโดยผู้ประกอบการเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 (ตรวจสอบวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566) ทั้งนี้ อย. ได้เข้าตรวจสอบสถานที่นำเข้า และเก็บตัวอย่างเครื่องสำอางเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์แล้ว สำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้ หรือขาย ให้สังเกตวันเดือนปีที่ผลิต ต้องเป็นรุ่นที่มีการผลิตและนำเข้าก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 (วันที่ยกเลิกใบรับจดแจ้ง) หากพบเป็นรุ่นการผลิตหลังจากวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 อย่าใช้ และให้รีบติดต่อร้านค้าแหล่งขายเพื่อขอคืนสินค้าต่อไป

    ผู้บริโภคควรตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ข้อมูลต้องตรงกับที่ปรากฏบนฉลาก และมีสถานะใบรับจดแจ้งคงอยู่ และก่อนซื้อให้พิจารณาว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีฉลากภาษาไทย ระบุชื่อ ประเภทเครื่องสำอาง แสดงชื่อสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม มีชื่อ-ที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ (สำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน) คำเตือน และเลขที่ใบรับจดแจ้ง ควรซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือและมีชื่อ - ที่ตั้งแน่นอน หากใช้แล้วเกิดปัญหาสามารถติดตามย้อนกลับได้ ทั้งนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมจะต้องปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด และเพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ โดยการทาเครื่องสำอางในปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณท้องแขน หรือหลังใบหู แล้วทิ้งไว้ 24 - 48 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ระคายเคือง ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์นั้น





    -2-

    อย. ขอย้ำเตือน ผู้นำเข้าเครื่องสำอางต้องมีความรับผิดชอบต่อสินค้าที่นำเข้ามาขาย คัดเลือกผลิตภัณฑ์จากโรงงานผลิตที่น่าเชื่อถือ ผู้ขายต้องตรวจสอบการจดแจ้ง และจัดทำฉลากภาษาไทยที่ครบถ้วน ถูกต้องก่อนจำหน่ายแก่ผู้บริโภค หากมีการแสดงฉลากด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ผู้นำเข้า/ผู้ผลิต/ ผู้รับจ้างผลิต จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ขายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    กรณีเครื่องสำอางไม่มีฉลากภาษาไทยหรือมีข้อความอันจำเป็นไม่ครบถ้วน ผู้นำเข้า/ผู้ผลิต/ผู้รับจ้างผลิตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ขายมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นผู้ขายเครื่องสำอางทางออนไลน์ จึงมีหน้าที่ตรวจสอบด้วยว่าเครื่องสำอางที่ขายได้รับการจดแจ้งอย่างถูกต้อง มีการแสดงฉลากภาษาไทยครบถ้วน ถูกต้อง เพราะผู้บริโภคที่ซื้อทางออนไลน์ไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้าและฉลากของผลิตภัณฑ์จริง

  • อย. ตรวจพบน้ำแข็งหลอดย่านวัชรพล เลขสารบบอาหาร 10-1-05341-1-0001 พบเชื้อโคลิฟอร์ม และ อี.โคไล ระวังเสี่ยงท้องร่วง
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สุ่มเก็บตัวอย่างอาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่าย จากสถานที่ผลิตอาหารชื่อ บริษัท วัชรพลน้ำแข็งหลอด จำกัด เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร โดยฉลากผลิตภัณฑ์ระบุ “น้ำแข็งหลอดใช้รับประทานได้ เลขสารบบอาหาร 10-1-05341-1-0001 ผลิตโดย บริษัท วัชรพลน้ำแข็งหลอด จำกัด ...93/4 ซ.วัชรพล (รามอินทรา 55)แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ” ส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอร์ม มากกว่า 23 ต่อน้ำ 100 มิลลิลิตร โดยวิธี เอ็ม พี เอ็น (Most Probable Number) และตรวจพบแบคทีเรียชนิด อี.โคไล (Escherichia coli) ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 78 (พ.ศ. 2527) เรื่อง น้ำแข็ง จึงจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ อย. อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังการซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

  • อย. แนะ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินใช้สำหรับกรณีจำเป็นที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ใช่ยาสำหรับทำแท้งและไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ทั้งนี้ อาจพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้ โดยส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อย แต่ควรปรึกษาแพทย์ หากพบอาการผิดปกติ

    นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า เทศกาลวันแห่งความรัก (14 กุมภาพันธ์) คนส่วนใหญ่มักแสดงความรักแก่กัน ซึ่งมีคู่รักหลายคู่ที่อาจมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน และจำเป็นต้องใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงแนะผู้ใช้ยาทำความเข้าใจ ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกของการคุมกำเนิดที่หลากลาย โดยมีข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การทำหมัน การใส่ห่วงอนามัย และการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยมียาเม็ดคุมกำเนิดที่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำแบบรายเดือนและยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นเท่านั้น

    ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีส่วนประกอบของโปรเจสโตเจนปริมาณสูง มี 2 ขนาด คือ 0.75 มิลลิกรัม/เม็ด และ 1.5 มิลลิกรัม/เม็ด ซึ่งสามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ แบบที่หนึ่ง กินยาขนาด 0.75 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงต่อมา และแบบที่สอง กินยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรืออย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยการใช้ทั้งสองแบบให้ผลไม่ต่างกัน ทั้งนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจพบอาการข้างเคียงได้ ซึ่งส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อย เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดท้องน้อย และความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมายาวนานขึ้น แต่หากพบอาการผิดปกติ หรือสงสัยภาวะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์

    รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวย้ำว่า การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกหนึ่งในการคุมกำเนิดที่ใช้สำหรับกรณีจำเป็น โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรายเดือน อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

  • วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ.,
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา,
    ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานกรณีทลายเครือข่ายลักลอบนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยปลอมหลากยี่ห้อ และกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดัง
    โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลางกว่า 70 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 14,000,000 บาท

    สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากบริษัท เทพไทย โปรดัคท์ จำกัด พบผลิตภัณฑ์ยาสีฟันสมุนไพรยี่ห้อเทพไทยปลอม แพร่ระบาดในตลาดออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า มีการจำหน่ายยาสีฟันสมุนไพรเทพไทยปลอมบนแพลตฟอร์มช้อปปี้จริง และพบว่ากลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดมีการลักลอบนำสินค้าปลอมเข้ามาจากประเทศจีน จากนั้นนำมาเก็บไว้ที่โกดังเก็บสินค้าในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานครเพื่อรอการบรรจุแล้วส่งขายให้กับลูกค้า โดยกลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะการกระทำความผิดคือ มักจะสับเปลี่ยนบัญชีที่รับโอนเงินค่าสินค้าและสถานที่จัดเก็บสินค้าอยู่ตลอด รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อร้านในแพลตฟอร์มช้อปปี้ โดยในระหว่างเดือน ตุลาคม 2564 - ธันวาคม 2565 เกินกว่า 10 ครั้ง และมีใช้รถขนส่งเอกชนในการจัดส่งสินค้าในลักษณะอำพราง ให้ตรวจสอบได้ยาก และพบหลักฐานความเชื่อมโยงว่ามีร้านค้าออนไลน์ที่เครือข่ายดังกล่าวใช้ที่อยู่หน้ากล่องสำหรับจัดส่งพัสดุสำหรับการขายสินค้าในแพลตฟอร์ม ช้อปปี้และลาซาด้ากว่า 18 ร้าน

    ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ อย. นำหมายค้นของศาลอาญาพระโขนง เข้าค้นสถานที่เก็บสินค้าในพื้นที่ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 จุด รายละเอียดดังนี้

    1. บ้านเลขที่ 7/58 ซอยสุภาพงษ์ 1 แยก 12 แขวงหนองบอน เขตประเวศ ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บ และแพ็คสินค้าปลอมส่งให้ลูกค้า ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ยาสีฟันปลอม ยี่ห้อเทพไทย จำนวน 36 หลอด และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้ออื่นๆ ที่ต้องสงสัยว่าปลอม จำนวน 21 รายการ

    2. บ้านเลขที่ 234 หรือ 70/70 หมู่บ้านนุชเวศน์ ซอยอ่อนนุช 70/1 แขวงประเวศ เขตประเวศกรุงเทพฯ ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ต้องสงสัยว่าปลอม รวม 8 รายการ และกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมพร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์ จำนวน 3 รายการ รายละเอียดดังนี้

    1. กระเป๋าถือ ยี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง จำนวน 30 ใบ

    2. กระเป๋าถือ ยี่ห้อ กุชชี่ จำนวน 35 ใบ

    3. กระเป๋าถือยี่ห้อ อีฟ แซง โรลองท์ จำนวน 2 ใบ

    จากการสืบสวนขยายผลพบว่า สินค้าปลอมดังกล่าวส่งมาจากโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จึงได้ร่วมกับ อย. นำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัท เอ็มเอ๊กซ์ โลจิสติกส์ จำกัด เลขที่ 95/8 หมู่ที่ 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ต้องสงสัยว่าปลอม รวม 16 รายการ, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 จำนวน 14 รายการ, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 จำนวน 1 รายการ, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 1 รายการ, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สมุนไพร พ.ศ.2562 จำนวน 2 รายการ

    รวมตรวจค้นทั้งสิ้น 3 จุด ตรวจยึด 1. ยาสีฟันปลอมยี่ห้อเทพไทย 36 หลอด, 2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอื่นที่ต้องสงสัยว่าปลอม ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 จำนวน 45 รายการ,3.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 จำนวน 14 รายการ, 4. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 จำนวน 1 รายการ, 5. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 1 รายการ, 6. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สมุนไพร พ.ศ.2562 จำนวน 2 รายการ และกระเป๋าถือแบรนด์เนม 67 ใบ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 14,000,000 บาท ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดอื่นฯ อยู่ระหว่างติดต่อตัวแทนของแต่ละบริษัทเพื่อมายืนยันเพิ่มเติม

    จากการตรวจสอบเครือข่ายดังกล่าวพบว่ามี Mr.Zhong หรือนายจง (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน เป็นผู้ดูแล เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายจง ฯ ในความผิดฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 และมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534” โดยนายจงฯ ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าตนมีหน้าที่นำสินค้าปลอมมาแพ็ค และจัดส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้สั่งการ โดยได้รับค่าจ้างออเดอร์ละ 7-8 บาท เฉลี่ยวันละ 500-1,000 ออเดอร์ โดยนายจง ฯ รับว่าทำมาแล้วประมาณ 3 เดือน ในส่วนผู้ต้องหารายอื่นอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป

    เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม

    พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
    3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมฯ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  • อย.เตือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไดเฮิร์บ
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไดเฮิร์บ (DIHERB Dietary Supplement Product) ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไดเฮิร์บ (DIHERB Dietary Supplement Product) เลขอย. 11-1-24162-5-0021 ซึ่งในการยื่น ขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริม อาหารไม่มีผลในการ บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และต้องแสดงคำเตือนดังกล่าวบน ฉลาก และการแสดงข้อความ “ไดเฮิร์บ จะเป็นผลิตภัณฑ์เดียว ที่คุณเห็นผลลัพธ์จริงๆใน อาการต่อไปนี้ : น้ำตาลในเลือดสูง อ่อนเพลียจากโรคเบาหวาน มือชา เท้าชา ปัสสาวะ คน บ่อยผิดปกติ วูบจากอาการน้ำตาลสูง ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลขสูง แผลหายช้า แห้งไม่สนิท” และ “Diherb ผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาลและ คอเลสเตอรอล ปรับสมดุลความดัน โลหิต” เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพของ อาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้ เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่ง อย. จะดำเนินการ ทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืน พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป...

  • ตัวย่อ บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร รู้ไว้...ใช้เป็น
    MFD Manufactured Date MFG Manufacturing Date “วันที่ผลิต” เช่น MFG : 21012023 หมายถึง ผลิตภัณฑ์นี้ผลิตเมื่อวันที่ 21 เดือนมกราคม ค.ศ.2023 หรือ พ.ศ.2566 “ยิ่งใกล้วันซื้อ ยิ่งดี”

    EXP Expiry Date EXD Expiration Date "วันหมดอายุ" เช่น EXP : 21012026 หมายถึง ผลิตภัณฑ์นี้หมดอายุวันที่ 21 เดือนมกราคม ค.ศ. 2026 หรือ พ.ศ. 2569 ไม่ควรบริโภคต่อ หลังจากวันที่ระบุ (อาหารอาจเสีย บูดเน่า) ควรทิ้ง ยิ่งไกลวันชื่อ ยิ่งดี

    BB , BBF Best Before BBE Best Before End "ควรบริโภคก่อน” เช่น BBE : 30.04.28 หมายถึง ควรบริโภคก่อนวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2028 หรือ พ.ศ. 2571 แตกต่างจาก "วันที่หมดอายุ” ตรงที่หากเลยวันที่ระบุยังสามารถ บริโภคได้แต่รสชาติ คุณภาพ และคุณค่าทางอาหารจะลดลง ยิ่งไกลวันซื้อยิ่งดี

    *สำคัญ* ควรพิจารณาลักษณะ กลิ่น สีและรสชาติว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เช่นมีจุดของเชื้อรา หรือ มีลักษณะเป็นเมือก ไม่ควรบริโภค

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร WELLGO รักษาอาการปวดข้อเข่า โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน และหมอน รองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด..
    ตรวจสอบข้อเท็จจริง ...ผลิตภัณฑ์ฉลากระบุ WELLGO ดังกล่าว ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใน ชื่อ เวลส์โก (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)/Wellgo (Dietary Supplement Product) เลขอย. 10-1-07561-5-0061 ซึ่งในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผล ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการ บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และต้องแสดงคำเตือนดังกล่าวบนฉลาก และการแสดงข้อความ รักษา อาการปวดข้อเข่า โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน และหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควรซึ่ง อย. จะดำเนินการ ทางกฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืนพรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 ต่อไป.

  • การคุมกำเนิดเพศชาย
    การคุมกำเนิดเป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมมีบุตรหรือมีบุตรเพียงพอแล้ว ซึ่งนอกจากการคุมกำเนิดของเพศหญิงแล้วในปัจจุบันมีวิธีการคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ละวิธีก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ซึ่งการจะเลือกใช้วิธีใดนั้นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย วันนี้เราจึงนำเสนอข้อมูลเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับคุณผู้ชาย ดังนี้
    การทำหมันชาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรเพียงพอแล้ว เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบถาวรสำหรับชายโดยการผ่าตัดผูกตัดท่อนำเชื้ออสุจิทั้ง 2 ข้าง
    ข้อดี * สามารถทำได้ง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ปลอดภัย
    * ไม่มีผลโดยตรงต่อสมรรถภาพ หรือความรู้สึกทางเพศ
    ข้อเสีย * ไม่สามารถมีบุตรได้อีกเลย
    * ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำให้เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    * ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

    ถุงยางอนามัย เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่นิยมใช้
    ข้อดี * สะดวก หาซื้อง่ายตามร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หากใช้อย่างถูกวิธี ใช้ได้ทุกโอกาส
    ข้อเสีย/ข้อควรระวังในการใช้ * ไม่สามารถใช้ซ้ำได้
    * ถุงยางอนามัยทำจากยางพารา ต้องระวังไม่ใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทน้ำมัน เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงและฉีกขาดได้
    ถุงยางอนามัย จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องมีใบอนุญาตในการผลิตหรือนำเข้า การเลือกซื้อถุงยางอนามัยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการใช้ ก่อนซื้อก่อนใช้ควรสังเกตเครื่องหมาย อย. บนผลิตภัณฑ์ อ่านฉลากก่อนซื้อ ตรวจดูวันที่ผลิต และวันหมดอายุ

    การหลั่งภายนอกช่องคลอด

    ข้อดี * ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ง่าย สะดวก และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการปฏิบัติ
    * ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนเหมือนยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด และแผ่นแปะคุมกำเนิด
    * ไม่มีผลต่อประจำเดือนของเพศหญิง
    ข้อเสีย * อาจชะงักอารมณ์ทางเพศของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
    * มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำมาก

    การคุมกำเนิดถือเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องหันมาใส่ใจ ไม่ว่าจะเพศไหน หรืออายุเท่าไหร่ก็ตาม เพราะเรื่องการตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม ทั้งอยู่ในช่วงวัยที่ไม่พร้อมหรือไม่พร้อมมีบุตรเพิ่ม รวมถึงการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่แก้ไขที่ปลายเหตุได้ยาก จึงควรให้ความสำคัญและใส่ใจแต่เนิ่น ๆ
Visitors: 39,757