บริการจดทะเบียนอาหาร/เสริมอาหาร
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
1. เช็คสูตรส่วนประกอบ (ฟรี)
2. ขึ้นทะเบียนสถานที่นำเข้าหรือผลิต จนได้ใบอนุญาติ
3. เตรียมเอกสาร(รายละเอียดขอได้ที่ 0970094800)
4. ยื่นจดทะเบียนผลิตภัณฑ์
5. ชำระค่าธรรมเนียมต่อผลิตภัณฑ์ 2000 บาท
อาหาร ( food ) คือ สิ่งที่บริโภคเข้าไปแล้วให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยไม่มี พิษภัยหรือให้โทษแก่ร่างกาย
เสริมอาหาร(Supplement) หมายถึง เพิ่มให้แก่อาหาร. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารตามปรกติ ซึ่งมีสารอาหารหรือสารอื่นเป็นองค์ประกอบ เช่น วิตามิน กรดอะมิโน กรดไขมัน แร่ธาตุ รวมทั้งสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบ. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่อาหารโดยตรง แต่ใช้บริโภคเพื่อเสริมสร้างสุขภาพหรือเสริมความงามเป็นต้น
เกี่ยวกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 448) พ.ศ. 2567 เรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ฉบับที่ 5)
- กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้องมีชนิดและปริมาณสูงสุดของวิตามินหรือแร่ธาตุตามที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายประกาศฯ ทั้งนี้ ปริมาณต่ำสุดต้องไม่น้อยกว่าร้อยละสิบห้าของค่าอ้างอิงสารอาหารต่อวันสำหรับคนไทย (THAI REFERENCE DAILY INTAKES - THAI RDIs) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยฉลากโภชนาการ สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้วิตามินหรือแร่ธาตุ
- มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่ได้รับอนุญาตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 293) พ.ศ. 2548 เรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก่อนวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ให้ยังคงจำหน่ายต่อไปได้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคม 2570
กรณียื่นคำขออนุญาตแก้ไขผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับเลขสารบบก่อนวันที่ 2 ก.ค. 67
- หากไม่ได้ขอแก้ไขสูตรส่วนประกอบ แต่ขอแก้ไขอย่างอื่น (เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ อายุการเก็บรักษา ที่อยู่สถานที่ผลิต/นำเข้า เป็นต้น) สามารถใช้สูตรเก่าต่อไปได้ จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2570
- หากยื่นขอแก้ไขสูตรส่วนประกอบ ขอให้ปรับปริมาณวิตามินและแร่ธาตุในสูตรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 448) พ.ศ. 2567 เรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ฉบับที่ 5)
- การยื่นขอแก้ไขสูตรส่วนประกอบ ผู้ประกอบการสามารถปรับเพิ่ม/ลด ชนิด/ปริมาณ ของส่วนประกอบใดก็ได้แต่ต้องให้สอดคล้องหรืออยู่ในช่วงตามที่ อย. กำหนด ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดชอบในการสื่อสารให้ผู้บริโภครับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงสูตรส่วนประกอบโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบสำคัญ (active ingredients) ของผลิตภัณฑ์ และต้องแสดงส่วนประกอบบนฉลากให้ตรงตามที่ได้แจ้งแก้ไขใหม่
- กรณีมีการยื่นแก้ไขรายละเอียดอื่นของอาหาร แต่ไม่ได้มีการแก้ไขสูตรส่วนประกอบ และผู้ประกอบการยังไม่มีความพร้อมในการจัดทำฉลากโภชนาการตามประกาศฯ ฉบับที่ 445 ยังคงสามารถแสดงฉลากโภชนาการตามประกาศฯ ฉบับที่ 182 หลังจากวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องบริหารจัดการฉลากที่มีอยู่หรือฉลากที่กำลังจัดทำใหม่ให้มีระยะเวลาการวางจะหน่ายในท้องตลาดให้เป็นไปตามที่ประกาศฯ กำหนด
ตารางปริมาณวิตามินที่สามารถใส่ได้ในอาหารเสริม/วัน